
ดาราหนุ่มเปิดปมชีวิตโดนบูลลี่-รุมกระทืบ คิดสั้นจะลาโลก

กอฟ : มีงูเห่า มีซีนอาบน้ำ คนค่อนข้างพูดถึง เป็นหนังหวือหวา
หลังจากนั้นก็มีหนังดังหลายเรื่อง แต่กอฟบอกว่าไม่เอาแล้วเมืองไทย ไปอยู่เมืองนอกดีกว่า หายไป 8 ปีใช่ไหม?
กอฟ : ประมาณนั้นครับ ไปอยู่นิวยอร์ก อเมริกา จริงๆ เราโตที่นั้นไปตั้งแต่อายุ 10-11 ขวบ ตอนที่เราไม่รับเลย เรารู้สึกเบื่อไง เพราะว่าเรารับแต่บทเดิมๆ
การเป็นพระเอกไม่ชอบเหรอ กับการที่เขาส่งมาให้ อยากให้เราเป็นพระเอก ไม่ดีเหรอ?
กอฟ : ชอบๆ แต่ว่าด้วยความเป็นตัวเรา ถ้าดูหนัง หรือละครที่เราเล่นจะพยายามรับบทที่มันไม่ซ้ำกันเลย อย่างสมมติ แม่เบี้ย เล่นปุ๊บมีชื่อเสียงตรงนั้นขึ้นมา คนก็ติดต่อแต่บทอีโรติกอย่างนี้ แต่เราก็ไม่รับ เพราะเราไม่อยากให้ติดลุค ทีนี้เราไปรับปลายเทียน เป็นละครถือว่าประสบความสำเร็จ และหลังจากนั้นก็จะมีพีเรียดมาเยอะมาก แล้วมีจอมขมังขเวทย์ เข้ามา เรารู้สึกว่ามันใช่เลย พอเราอ่านบทปุ๊บ แล้วต้องเล่นกับพี่นก ฉัตรชัย รู้สึกว่าน่าสนใจ บทเข้มข้นมากก็เลยรับ

กอฟ : ไม่เหมือนเลยๆ มันฉีกออกไป พอตอนถ่ายตอนจบเราไม่รู้ว่าเราต้องโกนหัว เขาไม่ได้บอกเรา บอกแค่เล่นเป็นตำรวจ ปรับลุคนิดหน่อย พอเล่นไป ผู้กำกับเข้ามาคุยกับผมเลยว่า กอฟโกนหัวได้ไหม ตอนนั้นเรามีงานอื่นอยู่ แต่เรารู้สึกโอเคมาถึงขนาดนี้แล้ว เราก็ถ่ายมาเยอะแล้ว รู้สึกอินกับคาแรคเตอร์ โอเคโกนก็โกน ก็โกนเลย
เลิกแสดงแล้วไปอยู่เมืองนอกเลย มันไม่มีบทไหนที่เราชอบแล้วเหรอ?
กอฟ : มันมีบทเข้ามานะ แต่มันก็ไม่ค่อยมีอะไรให้เราเล่น ถ้าสังเกตทุกงานเราจะเปลี่ยนลุคตลอด จะไม่ซ้ำกันเลย เปลี่ยนทรงผม การแต่งตัว สีผิว อย่าง ไชยา ผมไปทำให้ตัวดำเลย ผมไปที่โรงพยาบาล มันมีเครื่องทำตัวแทน มันจะแรงกว่า มันอาจจะมีผลข้างเคียงได้ แต่อันนี้ใช้สำหรับคนเป็นโรคผิวหนัง เป็นแสงยูวีจริงๆ เลย เราเข้าไปไม่ต้องนาน ประมาณ 5 นาที ดำเลย ผมไปอาทิตย์ละ 3 ครั้ง อยากอินกับคาแรคเตอร์ ตอนนั้นไว้ผมแบบเซอร์ หนวดดเครารุงรัง ไปไหนคนก็จะแบบใครวะ โจรมาหรือเปล่า
ก็เลยรู้สึกตัน?
