ย้อนไทม์ไลน์ อ๊อด คีรีบูน ป่วยมะเร็งปอด ทำไมให้เก็บเป็นความลับ
ชมพู : ยังอยู่นิดๆ ครับ ตอนแรกจะช็อกเยอะมาก ถึงเราจะรู้แต่เราไม่คิดว่าอ๊อดจะจากไป คิดว่าจะหาย เคยมีอาการที่อ๊อดผ่านช่วงนี้มาถึง 2 ครั้ง หมายถึงว่าอาการของมะเร็ง ปี 59 นี่ขั้น 4 ครั้งนึงแล้วที่กระดูก เขาก็ผ่านมาได้ แล้วหลังจากนั้นเขาก็เล่าให้เราฟัง เราเลยรู้สึกว่าเขาคงค้นพบวิธีที่จะตัดการมันแล้ว ครั้งที่2 ที่กลับมา คือปี 62 พี่เจอเขาปลายปี 63 ดีมากเลย เพราะฉะนั้นสำหรับพี่ในใจมีความหวังเสมอว่าอ๊อดจะหาย
ตอนนั้นรางกายดูแข็งแรงทุกอย่าง?
ชมพู : แข็งแรงเลยครับ ครั้งนั้นขึ้นสมองแล้ว แต่ผ่าตัดครั้งแรกแล้วก็ดีเลย เจอกันไปทานข้าวด้วยกัน แล้วก็เขาเล่าให้ฟังตอนนี้ผ่าตัดแล้ว ก็เห็นว่าเขาแข็งแรงมาก ซึ่งเจอเขาเมื่อปี 63 ปลายปีที่แล้วนี่เอง สำหรับพี่พอรับรู้ว่าเขาป่วย เรามีความคิดอยู่เสมอว่า เดี๋ยวอ๊อดต้องหาย
วันที่พี่อ๊อดเสียใครโทรมาบอกพี่?
ปิง : ชมพูทักไลน์มา แต่เขารู้แหละว่าผมหลับแล้ว เพราะผมเป็นคนนอนเร็ว เพราะว่าตอนเช้ามีถ่ายละคร เขาทักมาว่า ปิงถ้าตื่นแล้วทักกลับนะ เราก็เอ๊ะ...เรื่องอะไร พอดีเที่ยงคืน ด้วยความที่เรา สว เราก็ลุกไปฉี่ พอเราทักกลับไปชมพูก็โทรศัพท์กลับมา พูดคำแรกเลย ปิงอ๊อดเสียแล้ว คือความรู้สึก ความทรงจำที่อ๊อดเคยบอกเรา 3-4 ปีก่อน มันพุ่งเข้ามาใส่หัวผมเลยว่าเขาเคยเป็น แล้วเขาเคยเล่าให้เราฟังบนรถตู้ในขณะที่เรากำลังไปพักผ่อน ไปเที่ยวกัน แล้วเขารู้สึกดีใจมากกับอาการที่เขาเป็นตอนนั้น คือเขาหายแล้ว แล้วเราก็เชื่อว่าเขาหายแล้ว เขาบอกถ้าเป็นอะไรนะเรามีที่รักษาดีมากเลย ได้ทำสมาธิด้วย เพราะไปรักษากับพระอาจารย์ ได้อยู่ในวัดด้วย แต่พอได้ยินคุณชมพูบอกคืนนั้นเลยไม่ได้นอน
ตอนที่พี่ทราบข่าว ความรู้สึกตอนนั้นมันช็อกขนาดไหน?
ชมพู : ผมทราบข่าวจากภรรยาอ๊อด ถามว่าช็อกขนาดไหนคงไม่ต่างจากพี่ปิง อย่างที่บอกไม่เคยเผื่อใจไว้เลยว่าเราจะเสียเขาไป เห็นมาแล้วว่า 2 ครั้งที่แล้วเขาผ่านมาได้อย่างดีเลย แล้วก็คิดว่าเขาก็คงผ่านได้ มันก็มีขึ้นคอนเสิร์ตต่างๆ แล้วปี 60 เราไปร้องเพลงที่เชียงราย คือระหว่างนั้นเขาป่วยอยู่ตลอด แต่เราไม่รู้
เห็นว่ามีการหยิบผลเอ็กซ์เรย์มาให้ดู?
