เปิดสาเหตุ ตั๊ก ศิริพร เลิกรับงานร้องเพลงแล้ว ละคร-หนังก็เซย์โนจ้า
"ปัจจุบันจะ 52 ในอีกไม่กี่วันแล้ว เราร้องเพลงเป็นอาชีพ ตั้งแต่อายุ 15 สามสิบกว่าปี คนเรามันไม่เหมือนกันเนอะ บางคนเขาทำอาชีพนี้อาชีพเดียวแล้วเขาก็รัก ไม่รู้สึกเบื่อเลย แต่ก็ต้องมีบางคนแหละ ที่ทำตรงนี้มาเป็นสิบๆ ปีแล้ว ถึงจุดอิ่มตัว มันก็เบื่อ ที่ผ่านมาเริ่มเบื่อเพราะเป็นศิลปินเดี่ยว เดี่ยวคือดิฉันไปกับแบ็กกิ้งแทร็ก ไม่มีแดนเซอร์ ไม่มีวง หันไปไม่เจอใครเลย คนเดียวจริงๆ เราไปสู้รบปรบมือแขกแต่ละงานก็ไม่เหมือนกัน ไม่มีลูกคู่ลูกรับ วันแมนโชว์ คนเดียวจริงๆ"
ถ้าจ้างวง จ้างนักร้องประสาน?
"ที่ผ่านมาดิฉันก็ถามค่ะ ว่าเอาวงมั้ยคะ เอาแดนเซอร์มั้ยคะ แต่เขาเอาตั๊กคนเดียวเลย เคยไปโชว์ชั่วโมงนึงทั้งชั่วโมงร้องสองเพลง นอกนั้นแขกให้เอ็นเตอร์เทนคน เหมือนเราเล่นบนความคาดหวังของคน บางทีงานแซยิด ไม่รู้จะทำให้สนุกยังไง อยู่บนความคาดหวัง"
งานสไตล์พี่ตั๊กเป็นยังไง?
"เราเจอแขกหลากหลาย เพราะยุทธจักรนี้ผ่านมาหมด รุนแรงที่สุดกำลังร้องๆ อยู่ คนเมาเดินมาหน้าเวที ด่าเรา ถ้าสมัยนี้ ไมค์คงเขวี้ยงไปแล้ว แต่สมัยก่อนมันไม่ได้ต้องนะโมๆ ตอนนั้นร้องเพลงสไตล์เราแหละ แต่อาจจะไปไล่เขาหรือเปล่า ไปเถอะไป จงไปๆ ซะไปให้ไกลๆ"
"บางทีเราไปร้องในสถานที่หรูหรา ไม่คิดว่าจะเจอคนประเภทแบบนี้ บางอย่างก็จะเจอแขกที่คาดไม่ถึง วันนั้นเป็นสถานที่หรูหรามาก คิดว่าแขกก็น่าจะตามสถานที่ ไม่เว้ย แขกเมา เดินมาหน้าเวที แล้วบอกว่าขอ yes เราทีนึง เมื่อก่อนไปไหนกับแม่ แม่ก็ได้ยิน เราก็โมโหว่าเฮ้ย พูดอะไร แม่ก็เดินไปจิกหัวเลย แม่ขาลุย วันนั้นโดนไล่ออกค่ะ (หัวเราะ) แต่ดีๆ ก็มีนะ"
เห็นไมค์แล้วเบื่อเหรอ?
"สมัยก่อนจะไปมีพี่ พี่สุ ฮาย ซ้ายก็เพื่อน ขวาก็เพื่อน มันสนุกอีกแบบ ไม่เหงา มีการละเล่นตลอด"
แล้วหยุดทำไม?
"ก็เจ้าภาพเขาจ้างไง ถ้าจ้างสามก็ไปได้ แต่ถ้าไปคนเดียวไม่อยากไปแล้ว เบื่อ เหงา"
ต้องพาดหัวใหม่ ประกาศเลิกร้องเพลงเดี่ยว ถ้าเพื่อนมาจ้างได้?
"ก็ไม่ค่อยมี พี่สุกับฮาย อาภาพร ก็ค่าตัวน้อยๆ หน่อยสิ เขาจะได้จ้าง"
ไปกับนุ้ย?