กอฟ : ใช่ ถูกต้อง
สุดท้ายไปอยู่เมืองนอก หาอะไรทำดีกว่า แต่ตอนที่เราซื้อตั๋วจะไปมันต้องมีงานติดต่อเข้ามาเยอะ?
กอฟ : มี ก็บอกเขาตรงๆ บอกว่าพอดีผมจะไปแล้ว
อย่างนี้คนก็มองว่ากอฟติสท์แตกหรือเปล่า ดังแล้ว ติสท์แตกไม่เล่นหนัง?
กอฟ : ไม่หรอก คือคนที่เคยร่วมงานกับผมจะรู้เลยว่าเราทำงานจริง จะรู้เลยว่าเป็นคนที่ทุ่มกับงาน ทำอะไรเราเต็มที่กับมัน
หยุดวงการบันเทิงเมืองไทย ไอจะไปนิวยอร์ก ไปนิวยอร์กตอนนั้นคิดไหมว่าจะไปทำอาชีพอะไร?
กอฟ : ตอนนั้นคุยกับเพื่อนไว้ อาจจะทำร้านอาหารเล็กๆ ลงกันคนละไม่เท่าไหร่ แต่ทีนี้พอเราตัดสินใจจริงๆ ไปที่นั่นปุ๊บ พอไปคุยทุกอย่างมันไม่ใช่อย่างที่คุยไว้ ว่าอาจจะลงกันคนละเท่านี้ๆ ไปๆ มาๆ จะให้เราลงเยอะขึ้น แล้วให้เราทำงานหลายอย่างเอง เรารู้สึกว่าไม่ใช่แล้วมั้ง แต่มีเพื่อนอีกคนที่เขาทำรีโนเวทบ้านหรือคอนโดที่เพิ่มมูลค่าให้มากขึ้น ก็ไปช่วยเขา

กอฟ : ตอนที่เราไป 11 ขวบ เราเป็นคนตัดสินใจเองที่อยากจะไป เพราะว่ามีคุณอาอยู่ที่นั่น เรารู้สึกว่าอยากไปเจอโลกกว้าง อยากมีประสบการณ์ อยากไปเจออะไรที่มันแปลกตาออกไป
ตอนแรกอยู่นานเท่าไหร่?
กอฟ : ตีว่า 15 ปี
กลับมาคือเข้าวงการเลย?
กอฟ : ก็แม่เบี้ย
แล้วมาอยู่เมืองไทยเล่นหนัง เล่นละคร แล้วกลับไปใหม่?
กอฟ : ก็กลับไปกลับมา จะบอกว่าตอนที่ไปภาษาไม่ได้เลย เราพูดไม่ได้เลย
โดนกระทืบไหม?
กอฟ : ใช่ครับ รุมกระทืบ ง่ายๆ ไปเราก็ดูเด๋อๆ อยู่แล้ว เราเป็นเด็กไม่รู้เรื่องอะไร การที่เราสื่อสารไม่ได้นี่แหละมันเหมือนเป็นแกะดำ เอาง่ายๆ ผมนั่งเฉยๆ ในห้องเรียน อยู่ๆ ฝรั่งสูงๆ เดินมาปุ๊บไปเอาข้อสอบเขา น่าจะตก เราก็ไม่ได้อะไร อยู่ๆ เดินผ่านเรามา ชกหน้าเรา ครูก็อยู่ตรงนั้น แต่ครูไม่กล้าทำอะไร
เหมือนเป็นที่ระบายอารมณ์ของคนอื่น?
กอฟ : ใช่ครับ
พีเค : พี่ก็โดน โดนปุ๊บข้างหลังยกขึ้น 4-5 คน เราสู้ไม่ได้นั่งดีกว่า
กอฟ : นั่นแหละ เราต้องเอาตัวรอด

กอฟ : หมดเลยอะ เอาง่ายๆ เดินๆ อยู่ เราถือหนังสือมาหลายๆ อัน เดินๆ ไปตบปั๊วะ กระจาย อีกคนก็ผลัก มารุมกัน กระทืบก็เคยโดน ผลักเราล้มลงไป แล้วมากระทืบเราซ้ำ มีครั้งหนึ่งมีเพื่อนคนนึง เราอยากเป็นเพื่อนกับเขา แล้วเขาอาจจะอยากเป็นเพื่อนกับเรา และอาจจะช่วยเราได้ เพราะตอนที่เราเจอเขา เขาถือไม้เท้าเหมือนขาเขาหัก แล้วอีกข้างก็ถือของมา เราก็รีบไปช่วยเขา เพราะเขาถือไม่ได้
สุดท้ายกลายเป็นเพื่อนรัก?
