
ครูเล็ก เล่าความลับเบื้องหลังกองถ่าย อึ้งมากกับตัวตนแท้จริงลิซ่า

1 ปีที่ผ่านมา สิ่งที่เป็นพลังงานใหม่ๆ ในชีวิตที่ไม่ได้สัมผัสหรือไม่เคยเจอมาก่อนเลยคืออะไร ?
ครูเล็ก : 1 ปีที่ผ่านมามันก็คือ White Lotus ตั้งปีเลย ตั้งกุมภาพันธ์จนสิ้นปี จนมาถึงปีนี้กุมภาพันธ์อีกเหมือนกัน ก็ต้องไปเดิน Red Carpet ซึ่งไม่เคยเดินเลยนะในชีวิตนี้ ใครให้ไปเดินเราจะปฏิเสธ เพราะไม่กล้า เขิน ไม่รู้จะไปเดินทำไม เพราะเราชอบไปไหนแบบหลบๆ คือเมืองไทยเขาก็เดินกันแบบหนึ่ง แต่ LA เนี้ยสนุกมาก
เป็นยังไงการเดินพรมแดงของที่ LA ?
ครูเล็ก : คือที่เราเห็นที่เมืองไทยคนอื่นเขาเดิน เราดูในทีวี ก็เดินแล้วก็โบกมือ แล้วก็ขึ้นไปบนเวทีให้สัมภาษณ์ แต่ที่ LA พอลงจากรถปั๊บ จะไม่มีประชาชนอื่น มีแต่นักข่าวเป็นร้อย แล้วเค้าก็ตะโกนเรียก เล็ก ภัทราวดี ซึ่งเราตกใจมากเลย เพราะว่าที่นั่น Do you know me แล้วพอเราก็เดินไปก็ถ่ายรูปแล้วก็เรียกสัมภาษณ์ แล้วทุกสเตชั่นทุกนักข่าว เขาเรียกสัมภาษณ์หมดเลยนะ คือมันเยอะมากจนเหงือกแห้ง คือยิ้มจนหุบไม่ลง แล้วเค้าก็ถามคนละ 2 คำถามเท่านั้น แต่ว่ามัน มันหลายสเตชั่นมาแล้ว เค้าก็มีลูกเล่นในการถาม เราก็ต้องพยายามคิดหาคำตอบที่มันไม่ซ้ำซากกันจนมึน จนมีความรู้สึกสมองมันหยุดทำงานไป ที่มันแตกต่างก็คือเค้าให้เดินพรมแดงแล้วสัมภาษณ์ เราได้คุยกับนักข่าว เราได้รู้ว่าเขาอยากรู้อะไร แต่ที่นี่มันเดินเฉยๆ เราก็เลยไม่รู้จะเดินทำไม แต่ตรงนั้นมันอบอุ่นมากเลย แล้วมันรู้สึกสนุก มันไม่ใช่บ้านเมืองเราแต่มันกลับกลายเป็นสนุกๆ เพราะได้เจอเขา