ปิง : คือเราไปร้องเพลงกันที่เชียงราย แล้วเราจะกลับวันรุ่งขึ้น เราแบบเอ๊ะ...ไปเที่ยวกันก่อนไหม ตอนนั้นมีเหตุถ้ำขุนน้ำนางนอน ดังมาก เราก็วางแผนจะไปกัน และระหว่างทางก็จะไปหาอะไรอร่อยๆ กินกัน มีในรถผู้ชายมี 3 คน แล้วมีแฟนคุณชมพูคนนึง ก็สนุกปากที่จะคุยนู่น คุยนี่ คุยนั่น แล้วก็วนมาถึงเรื่องสุขภาพ อ๊อดก็เลยควักฟิล์มเอ็กซ์สเรย์มาให้ดู
ชมพู : เขาเล่าให้ฟัง แล้วเอารูปในฟิล์มเอ็กซ์สเรย์มาให้ดู
ปิง : ก็เห็นเป็นปอด เห็นเป็นกระดูกซึ่งดำมาก อ๊อดเล่าให้ฟังว่าเขาเป็นมะเร็งนะ
ชมพู : เป็นรูปก่อนที่เขาจะหายนะครับ หมายความว่าปอดที่เอ็กซ์เรย์ก็เป็นมะเร็งบนด้านขวา แล้วก็กระดูกทั้งรางกายเลยมีสีดำเต็มไปหมด แล้วอ๊อดบอกว่าตอนที่เป็น เริ่มต้นจากต้นปี กุมภา หลังจากที่คอนเสิร์ตรวมดาวครั้งแรก เสร็จคอนเสิร์ตเขาก็ไปตรวจสุขภาพประจำปี แล้วเจอมะเร็งปอด
แต่ตอนที่พี่เขาเป็นเขาไม่ได้บอกพี่ชมพู พี่ปิงเลย เขามาเล่าให้ฟังหลังจากหายแล้ว?
ชมพู : ใช่ คือปี 59 ที่มีคอนเสิร์ตเนี่ย ตอนนั้นอ๊อดก็ยังไม่รู้ เราก็ไม่รู้ แต่เขาก็ร้องเพลงได้ปกติ แต่พอเขาไปตรวจสุขภาพหลังจากคอนเสิร์ตก็พบว่าเป็น ก็รักษาที่ปอดก่อน ตัดส่วนบนออก แล้วตุลาคม 59 มันกลับมาที่กระดูก หลังจาก 59 เขาก็ไปรักษาหมอด้วย แล้วไปเจอพระที่ราชบุรีโดยบังเอิญเลยรักษา 2 ทางไปพร้อมกัน หลังจากนั้นก็หายแล้วเราก็ไปเจอกันที่เชียงราย
ที่รักษากับพระอาจารย์พี่อ๊อดได้เล่าไหมว่าวิธีรักษาเป็นยังไง?
ชมพู : เล่าครับ อย่างที่พี่ปิงบอก พู พี่ปิง ถ้าเผื่อว่าเป็นอะไรบอกนะพระอาจารย์นี่เก่งมาก แล้วเขาหายแบบหายดีเลย
พระอาจารย์เขาดูแลโรคมะเร็งยังไง?
ชมพู : ของหมอก็ให้ยามา พี่เอ้กเขาบอกว่ากินยาทาเก็จ ส่วนของพระอาจารย์ก็เป็นการนวแ เคาะ แล้วก็เหยียบ และสมุนไพร แล้วก็หาย ซึ่งตอนนั้นอาการขั้น 4 นะ เหมือนจะหมดหวังแล้ว
ปิง : ตอนที่อ๊อดพูดในรถตอนนั้นว่าเขาหาย ผมพูดตรงๆ ว่าผมไม่เชื่อ อาการไม่ได้เบาอะ แล้วไปรักษาด้วยวิธีแบบนี้
ชมพู : วันนั้นเราคุนกันดึกมากเลย
เห็นว่าพี่อ๊อดห้ามบอกใครด้วย?
ปิง : ใช่ๆ พอบอกกับเราแล้ว อ๊อดก็บอกว่าเรื่องนี้เหยียบไว้เลยนะ อย่าเพิ่งไปพูดกับใคร เพราะว่าจริงๆ อ๊อดเขาเป็นคนที่เกรงใจมาก เกรงใจทุกคนเลย ไม่ใช่เฉพาะแฟนคลับ แม้กระทั่งเพื่อน แล้วก็สิ่งต่างๆ ที่เขาเล่ามา เขาขอร้องว่าเราอย่าเพิ่งไปเล่าให้ใครฟัง
เพราะอะไรทำไมพี่อ๊อดถึงไม่อยากให้ประชาชนหรือแฟนๆ เขารู้?