"อย่าเลยค่ะ เดี๋ยวตีกัน"
หนัง-ละครก็ไม่เล่น?
"ละครมันไม่ใช่ตัวเรา แต่เล่นกับเบนซ์ก็สนุกนะ เรื่องเมียหลวง ใจมันไม่รัก ฉันก็ไม่เอา หนังมีบ้าง แต่พอสัมผัสแล้วก็ไม่ต่างจากละครบรรยากาศในการถ่ายทำ บางทีไปอยู่พื้นที่ทุรกันดาร ห้องน้ำไม่เอื้อ ก็ผู้หญิงเนอะมันลำบาก"
"มี ความที่ไม่รับแล้ว บังเอิญมีหนังติดต่อมา ก็บอกไปในราคาที่ยังไงเขาก็ไม่เอา (หัวเราะ) ปรากฏว่าเขาเอา ก็ทำไงอ่ะ พูดไปแล้ว ทีนี้รู้แล้วว่าใช้มาตรฐานนี้ไม่ได้ แต่มีอีกเรื่องที่จะรับเป็นเรื่องสุดท้ายแล้ว คงไม่รับแล้ว ไม่ได้พูดเพื่อเรียกค่าตัวนะ เพราะค่าตัวเขาขึ้นเลย มันเป็นความตั้งใจที่คิดไว้นานแล้ว พี่ยอร์ชกับเราเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้อง เวลาเขาอยู่โรงเรียน เขาเป็นตาเฉิ่ม เงียบๆ ตัวลีบๆ ปลีกวิเวก ไม่ได้เป็นดาวอะไร เจอกันทุกวันในโรงเรียน วันนึงใครจะคิดว่าพี่ยอร์ชเข้าสู่วงการบันเทิง แล้วจะกลายเป็นผู้กำกับหนังร้อยล้าน ซึ่งบุคลิกที่โรงเรียนมันไม่ได้ ก็ดีใจและตกใจ ว้าว ศิษย์พี่กู ก็เลยคิดกับตัวเองว่า สักครั้งนึงในชีวิตอยากร่วมงานกับพี่ยอร์ชสักครั้ง คิดไว้นานหลายปีแล้ว จนมาคิดว่าไม่เล่นหนังแล้ว เบื่อ พอเราเบื่อปุ๊บก็เข้ามาพอดี ซึ่งไม่ได้เรียกค่าตัว แต่เป็นความตั้งใจที่อยากเล่น เรื่องอะไรยังบอกไม่ได้"
เรื่องไปร้องเพลงที่ภาคใต้ มีวีกรรมอะไรที่ทำให้ขนลุกกันทุกคน?
"เรื่องที่จะเล่าให้ฟัง ทุกคนจะคิดไม่ถึง เราได้รับการติดต่อจากพี่ติ๊ก ชิโร่ ตอนนั้นเขาดังมาก เขาติดต่อให้เราไปร้องเพลงกับเขาทางใต้ ถ้ารุ่นใหญ่ติดต่อมาเราจะเป็นคนปากหนัก ไม่กล้าถามรายละเอียดงาน พี่ติ๊กชวนไปก็ไป แต่เราไม่ได้ไปคนเดียว มีฝันดี-ฝันเด่นไปด้วย เราก็ไม่กลัว มีเพื่อนเว้ย ไปใต้สุดเลย แนวชายแดน เข้าพักที่โรงแรม ก็ไม่เป็นไรน่า อาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน ขึ้นรถตู้กันไป ในใจนึกว่างานอะไรว้า แต่กลางคืน สองข้างทางมืด เต็มไปด้วยป่า ต้นไม้ใหญ่ ก็คิดในใจว่าพากูลงแขกหรือเปล่าวะ เพราะมีแต่ป่า มืดตึ๊บเลย ยังไงดีว้า งานอะไรเนี่ย น่ากลัว นั่งได้สักพักใหญ่ๆ ไปถึงเจอเพิง ยกสูงเมตรนึงได้เป็นไม้ ไม่มีข้างฝา เป็นไม้หมดทั้งหลัง เป็นสังกะสีแบบผุๆ จะหล่นไม่หล่นแหล่ เห็นนักดนตรีพี่ติ๊กกำลังเซ็ตเครื่อง ก็คิดว่าหลังคาจะหล่นใส่มั้ย มีแต่ป่า งานอะไร คิดในใจ พี่ติ๊กเขาไม่เดือดร้อนเลยนะ เขาชิลมาก เขาก็บอกว่าตั๊กเดี๋ยวพี่ร้องก่อน แล้วตั๊กออก แล้วเป็นฝันดีฝันเด่น ปิดท้ายด้วยพี่อีกที เอาตามนี้นะ แกออกไปร้องเพลง ปีนไปบนขื่อ พอได้สักครึ่งเพลง คนมาจากไหนไม่รู้ ค่อยๆ ออกจากป่า คนสุดลูกหูลูกตาเลย เราแอบมองอยู่ตะลึงเลย คนมาจากไหนไม่รู้ ซึ่งเป็นพี่ๆ แรงงานไทยที่ไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ แรงงานต่างด้าว เยอะมาก"
เยอะขนาดไหน?