ครูเล็ก : ใช่ๆ เค้าทำการบ้านค่ะ คือคำถามมันก็จะคล้ายๆกัน แต่ว่ามันจะมีลูกเล่น เห็นความฉลาดของนักข่าว เห็นอะไร มันได้เรียนรู้อะไรตรงนั้น แต่ถ้าเดินเฉยๆ แล้วโบกมือ ตลกอ่ะสำหรับฉัน
สิ่งที่ดารานักแสดงฮอลลีวูดทั้งหมดที่มา เวลาทักทาย เขาพูดอะไรกับครูเล็ก ?
ครูเล็ก : คือเราไปแรกๆ แล้วเราก็ไม่ได้ไปในฐานะ Legend อะไร คือฉันเรียบๆง่ายๆ แต่ว่าฉันอยากได้ความรู้จากเขา ฉันก็จะเข้าไป ฮัลโหล นั่งกินข้าวด้วยคนได้ไหมอะไรอย่างงี้ เพราะว่าจะไปรีดความรู้จากคนนั้นคนนี้ ฉันก็ต้องการเท่านั้น ก็ไป ไปคุย เขาก็ Welcome แล้วบางทีเขาก็เชิญกินข้าวอีกนะ บางทีก็ออกไปกินด้วยกัน บางทีก็บอกดินเนอร์กับฉันไหมอะไรงี้ คือเค้าเฟรนลี่มากนะ
เวลาที่เข้าไปในบท โดยเฉพาะตอนถ่ายทำตัวละครสำคัญๆ ที่มันจะมี conflict หรือมีอะไรที่มันจะต้องใช้อารมณ์พอสมควร เบื้องหลังก็จะหลีกเลี่ยง ?
ครูเล็ก : ใช่ๆ คือเราเห็นความเป็น Professional ของคนเหล่านี้ เวลาเล่นหนังเค้าเป็นตัวละครตรงนั้น 6 เดือน เค้าเป็นตรงนั้นเลยนะ ในคาแรคเตอร์ละครคือคนไหนเป็นยังไง เขาก็เป็นอย่างงั้น เราเห็นความเป็นมืออาชีพ เห็นความจริงจังกับการทำงานของเขา ซึ่งของเราจะจริงจังเฉพาะเวลาเราเล่น บางทีเล่นก็ยังไม่ค่อยจริงจังเท่าไหร่ เพราะว่าไม่ได้อยู่ในคาแรคเตอร์นั้นจริงๆ
จากการอยู่ในกองถ่ายฮอลลีวูด ได้เรียนรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับเรื่องของการทำงานมีอะไรบ้าง ?
ครูเล็ก : คือการเป็นมืออาชีพ มันไม่ใช่แค่เราเล่นดีหรือเราตั้งใจเล่น คุณต้องเป็นมืออาชีพตั้งแต่คุณตื่น 24 ชั่วโมง ต้องเป็นตัวละครตัวนั้น แม้กระทั่งนั่งคุยกันก็ยังเป็นตัวละครตัวนั้น มันไม่หลุด คือเขาก็ไม่ได้เสแสร้งนะ แต่จะเก็บคาแรคเตอร์ของเขา
มีอะไรอีกที่ได้เรียนรู้จากการอยู่ในกองถ่ายระดับโลก ?
ครูเล็ก : เรื่องวินัย และทุกคนเท่าเทียมกัน

ครูเล็ก : ไม่ได้ดูค่ะ อาจจะต้องเล่าความลับอันหนึ่งที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟัง คือไม่ได้ดูเลย แล้วก็ไม่เล่น จนวันนั้นเขาก็ยกกอง มาถ่ายครูคุยอะไรอยู่ที่บ้านที่หัวหินนะ พอเขาเชิญมาออดิชั่นครูก็ไม่มา จนตอนนั้นเขาเสร็จแล้ว ก็บอกว่าคุณไมค์ขอเชิญพบ หลังจากที่เขาไปถ่ายบ้านครูที่หัวหิน ครูก็มาที่จะมาเจอผู้กำกับฮอลลีวูดสักนิดหนึ่ง ถ่ายรูปอะไรทำเก๋ แล้วก็จะมาบอกคุณไมค์ว่า I'm sorry ฉันไม่เล่น แล้วก็เจอวู้ดดี้ที่ห้องรอ แล้ววู้ดดี้ก็พูดจนกระทั่งครูมีความรู้สึกฉันคงต้องเล่น เพราะถ้าวู้ดดี้เชื่อในสิ่งใน White Lotus ขนาดนี้มันต้องใช่ เธอรู้ไหมว่าฉันเล่นเพราะเธอ เขาต้องขอบคุณวู้ดดี้เลยนะ
วันนี้ในวัย 77 ปีได้เล่น White Lotus รู้สึกยังไงบ้าง ?
ครูเล็ก : มันได้ประสบการณ์ที่ดี แล้วก็ได้ความรู้มาเล่าให้เด็กๆ ฟัง เวลาเจอเด็กก็มีเรื่องเล่าเยอะขึ้นนะ แล้วก็มาทำงานตอนนี้ก็เรากำลังทำซีรีส์ของเราเอง ครูก็ใช้ Discipline หรือใช้วิธีการของไมค์ที่เขากำกับหรือกล้องหรืออะไรอย่างงี้ที่เราเห็นที่ไปแอบเรียกความรู้มากับการทำงานของเรา ก็จะรู้สึกว่ามันแตกต่างกว่าเก่าเยอะมาก
วันที่ได้เจอมุก (ลิซ่า) เป็นครั้งแรกที่เจอน้องใช่ไหม ?
ครูเล็ก : ใช่ ที่สมุยวันนั้นคือวันแรก แล้วก็เจอวู้ดดี้ด้วยที่งานดินเนอร์