ปิง : อ๊อดเป็นคนแบบนี้ เขาไม่อยากให้สิ่งใดๆ ที่เขาพูดออกไปหรือคำจากตัวเขาไปสร้างความรู้สึกเป็นห่วงหรือกังวลใจทุกคนที่อยู่รอบข้างตัวเขา เขาเป็นคนค่อนข้างจริงจังกับเรื่องพวกนี้มาก เขาจะเป็นผู้ชายที่สุภาพ พูดจาเพราะ เรียบร้อย มีความเคารพในผู้หลัก ผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ในวงการเพลงบ้านเรารักคุณอ๊อดทุกคน
ปิง : ใช่
พี่อ๊อดได้เล่าไหมระหว่างรักษาทางแพทย์แผนปัจจุบัน ช่วงนั้นทำคีโมด้วยไหม?
ชมพู : ช่วงนั้นให้ยากิน เมื่อคืนเพิ่งถามพี่เอ้กมา เขาทานยาทาเก็จ นั่นคือสิ่งที่คุณหมอให้ แล้วอ๊อดก็ไปพักผ่อน เพื่อที่ผ่อนคลายที่ราชบุรี เหมือนไปอาบน้ำพุร้อน ไปรักษาทางธรรมชาติ แล่วก็ไปเจอพระอาจารย์ แล้วได้รักษากับพระอาจารย์แล้วก็หาย
หายมาถึงปลาย 63?
ชมพู : หายมาถึงปลาย 62 หายนี่หายเลย เอา 60 ก่อนนะ เราเจอกันที่เชียงราย หายแล้ว รับรู้แล้ว ได้เจอกันบ่อยขึ้น เพราะช่วง 10 ปีหลังจะมีงานร้องเพลงที่เราต้องไปเจอกันบ่อย แล้วก็ 61 เราทำคอนเสิร์ตด้วยกัน ทุกคนมีความสุข และผ่านไปด้วยดี หลังจากนั้นก็ยังเจออยู่ในการร้องเพลง จนกระทั่งอ๊อดมาออกรายการที่พี่เป็นกรรมการ แล้ววันนั้นอ๊อดจะมีบุคลิกผิดไปแบบที่เคยเป็น จนทุกคนแปลกใจ คือแซวทุกคน แบบไม่ใช่อ๊อด
ปิง : คืออ๋อดปกติเขาจะนุ่มๆ สุภาพ แต่วันนั้นไม่ใช่
ชมพู : วันนั้นเราก็คิดว่าอ๊อดเป็นอะไร ในใจพี่ไม่ได้คิดว่าป่วยนะ พี่คิดว่าเดี๋ยวนี้อ๊อดกล้าเล่นขึ้น เจ๋งหวะ แต่นั้นทำให้เอ้กภรรยาของอ๊อดรู้สึกว่ามันไม่ปกติ เพราะเขานั่งดูตอนอัดรายการอยู่ เขาบอกว่าเห็นปากเหมือนกระตุกๆ เหมือนเบี้ยว แล้วอาการอะเลิดแบบนี้ไม่ใช่อ๊อดปกติ หลังจากอัดรายการเสร็จเขาก็เลยพาอ๊อดไปตรวจ ก็เลยพบว่ามะเร็งมันกลับมาขึ้นไปที่สมอง นี่คือปลายปี 62
แล้วเขาก็หายมาเล่าให้พี่ฟัง?
ชมพู : ปลายปี62 ก็รักษาละ แล้วก็ผ่าตัด กินยาให้ยาไปเรื่อยๆ จนกระทั่งปลายปี 63 พี่ถึงได้เจอ คือหลังจากอัดรายการเสร็จก็ไม่รู้ อ๊อดก็ไม่ได้ร้องเพลง เพราะว่าปี 62 โควิดมาแล้ว ปลายปียังมีช่วงคลายช่วงนึงถึงได้อัดรายการได้ และธันวาก็ปิดอีก ทีนี้การที่เราไม่ได้เจอกันจึงไม่ได้อัปเดตและไม่ได้คิดว่าเขาเป็นอะไร จนกระทั่งปลายปี 63 พี่ไปบ้านผู้ใหญ่แล้วก็นัดกับอ๊อดไป แล้วทานข้าวกัน อ๊อดถึงเล่าให้ฟังว่าเขาไปผ่าตัดสมองมา แล้วก็ดีขึ้นมาก นั่นแหละที่พี่บอกว่าไม่คืดว่าเขาจะเป็นอะไร แต่อ๊อดเล่าให้ฟังว่าใส่วิก แต่พี่เห็นหน้าตารูปร่างก็ดีใจ เพื่อนหายอีกแล้ว และนั่นคือครั้งสุดท้ายที่พี่เจอ
พี่เอ้กตอนนี้สภาพจิตใจเป็นยังไงบ้าง?