กอฟ : ก็ไนซ์กัน พอขาเขาหายปุ๊บ นั่นแหละเขาก็ไปรวมกลุ่มกับแก๊งอีกพวกที่แกล้งเรา มาแกล้งเรา
ถ้าเป็นหนูงอแงแล้วนะ ไม่ไปโรงเรียนแล้ว?
กอฟ : ก็ไม่ไปไง เราแต่งตัวทุกอย่าง ออกจากบ้าน แต่ไม่ไปโรงเรียน ไปเดินสวนสาธารณะ เพื่อให้มันหมดเวลาแล้วกลับบ้าน
หาทางออกยังไง เราไม่ไปเรียนอย่างเดียวไม่ได้หรอก?
กอฟ : ใช่ คือตอนนั้นด้วยความที่มันเป็นเด็กก็สูบบุหรี่ แอลกอฮอล์ เบียร์ คือมันพยายามหาทางออก เราก็ไม่รู้ทำยังไง ต้องหาทางออกให้มันมึนๆ เบลอๆ ไว้ แล้วเราเป็นคนที่ไม่บอกใครด้วยนะ เพราะเป็นคนไม่ชอบที่จะเอาปัญหาเข้าไปในบ้าน คือเราอยากจัดการปัญหาด้วยตัวเราเอง
แต่พี่รู้มาว่ามันหนักถึงขนาดกอฟเคยคิดฆ่าตัวตายเลยเหรอ?
กอฟ : ใช่ๆ ตอนนั้นเราหาทางออกไม่ได้ เรายังเด็กคิดไม่ได้ แล้วประสบการณ์เราไม่มี พอคนมาทำร้ายเราก็เหมือนเราทำร้ายตัวเองต่อ คนอื่นก็ไม่เห็นชอบเราเลย ก็แสดงว่าเราไม่ดีมั้ง ถ้างั้นให้มันตายๆ ไปมันน่าจะดีกว่า มันคือความคิดของเด็ก แล้วเราไม่มีใครที่จะแนะนำเรา ด้วยความที่ตัวเองไม่อยากเอาปัญหาไปให้คนอื่น เราจะไม่บอกที่บ้าน อยู่กับอา อยู่กับอะไรเขาไม่รู้เลย
แสดงว่าตอนนั้นทำ?
กอฟ : มีทำอยู่ ทุบตีตัวเองบ้าง ทุบหัวก็มี เพราะมันไม่ไหวแล้วจริงๆ ด้วยความกดดันของเด็ก บางทีไม่ไหวแล้วจริงๆ หยิบจับอะไรที่มันคมๆ กรีดๆ แขน ให้มันรู้สึกว่ามันเจ็บปวดทางร่างกายขึ้นมา ให้มันลืมไปชั่วขณะนึง

กอฟ : เกือบ 3 ปี แต่ในระยะเวลานั้น ด้วยความที่เราเป็นนักสู้ เราก็ไม่ยอมแพ้ จะแบบว่าพยายามดูทีวี พยายามพัฒนาภาษาอังกฤษของตัวเอง แล้วเราก็พยายามหาเพื่อนที่เป็นฝรั่ง คือเราก็ไปคุยกับเขา คนที่เขาไม่ได้แกล้งเรา เราคุยกับเขาเยอะๆ ปรากฏว่า 3 ปีนั้นเราเอาสำเนียงไทยออกได้หมดเลย มันเลยทำให้เรารู้สึกว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ประสบการณ์ชีวิตของเรา มันสอนให้เราพัฒนาขึ้น ถ้าเราเรียนรู้จากกรรม ทุกอย่างมันจบได้หมด
หลายคนโดนบูลลี่ อยากบอกอะไรเขา?