ครูเล็ก : เราก็ฮัลโหล แล้วเธอก็กระโดดเข้ามาถ่ายรูปเอาหน้ามาซบ เรามีความสุข ว้าว! เธอมีวิธีการเข้าหาจริงๆ เราก็คุยกัน นั่งเยื้องๆ กัน เขาก็คุยกับฝรั่ง สังคมเขาโอเคเลยนะ แล้วอีกวันหนึ่งเราไปเจอกันที่ห้องอาหารเช้า เธอก็จะมาคุกเข่าข้างๆ ครู แล้วก็จับเข่าแล้วบอกครูขา ๆ หนูจะต้องรำ หนูรำอะไรดี ฉันก็ตกใจ แล้วก็บอกลิซ่านั่งเก้าอี้ก็ได้นะ เขาก็ยังคุกเข่าคุยอยู่ เราก็บอกรำโนราสิ รำโน้นรำนี่ เขาก็ค่ะๆ แล้วเธอฟัง แล้ววันรุ่งขึ้นเราก็ถามว่าหนูจะทำอะไรคะ หนูจะรำอัปสรา เพราะว่า 1 ต้องแต่งตัวสวย 2 หนูพอจะรำได้เพราะว่ามันซ้อมแค่ 2-3 วัน เธอก็ให้เหตุผลเพื่อที่เราจะได้ไม่เสียใจว่าแนะนำอะไรที่เธอไม่ได้รำเลย เพราะอย่างโนราห์มันจะยากไง เธอบอกเหตุผลน่ารักมาก เราเป็นผู้ใหญ่ผ่านโลกมาเยอะ จะรู้เลยนะว่านี่คือฉลาดมากในการเป็นมนุษย์ เธอถึงได้ไปถึงไหนๆ
ตอนที่ ลิซ่า โรยตัวไม่รู้ครูได้เห็นหรือยังที่ออสการ์ ร้องเพลงของ Live and Let Die เป็นคนที่ตั้งใจสุดๆ แล้วก็ได้สิ่งที่ตัวเองทุ่มเต็มที่
ครูเล็ก : แต่วินัยก็สูงมากนะ ตอนที่เราเดินพรมแดงกันในประเทศไทย เธอใส่รองเท้าสั้นสูง 4-5 นิ้ว แล้วก็กระโปรงยาว 3 กิโล แล้วเราไปยืนเรียงแถวกันอยู่หลังเวทีของโรงหนังเพื่อที่จะเดินแถวเข้าไป ลิซ่าเธอลงนั่งกับพื้นแล้ว บอกว่าหนูไม่ไหวแล้ว เพราะส้นสูงมันสูงมาก หนูไม่ชินกับส้นสูงนี้ แล้วเธอก็ลงนั่งกับพื้นเลยนะ เราบอกไหวไหมลูก ไหวค่ะๆ แต่ว่าตอนนี้ขอนั่งกับพื้นก่อน แล้วเราก็คุยกันเรื่องชีวิตของเธอ บอกว่านี่หนูไม่ได้นอนพักเลย หนูทรหดมาก หนูสู้ตาย เราก็บอกดีลูก เด็กๆ สมัยครูก็สู้ตายอย่างงี้ แต่ต้องระวังนิดหนึ่ง เพราะครูก็สู้ตายแบบนี้แล้ววันหนึ่งมันปึ๊ง! คือมันไปเลย เป็นซึมเศร้าไปเลยในพริบตา เพราะว่ามันไม่ได้พัก มันไม่ได้มนุษย์ต้องพัก เพราะเราคิดว่าเราเจ๋งทำได้ แต่วันหนึ่งมันฟิวส์ขาดเฉยๆเลย

Love Attack เทศกาลความรักแบบนี้ บอกอ้อมๆให้เขารู้กัน
Chocolate Dreams สาวชั่งฝันและช็อคโกแลต กับหนุ่มหล่อ ไม่แน่คุณอาจจะได้เจอแบบนี้ก็ได้
Love You Like Crazy เพลงเพราะๆ ที่ถ้าส่งให้คนที่เรารัก โลกนี้ก็สีชมพูกันทีเดียว
https://www.facebook.com/teeneedotcom