เอ้ก : พยายามจะไม่เศร้า เพราะครูบาอาจารย์เขาบอกพี่เอ้กว่าถ้าพี่เอ้กยังเศร้าอยู่พี่อ๊อดก็ยังไม่สบายใจ ซึ่งเขายังอยู่ในใจเราตลอดเวลา มันคงต้องใช้เวลาในการทำใจ
ทุกวันนี้ยังแอบร้องไห้อยู่ไหม?
เอ้ก : ก็มีทุกเช้า
เอิ๊ก : หนูเห็นคุณแม่ร้องไห้ทุกวัน ตอนหลังๆ คนมาให้กำลังใจเยอะ ก็ช่วยเรื่องสภาพจิตใจได้เยอะมาก แต่ว่าถามว่าเศร้าไหม คิดถึงคุณพ่อทุกวันที่กลับบ้านเลย
เอ้ก : หลังจากคอนเสิร์ตรวมดาว พอจบคอนเสิร์ตก็เลยไปตรวจสุขภาพ คุณหมอก็ไปเจอเป็นจุดที่ปอด คุณหมอเลยขอ ทีซีแสกน ก็เลยเจอเหมือนชิ้นเนื้ออยู่ที่ปอด คุณหมอก็เลยเจาะว่าชิ้นเนื้อนั้นมันเป็นเนื้อร้ายไหม ผลออกมามันก็เป็นเนื้อร้าย แต่ว่าขนาดมันเล็กนิดเดียว คุณหมอบอกว่าปอดเราเนี่ยด้านนึงมันจะมี 2 ลูป คุณหมอบอกว่าตัดออกไปลูปนึงที่มันมีปัญหา ตอนนั้นพี่อ๊อดอยู่ในสเตจ1 คุณหมอบอกส่าแค่ตัดออกไม่ต้องฉายแสง ไม่ต้องทำอะไรเลย แล้วพี่อ๊อดไม่เคยเป็นมะเร็งมาก่อนทุกอย่างมันก็ปกติ พอหลังจากผ่า ไปตรวจทุกอย่างมันกลับมาเป็นค่าปกติเลย ก็แสดงว่ามันหายแล้ว แต่เราไม่รู้เลยว่าโรคเขาคงไปตามต่อมน้ำเหลืองหรือไปตามกระแสเลือด แล้วมาเจออีกทีประมาณกุมภาปี59 เหมือนอยู่ๆ พี่อ๊อดเหมือนยืดหลังไม่ได้ ต้องนั่งก้ม พอยืดหลังก็จะปวด เลยพาพี่อ๊อดไปโรงพยาบาล คุณหมอก็เลยทีซีแสกน ก็เลยรู้ส่าโรคมันลามไปที่กระดูกหมดแล้ว หลังจากนั้นคุณหมอให้พี่อ๊อดทานยาทาเก็จหรืออีกอย่างคือยาพุ่งเป้า คือเป็นยาที่พี่อ๊อดไม่ต้องคีโม ไม่ต้องฉายแสง แต่เป็นการทานยาเพื่อไปยับยั้งตัวโรคเอาไว้ หลังจากนั้นปี 62 พี่อ๊อดก็อาการดีขึ้น ทุกอย่างเหมือนโรคเขาสงบนิ่ง
ตอนนั้นค่าใช้จ่ายในการรักษาพี่อ๊อดเท่าไหร่?
