
เปิดตัวลูกเมีย จา พนม ครองรัก13ปีทรหดเจอกันปีละ3เดือน

จา พนม : ร่วม 10 ปีแล้วครับ
ปีนึงจะได้เจอกับพี่บุ๋งกี๋ 3-4 เดือนเท่านั้น?
จา พนม : ครับประมาณนั้น
ความห่างเป็นผลกับจิตใจเราบ้างไหม?
บุ้งกี๋ : มีเหงาบ้าง คิดถึงกันบ้าง แต่ก็มีวีดิโอคอลคุยกัน แต่สำคัญเลยคือ 1.ความเข้าใจ เราต้องเข้าใจก่อนว่าเขาทำงาน ด้วยงานและสถานที่มันคนละเวลากัน

จา พนม : ใช่ครับ ถามว่าคิดถึงลูกไหม แน่นอนครับ เขากำลังน่ารัก เราอาศัยช่วงเบรกงานวีดิโอคอลมา มันก็ทำให้คลายความคิดถึงไปได้บ้าง
ณ วันที่พี่จาตัดสินใจไปทำงานที่ต่างประเทศ ซึ่งเราไม่รู้หรอกว่าไปแล้วมันจะประสบความสำเร็จหรือเปล่า เชื่อว่ามันต้องเป็นการตัดสินใจที่หนักหน่วงที่สุด ตอนนั้นคุยกันยังไง?
บุ๋งกี๋ : ด้วยความสามารถและด้วยโอกาสที่มันเข้ามา ก็ควรที่จะต้องตัดสินใจต้องไปทำตรงนั้น มันไม่ใช่ตลอดไป มันเป็นแค่ช่วงเวลานึงสั้นๆ
ย้อนไปช่วงที่ตัดสินใจว่าจะไปแน่ๆ ชีวิตช่วงนั้นหนักหน่วงเหมือนกัน ทั้งข่าวสารพัดอย่าง บางที่เขียนว่า เหมือนพี่อกตัญญูกับค่ายเก่า บางที่บอกว่า พี่จาติสท์ คุยลำบาก มีโลกส่วนตัวสูง แล้วบวกกับต้องำปแบบนี้ด้วย มันทำให้เกิดปัญหากับพี่2คนไหมในการแก้ปัญหา?
จา พนม : ผมโชคดีมากที่มีครอบครัวและภรรยาที่ซัพพอร์ตผม ในที่นี่เราทำคนเดียวไม่ได้ ข้างหน้าต้องซัพพอร์ต มันคือความไว้ใจเลยเกิดความมั่นใจที่จะโฟกัสเดินไปข้างหน้า เพราะเรารู้ว่าไปข้างหน้าเราทำเพื่ออะไร
คู่นี้เขาให้เกียรติซึ่งกันและกัน ตอนนั้นก็มีแฟนคลับที่เป็นสาวๆ เข้ามาหาพี่จาเยอะเหมือนกัน?
จา พนม : ก็เป็นเรื่องธรรมดา แฟนคลับก็มี แต่เราในเรื่องของการทำงาน เรามีหน้าที่ที่ต้องทำ ผมเชื่อว่าการทำแอคชั่นมันไม่ได้ง่ายๆ นะครับ มันต้องใช้พลังอย่างมาก และต้องทำให้คนเชื่อ โดยเฉพาะต่างประเทศเขายอมรับอะไรที่ยากมากๆ เราคิดว่าเราไปทำในสิ่งที่ถูกต้องไม่ได้ออกนอกลู่ นอกทาง ด้วยสังคมมันก็มี แต่เราโฟกัสในหน้าที่การงานของเรา

จา พนม : ก็มันเป็นกำลังใจ ไปต่างประเทศผมเอาเครื่องรางของขลังไปให้เพื่อน ทำไมเราถึงทำบุญ เพราะบุญคือกำลังใจ เราทำในสิ่งที่ดีนะ เราคิดบวกกับตรงนี้มันเลยเป็นพลังให้เรา
คือโฟกัสแต่เรื่องงาน เรื่องสาวๆ อยู่ข้างๆ อย่ามายุ่งกับฉัน?
จา พนม : แบบนั้นเราอาจจะไม่อิน
แล้วเวลาลูกถามหาพ่อ พี่บุ๋งกี๋จัดการยังไง?
บุ้งกี๋ : ก็อธิบายด้วยเหตุผล ทุกอย่างภาพมันเห็นอยู่แล้ว คุณพ่อไปทำงานนะ เดี๋ยวเสร็จงานคุณพ่อกลับบ้าน
เคยมีจุดที่เห็นน้ำตาลูกแล้วไม่ไหว อยากกลับบ้านไหม?
จาพนม : มีโมเมนต์ที่แบบอยากกลับบ้าน คิดถึงอาหารไทย คิดถึงลูก คิดถึงครอบครัว คิดถึงเมืองไทย มีฟีลลิ้งนี้ แต่ก็ทำไม่ได้ เราต้องโอเค เรามาทำหน้าที่ตรงนี้