"ด้วยความเป็นป่า มองไปเห็นแต่คนเลย น่าจะเกินพัน เขาคงอยากเจอเรา"
"ก็เหมือนอย่างงานเป๊กกี้นี่แหละที่นางลงในไอจี งานอะไรสักอย่าง คอนเสิร์ตอย่างใหญ่เลยนะ แต่มีคนดู 2-3 คน (หัวเราะ) เราก็ขำน้องมันเนอะ นึกขึ้นได้ อ้าว เราก็มีนี่หว่า เป๊กน้อยแล้ว กูน้อยกว่า (หัวเราะ) เราได้รับการติดต่อจากเศรษฐีชลบุรี เขาจัดงานวันเกิดให้พ่อ พ่อเขาชอบเรามาก เขาเลยอยากเซอร์ไพรส์พ่อ โดยไม่ให้พ่อรู้ว่างานวันเกิดมีเราไปเซอร์ไพรส์ ก็ไป บ้านใหญ่โตมโหฬาร ทำไมเงียบจังวะ แขกไม่มีเหรอ ปรากฏว่าลูกชายกับลูกสะใภ้เขาเปิดประตูต้อนรับ บอกว่าพ่ออยู่ในห้อง รอพี่ตั๊กอยู่ เขาอยู่ในห้องคาราโอเกะของเขา เราก็ไปแอบๆ ดู ห้องเขามีโซฟาวางอยู่กลางโถงตัวเอง มีคนแก่นั่งมองซ้ายมองขวาบนโซฟา มองเหมือนเอาพ่อมาทำอะไรตรงนี้ เขาไม่ได้บอกพ่อ สักพักเขาก็บอกให้เราเข้าไปเซอร์ไพรส์เลย กลายเป็นพี่อยู่ในห้องนั้นกับคุณพ่อสองต่อสอง พี่ก็เปิดเข้าไป แฮปปี้เบิร์ธเดย์ค่ะ คุณลุงแกก็ตบมือดีใจ 1 ชม.เล่นกันอยู่สองคน (หัวเราะ) แต่ทิปดี ต่างหากจากค่าตัว"
คนฟังคนเดียวยังไปเลย ยังมีดราม่าว่าพี่ตั๊กเลือกเยอะ เลือกมาก?
"ตอนนี้พอบอกว่าอิ่มตัวแล้ว เบื่อการร้องเพลง ก็อาจนานๆ ไปทีกับเพื่อน แต่ถ้าไปร้องคนเดียวไม่ไหวแล้ว เราเจอมาสารพัดรูปแบบ เราอิ่มตัว เราเหนื่อย การเอ็นเตอร์เทนคนเดียวมันไม่ง่ายนะ เราเจอคนสารพัดรูปแบบ บางคนพอเห็นข่าวออกไป ก็จะบอกว่าเบื่อร้องเพลงเหรอ มายืนขายส้มตำดูมั้ยล่ะ เราก็อยากบอกว่าเรื่องความลำบากอย่ามาคุยกับพี่เลย ผ่านมาหมดแล้ว"
หลายคนบอกไม่อยากร้องเพลงล่ะสิ เลือกงานได้?