เอ้ก : ตอนยาพุ่งเป้าล็อตแรก ตอนนั้นค่ายาตกเดือนละ 3 หมื่น แต่พอทานไปสักระยะนึงพี่อ๊อดดื้อยา รอบ2 ที่มาขึ้นสมอง พี่อ๊อดก็ผ่าตัดสมองอีกที แต่หลังจากผ่าตัดคุณหมอบอกให้พี่อ๊อดฉายแสง แต่พี่อ๊อดไม่ยอม คุณหมอก็แจ้งว่าถ้าหมอยอมฉายก็ไม่เกิน 3 เดือนนะมะเร็งมันจะกลับมาเหมือนเดิม แต่พี่อ๊อดเขามีความเชื่อเรื่องยาไทย เขาคิดว่าเดี๋ยวเขาไปกินยาไทยมันก็สามารถไปฆ่าเชื้อได้ พอเดือนธันวาปี 62 โรคเขาก็กลับมาอีกมาที่เดิมและเท่าเดิม คุณหมอก็เลยถามอีกครั้ง แต่ครั้งนี้คุณหมอไม่ยอม ยังไงก็ต้องฉายแสง พี่อ๊อดก็เลยฉายแสง พอหลังจากฉายแสง พี่อ๊อดจะแปลกมากเลยทุกครั้งที่ตรวจเลือดหรือตรวจสุขภาพ ทุกอย่างเขาจะดูดีหมดเลย มันเหมือนโรคมันหลบ
ลึกๆ แล้วพี่เอ้กมั่นใจว่ายังไงก็หาย?
เอ้ก : เรื่องหายพี่ไม่มั่นใจ แต่จากผลที่ตรวจมามันอาจจะควบคุมโรคได้อยู่ อันนั้นคือสิ่งที่เราคิด
น้องเอิ๊กให้กำลังใจคุณพ่อยังไงบ้าง?
เอิ๊ก : ก็บอกคุณพ่อว่าไม่เป็นไร ค่อยๆ รักษาไปทีละสเต็ป จะให้กำลังใจตลอด อย่างหนูเองก็เชื่อว่ายังไงคุณพ่อก็จะมีวิธีรักษา พยายามบอกคุณพ่อให้ใจเย็นๆ ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป
คุณพ่อเป็นนักสู้ไหม?
เอิ๊ก : มากๆ ที่สุกในโลก ภูมิใจมากๆ ไม่เคยเห็นคุณพ่อบ่นว่าเจ็บ ไม่เคยเห็นคุณพ่อบ่นเลย
เอ้ก : เขาจะไม่ให้ใครเป็นห่วงเลย เราต้องสังเกตอาการเขาเอง
แสดงว่าต้นปี 64 อาการพี่อ๊อดเริ่มแย่ลง ถูกต้องไหม?
เอ้ก : ใช่ค่ะ เดือนมิถุนายนเหมือนร่างกายพี่อ๊อดเริ่มอ่อนแอ เริ่มมีปัญหาโซเดียมต่ำ ท้องเสีย พี่อ๊อดปวดในบางจุด คุณหมอก็ให้ไปฉายแสงระงับอาการปวด แต่พี่อ๊อดมาทรุดลงจริงๆ เมื่อเดือนที่แล้วเอง โรคมันมาเร็วมาก อยู่ๆ พี่อ๊อดก็ขาอ่อนแรง ก่อนหน้านั้นพี่อ๊อดก็มีปัญหาเรื่องขาอ่อนแรงอยู่ แต่ไม่มาก พี่อ๊อดก็ยังเดินได้ แต่พอมาเดือนที่แล้ว อยู่ๆ พี่อ๊อดก็ขาอ่อนแรงไปเลย
เอ้ก : คือคุณหมอเรียกพี่กับลูกไปคุยให้เข้าใจโรคว่ามันดำเนินมาถึงไหนแล้ว แล้วมันจะไปยังไงต่อ แต่อันนี้พี่ก็ไม่ได้บอกพี่อ๊อดนะว่าคุณหมอมาคุยกับเรายังไง เพราะตัวพี่อ๊อดเองเขาอยู่แบบกำลังใจดีตลอด เราบอกคุณหมอว่าไม่อยากให้พี่อ๊อดรู้สึกเศร้าหรือรู้สึกแย่ในสิ่งที่เขาเป็น แต่ว่าเราสองคนคุณหมอจะเรียกคุยเป็นประจำ ทุกครั้งที่พี่อ๊อดทรุดลง คุณหมอจะบอกว่าให้เราเตรียมตัว เตรียมใจยังไง เราควรจะทำอะไรบ้าง พูดถึงขนาดว่ามีอะไรที่คุณพ่อจะโอนให้ลูก
แล้วตอนไหนที่พี่อ๊อดคิดว่าเขาเล่นคอนเสิร์ตแล้วโบกมือให้แฟนคลับบอกให้เอารองเท้ามาใส่?