บุ้งกี๋ : จริงๆ เด็กไม่ได้เรียบร้อยตลอดเวลา เด็กก็จะมีงอแงบ้าง บางทีก็ไม่เข้าใจบ้าง ก็จะบอก มีความรู้สึกว่าเราบอกด้วยเหตุผล แต่ถ้าพูดไม่รู้เรื่องจริงๆ ก็มีแอบตีบ้าง
พี่จาอยากให้ลูกเป็นนักบู๊เหมือนเราไหม?
จา พนม : ผมไม่ได้คิดบังคับลูกว่าลูกต้องเป็นอะไร เมื่อเขาพร้อม เขาจะฉายแววมาเองว่าเขาชอบอะไร พร้อมที่จะสนับสนุนเขา
แล้วการดูแลภรรยา?
จา พนม : ก็เราเป็นสามี ก็ดูว่าเขาต้องการอะไร เราพร้อมที่จะสนับสนุน มาดูว่าความต้องการขนาดไหน
พี่บุ๋งกี๋บอกว่าการเป็นภรรยา จา พนม ต้องอดทน?
บุ้งกี๋ : เขาก็ติสต์เหมือนกันนะคะ บางทีเขาก็จะไม่พูด บางวันเขาก็เงียบไปเลยทั้งวัน แล้วเขาอยู่แต่ในห้องทำงาน ดูหนัง ทำงานแบบนั้นทั้งวันไม่ทานข้าวก็มีบ้าง
ไม่ค่อยได้คุยกันบางทีก็เดาอารมณ์ไม่ถูก?
บุ๋งกี๋ : ใช่ บางทีลูกบ้าง จะไปรับลูกที่โรงเรียน แต่ตอนเช้าทุกวันเราจะต้องไปส่งลูกด้วยกัน แล้วเขากฌจะติสท์

บุ้งกี๋ : เมื่อก่อนก็หงุดหงิดเหมือนกันนะ เรียกก๋ไม่ทำอะไรเลย แต่พอหลังๆ ชิน โอเคไม่ต้องทะเลาะกันเธอทำไป ฉันก็ไปทำหน้าที่ของฉัน
จริงไหมพี่จา?
จา พนม : อันนี้ต้องยอมรับความจริงครับ เราเป็นคนแบบว่า ลึกๆ เราต้องการความสงบ เพราะ 1.เราทำงานที่ค่อนข้างจะเสี่ยงสูง บางที บางอย่างมันพูดกับใครไม่ได้ บางทีเราต้องใช้การดีลีดแล้วนิ่งๆ คนเดียว แต่เราพยายามที่จะปรับนะให้มันลดลงมา
พี่รู้ไหมว่าภรรยาพี่แอบน้อยใจอยู่ลึกๆ แล้วใช้วิธีเงียบไป?
จาพนม : รู้ครับ ก็พาเขาไปช้อปปิ้ง ไปเที่ยว
เปย์เยอะไหม?
บุ้งกี๋ : เราก็เลือกเอาที่เหมาะสม
จา พนม : การเซอร์ไพรส์ก็มีบ้าง แต่ต้องขอบคุณภรรยา เราไม่ได้เก่งไปทุกอย่าง เราโฟกัสเรื่องเดียว แต่ผู้หญิงโฟกัสหลายเรื่องได้ ดูแลแทนเราในสิ่งที่มันจุกจิกๆ

มีช่วงนึงที่พี่หายหน้า หายตาไป คุณบุ้งกี๋ก็ติดต่อไม่ได้?
บุ้งกี๋ : ถ้าเป็นช่วง 10 ปีที่แล้วยังไม่ได้เจอกัน แต่จะมีช่วง 5 ปีที่แล้ว
จา พนม : ตอนนั้นเป็นช่วงที่ผมต้องย้ายเมือง แล้วนั่งเครื่องบินส่วนตัว เป็นเครื่องบินเล็ก ประมาณ 4-5 คนกับโปรดิวเซอร์ แล้วผมก็ไม่ได้บอกทีมงาน คลื่นมันขาดหายไปเลย ไม่มีสัญญาณ โทรศัพท์ใช้ไม่ได้ แล้วผมประสบอุบัติเหตุไม่ได้เล่า ไม่ได้บอกครอบครัว มันมีอยู่ฉากนึงที่ผมจะต้องแอคชั่นที่โขดหินในถ้ำ ผมกระโดดเตะจากที่สูง แล้วข้อเท้าเสียงดังก๊อก ทุกคนในกองได้ยิน ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ ทุกคนตกใจมาก เราขยับขาไม่ได้ พักกอง เรียกรถพยาบาลหามผมไปที่โรงพยาบาลทั้งชุดมอนสเตอร์ฮันเตอร์ พอไปถึงโรงพยาบาล หมอก็ตกใจ ดูหน้ามีเลือดเต็มไปหมด ผมเลยบอกว่าไม่ใช่หน้าแต่บาดเจ็บที่เท้า แต่ผมไม่บอกครอบครัว




 กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
  กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
























 กระทู้ล่าสุด
 กระทู้ล่าสุด


 รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
 รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
















































Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday
https://www.facebook.com/teeneedotcom