ศิลปินรุ่นเก๋าเปิดใจเคลียร์ คนแซะเอาลูกสาวมาหากิน?
ผักบุ้ง : 10 ขวบ ย่าง 11 ขวบค่ะ
ทศพล : เมื่อก่อนใครจะติดต่อก็ติดต่อทศพล เดี๋ยวนี้ พอน้องผักบุ้งมีกระแสในโซเชียลก็เอาไปด้วยกันบ้าง แต่ว่าติดต่อเดี่ยวก็เยอะเลย ไม่เอาพ่อ
เวลาติดต่อผักบุ้งคนเดียว พ่อไปด้วยไหม?
ทศพล : จะมีทีมงานไป ถ้าเกิดไม่ติดติดต่อผม ผมจะส่งทีมงานไป
ถ้าเราไม่ผิด คุณพ่อเป็นคนสอนน้อง?
ทศพล : ใช่ครับ เห็นเค้ามีพรสวรรค์ ก็ฝึกให้เค้าตั้งแต่ 3 ขวบกว่าๆ
ทศพล : คือเป็นลูกเรา เราอยากจะลองเสี่ยง ตอนเด็กๆ เค้ากล้าร้อง ก็เลยฝึกมาเรื่อยๆ
ผักบุ้งรู้ตัวว่าตัวเองชอบร้องเพลงตั้งแต่ตอนไหน?
ผักบุ้ง : ประมาณ 3 ขวบกว่าๆ เห็นคุณพ่อร้องเพลง ก็เลยอยากลองร้องบ้าง
น้องเคยทำไม่ได้แล้วขัดใจพ่อบ้างไหม?
ทศพล : บางครั้งก็มีเหมือนกัน บางครั้งขี้เกียจ อยากเล่นโทรศัพท์บ้าง อยากวิ่งเล่นบ้าง ตามประสาเด็ก วันนี้ไม่ซ้อมนะ ผมก็จะบอกว่า ถ้าลูกไม่ซ้อมก็จะไม่เก่งนะ เสียงก็ต้นทุนพอได้อยู่แล้ว ถ้าเราขยันก็จะทำให้เราเก่งขึ้น
เห็นว่าถ้าไม่ทำจริงๆ พ่อมีจ่ายตังค์ จ่ายค่าตัวให้?
ทศพล : ได้แต่บอกว่าเห็นไหมเวลาไปงาน ไปร้องโชว์สองสามเพลง เราก็จะได้รางวัล พอได้เงินก็มีแรงจูงใจ เห็นไหมลูกได้ค่าขนม หนูไม่ร้องหนูก็จะไม่ได้ตังค์นะ ตั้งแต่เล็กๆเลยเค้าก็ขยันร้อง
ทุกวันนี้ได้เงินจากการร้องเพลง เก็บเงินได้เท่าไหร่แล้ว?
ผักบุ้ง : หลักแสนแล้วค่ะ
เห็นว่าน้องผักบุ้งอยากทำขวัญนาค แต่คุณอาไม่อนุญาตเพราะอะไร?
ทศพล : เราเป็นหมอทำขวัญนาคมาตั้งแต่ไหนแต่ไร คือถ้าทำขวัญนาค เค้ายังเล็กอยู่ ผู้หญิงที่จะไปทำขวัญนาค ให้กับเจ้านาค ที่มีอายุ 20 ขึ้นไป ถ้าความเหมาะสมก็ต้องมีอายุ 20 ขึ้นไป เป็นตัวแทนแม่ของเจ้านาค อันนี้เราไม่ว่ากัน บางคนโอเคไม่เป็นไร แต่สำหรับผม 20 ขึ้นมันน่าจะเหมาะสมกว่า ก็เลยว่า ตอนนี้ไม่รับทำขวัญ แต่ว่าเอาไปร้องโชว์
ทศพล : ใช่จะต้องไล่มาตั้งแต่กำเนิด เป็นผีพุ่งใต้มาเลย เล่าย้อนแบบโบราณ
มันก็มีข่าวเม้าท์ว่าคุณอาใช้ตัวเองในการดันผักบุ้งเข้าวงการ คุณอามองเรื่องนี้ยังไง?