เอ้ก : ก่อนเข้าโรงพยาบาลวันเดียว ช่วงหลังๆ ที่พี่บอกว่าพี่อ๊อดทรุดคือพี่อ๊อดเริ่มสับสน ระหว่างจำได้กับจำไม่ได้
ช่วงสุดท้ายของชีวิตพี่อ๊อด เขาได้สั่งเสียอะไรไว้ไหม?
เอ้ก : ไม่ได้สั่งคะ
เอิ๊ก : ไม่เลยค่ะ
เอ้ก : คือเราใช้ชีวิตเหมือนปกติให้ความรักกันทุกวัน
เอิ๊ก : ตอนคุณพ่อเข้าโรงพยาบาลก็ยังหวังอยู่ว่าคุณพ่อจะได้ออกจากโรงพยาบาล ไม่ได้คิดว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายนะ แล้วเชื่อว่าคุณพ่อเองก็ไม่คิดเหมือนกัน
เอ้ก : เพราะทุกครั้งพี่อ๊อดเขาจะผ่านตรงนี้มาได้ตลอด ทั้งๆ ที่คุณหมอก็พูดนะ แต่เราสองคิดตลอดว่าคุณพ่อต้องผ่านไปได้ เพราะเขาเข้มแข็งมาก
ทำไมพี่อ๊อดตัดสินใจปิดทุกอย่างเป็นความลับ เขาเคยบอกพี่เอ้กไหม?
เอ้ก : พี่อ๊อดจะพูดกับพี่เสมอว่าถ้าคนรู้เขาก็จะมากังวลกับพี่อ๊อด แล้วพี่อ๊อดมีแฟนคลับที่รักพี่อ๊อดเยอะมาก พี่อ๊อดจะห่วงว่าเดี๋ยวจะเดือดร้อนมาเยี่ยมกัน แล้วต้องคอยโทรมาถาม แล้วมันเป็นช่วงโควิดด้วย เวลาพี่อ๊อดไปเล่นคอนเสิร์ตหรือทำอะไร พี่อ๊อดจะพูดเสมอว่าคนเรามีเหตุผลของตัวเองเสมอ ซึ่งพี่อ๊อดบอกว่าเหตุผลของเราบางทีเราก็ไม่จำเป็นต้องไปบอกใคร ในเมื่อเราสามารถจัดการเหตุผลของเราได้
เอ้ก : พี่กับลูกอยากขอบคุณทุกคน พี่เห็นทุกกำลังใจที่ส่งมาให้ เห็นความรักที่ทุกคนรักพี่อ๊อด ลูกยังพูดกับพี่เลยว่าเขาโชคดีที่เกิดมาเป็นลูกคุณพ่อ
เรื่องผีเป็นยังไง?
ปิง : ไปเล่นต่างจังหวัดกันไง พอไปถึง ทำไมคีรีบูนออกทั้งทีอยู่โรงแรมเดียวกัน เขาบอกเดี๋ยวพี่ก็รู้ สักพักข้างบนเจอผีกันเป็นแถวเลย แต่พวกพี่ไปเจอ มารู้ตอนหลังแล้วว่ามันมีผีผ้าม่านแอบดูคีรีบูนทั้งวง แต่มันไม่บอกเลยว่ามันเจออะไร มันอยากให้เราไปผจญภัยกันเอง
ถ้าพี่อ๊อดเขาสามารถรับรู้ได้พี่ปิงอยากจะบอกอะไรพี่อ๊อด?
ปิง : ไม่ต้องห่วงเลยนะ เรื่องต่างๆ เดี๋ยวแฟนเพลงอ๊อด เดี๋ยวฟรุตตี้ดูแลให้ แล้วจะมอบความสุขให้กับแฟนๆ อ๊อดอย่างเต็มที่เลย ไม่ต้องห่วงครับ
ชมพู : พี่กับพี่อ๊อดจริงๆ เกิดติดกันเลยนะ พี่อ๊อดเกิดหลังพี่ 10 วัน เดือนเดียวกัน ปีเดียวกัน เราคนเดือนสิงห์ จริงๆ เคยพูด เคยคุยอะไรกันค่อนข้างมากในช่วงหลัง เชื่อว่าทุกอย่างที่เคยบอก บอกไปแล้วละ ถ้าวันนี้จะบอกอะไรถึงอ๊อดคงบอกเหมือนพี่ปิง อ๊อดสบายใจได้ ชีวิตของอ๊อดดูแลทุกอย่างมาได้อย่างสวยงามและเป็นคนดีที่จะอยู่ในใจทุกคนตลอดไป ไม่ต้องห่วงครับ
https://www.facebook.com/teeneedotcom