กอฟ : ใครที่โดนบูลลี่อยู่ไม่ต้องสนใจ ยิ่งตอนนี้เป็นโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ติ๊กต๊อก หรืออะไรก็แล้วแต่ อาจจะมีคนที่มาบูลลี่เรา แต่ก็อาจจะมีคนที่รักเรา ชอบเรา ที่เขาชื่นชมเรา ฉะนั้นพวกนั้นคือขยะไม่ต้องไปใส่ใจ แล้วเราทำในสิ่งที่เรารักให้ดีที่สุด ถ้าเรารู้ตัวเองว่าเราทำอะไรอยู่แล้วไม่ได้ไปทำให้ใครเดือดร้อน ไม่ต้องกลัวครับ เป็นตัวของตัวเองนั่นแหละครับ
ผ่านช่วงนั้นมาได้แล้ว แต่ดันโดนมีดจี้อีก มันคืออะไร?
กอฟ : อย่างที่บอกประสบการณ์เรายังไม่เยอะ แล้วเราไปเดินที่มันเปลี่ยว เราเข้าไปในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน มันเงียบมากก็ไม่ได้อะไร แต่พอเดินไปสักพัก กำลังจะเข้าไปซื้อตั๋ว ไม่รู้ใครอยู่ๆ เข้ามาล็อกคอเลย ล็อกแบบเราหายใจไม่ออกเพราะเขาตัวใหญ่มาก เราพยายามดิ้น เอามีดมาจี้ โอ้โห...วันนี้เราจะตายไหม อย่างนี้มันต้องอะไรสักอย่างแล้ว ตอนนั้นเราดิ้นไม่ได้แล้ว นิ่งเลย แล้วบอกว่าเอาเงินมาให้หมด เราก็บอกว่าโอเคๆ เอื้อมไปเอากระเป๋าให้ พอมันได้แล้วมันก็วิ่งหนีไป ถามว่าโชคดีไหมก็โชคดีที่ไม่ได้โดนแทงวันนั้น

กอฟ : ใช่ แต่ตามบัตรประชาชนยังใช้ อัครา อมาตยกุล เหมือนเดิม เพียงแต่ว่าเราอยากให้มันอัปเดตขึ้น ทันสมัยขึ้น ดูอินเตอร์ขึ้น เราเลยเอา 4 อักษรสุด A K U L แล้วกลับเป็น LUKA เป็นลูก้า แต่มันไม่มีความหมายอะไร เราก็เลยใส่ตัว s เข้าไป พอมันเป็น ลูคัส มันมีความหมายว่า แสงสว่าง มีความหมายที่ดี
ปรึกษาใคร ปรึกษาหมอดู?
กอฟ : ปรึกษาตัวเอง
กอฟ เอา ล์ ออกด้วย?
กอฟ : คืออยากให้มันทันสมัยขึ้น คือ กอล์ฟ มีเยอะแล้ว ก็ตัดเอา ล์ ออก
พอเปลี่ยนเป็น ลูคัส เตรียมโกอินเตอร์หรือเปล่า มีติดต่อ ทาบทามไหม?
กอฟ : มีครับ น่าจะประมาณสัก 10 กว่าปีที่แล้ว มีโปรดิวเซอร์จากฮอลีวู๊ดติดต่อพี่คนหนึ่งมาทักทายเรา พอเขาบอกมา เรื่อง The Green Hornet ตัว เคโต้ ที่ บรู๊ซ ลี เคยเล่นในซีรีส์ ผมก็ทำแคสติ้งส่งเทปไป เขาสนใจมาก ตอนนั้นผมมาอันดับ1 เลย เขาสนใจเรามากที่สุด แต่มันมีบางอย่างเกิดขึ้น ด้วยตัวเลข เราไม่รู้ว่าเขาไปเรียกเท่าไรยังไง แต่เรามารู้ทีหลัง เขาเรียกสูงมาก เขาก็เลยต้องเลือกคนอื่น เพราะมันสูงเกิน เราไม่รู้ไง ถ้าเรารู้เท่าไหร่ก็เล่น
Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday
https://www.facebook.com/teeneedotcom