ทศพล : ก็ใช่ ยอมรับเลย เราเป็นศิลปิน เป็นนักแหล่ ฝึกวิชาให้ลูกเราเจริญรอยตาม ถามว่าเอาลูกมาหากินไหม ก็ไม่รู้เราเป็นศิลปินก็อยากให้ลูกเป็นศิลปินเหมือนกัน ถ้าเค้ามีพรสวรรค์และมีแนวโน้มที่จะไปได้ ก็พร้อมที่จะฝึกเขาให้ร้องไปกับเรา ให้เป็นตัวแทนเราได้
แต่มันก็มีคนเม้าท์อีก ตอนนี้หมดยุคเราแล้ว ต้องเกาะลูกกิน?
ทศพล : มีคอมเม้นต์มาเยอะ เราก็เข้าใจ เราได้ทราบแต่ไม่ได้ไปตอบโต้ ที่เค้าคอมเม้นต์มา เค้าก็อาจจะคิดของเค้า เค้าอยากจะรู้ก็ถามมา ถามว่าผมโกรธไหม ไม่เคยโกรธ เป็นแรงผลักดัน เป็นแรงกระตุ้นสะอีก ที่ต้องฝึกฝนลูกสาวให้เก่ง ไม่ใช่ว่าลูกเราไม่เป็น แต่พยายามดันอยู่อย่างนั้น เราก็เห็นว่าลูกมีพรสวรรค์ เสียงมันไปได้ เราก็พยายามผลักดัน
ตัวน้องผักบุ้งมีอะไรอยากจะบอกไหม น้องรู้เรื่องไหมคุณพ่อถูกคอมเม้นต์แบบนี้?
ผักบุ้ง : หนูไม่โกรธหรอกค่ะ มันเป็นความคิดของเค้า หนูก็ฝึกไปเรื่อยๆ ให้เก่งกว่านี้ ฝึกไม่ให้เค้าอีก
มีอะไรผักบุ้งจะไปคุยกับคุณแม่มากกว่า เพราะแม่สปอยล์กว่าพ่อ จริงไหม?
ทศพล : บางทีผมไม่ค่อยตามใจเท่าไหร่ อยากจะได้อะไรต้องมีเหตุผล มันต้องสำคัญ ต้องจำเป็น ถึงจะให้
ผักบุ้ง : คุณแม่เป็นคนดุนะคะ แต่คุณแม่เป็นคนเข้าใจง่าย ก็เลยปรึกษาแม่
คุณพ่อเม้าท์เรา หนูเป็นเด็กเจ้าน้ำตา น้ำตาใหลตลอดเลย?
ผักบุ้ง : ค่ะ พ่อบอกว่า หยุดร้องเลยนะผักบุ้ง อันนี้พ่อต้องสอน มันไม่ถูก
ทศพล : เค้าเป็นคนพูดน้อยหน่อย ถ้าเกิดไม่พอใจน้ำตาใหลแล้ว แต่ไม่ได้บ่อยมาก
ทศพล : ถ้าอาชีพคงยัง หลักๆ คือให้เรียนก่อน ถ้าเสาร์-อาทิตย์ ผมมีงาน ก็จะเอาน้องไปโชว์ เอาน้องไปร้องให้มีประสบการณ์
เรื่องการเรียนต้องที่หนึ่ง ?
ทศพล : ใช่ครับ ยังไงก็จะไม่ให้ขาดโรงเรียน
สองอย่างรวมกัน แต่ให้น้ำหนักไปที่การเรียน?
ทศพล : ใช่ครับ ด้วยความที่เราไม่รู้อนาคต ศิลปินจะแน่นอนหรือเปล่า โตไปความคิดเขาอาจจะเปลี่ยนก็ได้ ก็ต้องให้เรียนเป็นหลักไว้ก่อน
ผักบุ้งทั้งเรียนและก็ทำกิจกรรมที่เผื่อเป็นอาชีพในอนาคต เหนื่อยไหม ?
ผักบุ้ง : มีเหนื่อยบ้างค่ะ มีท้อบ้าง แต่เวลาท้อก็จะคุยกับคุณพ่อ คุณแม่ อธิบายให้ท่านฟัง พ่อกับแม่ก็จะบอกว่า ต้องเข้มแข็ง สู้ๆ งานเรามีเยอะ เราก็ต้องสู้ๆ ไว้
https://www.facebook.com/teeneedotcom