"ชีวิตฉันไม่เคยกินข้าวขาวนะจ๊ะ กินข้าวแดงนะคะ เราทำงานตั้งแต่เด็ก อายุ 15 เราก็เก็บหอมรอมริบ ผ่านจุดลำบากมาแล้ว ไม่อยากกลับไปลำบากอีก ก็ทำงาน เก็บเงินไว้ใช้ในภายภาคหน้า ฉันจะได้เลือกรับงานได้ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยแบบนี้อีกแล้ว ทีนี้ก็มาถึงจุดที่ต้องการแล้วไง เราก็มีสิทธิ์นะที่จะเลือกรับงาน"
"นอนกับดิน กินกับทราย ขายของตามงานวัด ไม่ได้อาบน้ำในห้องน้ำ อาบน้ำในแม่น้ำ ถ้าจะเข้าห้องน้ำก็ขอทางวัดเข้าห้องน้ำ กินข้าวไม่เคยได้เจอข้าวขาว เจอข้าวสีแดงๆ นะ บ้านไม่มีเป็นของตัวเอง เป็นบ้านเช่า ถ้าเรื่องลำบากไม่ต้องมาคุยกับพี่ พี่ผ่านมาหมดแล้ว เรายอมทำงานหนัก ร้องเพลงร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ 77 จังหวัดไม่เคยมีจังหวัดไหนที่ไม่เคยไป เจอมาแล้วทุกรูปแบบ เจองานทุกรูปแบบ แต่ก็เก็บหอมรอมริบของพี่ เมื่อถึงวันนึงที่ฉันเลือกรับงานได้ ก็จะได้ไม่ต้องเหนื่อยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว"
เริ่มรู้สึกว่าชีวิตสบายขึ้นตอนไหน?
"ช่วงปีสองปีที่ผ่านมา รู้สึกไม่มีความทุกข์ สบายใจ อาจเป็นเพราะได้เจอกัลยาณมิตร พี่ต้องฟังอาจารย์ยอด เรื่องกฎแห่งกรรม นักพากย์รุ่นเก่าก่อนนอนทุกวัน แล้วก็ได้เจอสัจธรรมว่าคนเราต้องพินิจพิจารณาตัวเองถ้าทุกข์ขึ้นมาอย่าไปมองที่ตรงอื่น ให้มองตัวเราเองก่อน คนเวลามีเรื่องทุกข์มักหาที่ลง หาที่โทษ แต่ไม่โทษตัวเองหรอก มันก็เลยเกิดสัจธรรม ว่าคนเราต้องหัดพิจารณาตัวเอง อย่างวันนี้เจอเบนซ์ พีเค กลับบ้านไปก็จะคิดว่าเราทำอะไรไปบ้าง ทำอะไรไม่ถูกไม่ควรไปหรือเปล่า เป็นแบบนี้ทุกวัน ทำแบบนี้กับพีเคไม่ดี เจอน้องก็จะไม่ทำแล้ว ถึงบอกว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตน บางทีเห็นข่าวให้ไปรดน้ำมนต์ แต่เราก็คิดว่าเขาต้องทุกข์ขนาดไหนถึงต้องหาที่พึ่ง เราก็เคยทุกข์ แต่แก้ปัญหาด้วยตัวเอง ไม่ไปเบียดเบียนใคร"
อยากบอกอะไรแฟนๆ ที่ติดตามเราเป็นไอดอล?
"ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ช่วงต้มยำกุ้งพี่หมดตัวเลยนะ พี่ดังแล้วนะเป็นตั๊ก ลีลาแล้ว ไม่เหลือเงินสักบาท ต้องไปเช่าอพาร์ทเมนต์ถูกๆ อยู่ ไม่เคยไปแท็กซี่ พี่ไม่เคยขอความช่วยเหลือจากใครเลย เพราะรู้สึกว่ามึงทำตัวเอง มึงประมาท มึงใช้เงินฟุ่มเฟือย เพื่อนสนิทกันพี่ยังไม่โทรไปขอเงินเลย พี่ก็แก้ด้วยตัวเอง"
https://www.facebook.com/teeneedotcom