คนบันเทิง คลั่งบลายธ์ รักจริงหรือแฟชั่น?

ระบาดไปทั่ววงการบันเทิง และแวดวงไฮโซแล้ว สำหรับตุ๊กตาผู้หญิงสูงกว่าสิบนิ้ว ที่รู้จักกันดีว่า บลายธ์ เป็นตุ๊กตาที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น คือ มีเชือกดึงเปลี่ยนสีลูกตาได้ สามารถกลอกตาไปมา

หน้าผากใหญ่ ตากลมโต และสามารถแต่งแต้มสีสัน เปลี่ยนชุดได้ตามแต่ใจชอบ โดยสนนราคาของบลายธ์นั้น ก็มีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักแสน ซึ่งเวลานี้ก็มีคนบันเทิงหลายคนที่เป็นสาวกของตุ๊กตาบลายธ์ อย่างที่รู้กันดีในวงกว้าง ก็คือสาว "ชมพู่" อารยา เอ ฮาร์เก็ต ที่สะสมอยู่เป็นร้อยตัวแล้ว ตัวที่ราคาแพงที่สุดที่มีไว้ในครอบครองราคา 6 หมื่นบาท



และวันนี้เธอก็ได้ลงขันกับเพื่อนที่ชื่นชอบบลายธ์เช่นกัน เปิดร้าน เดอะ ดอลล์ เฮ้าส์ ขายบลายธ์และอุปกรณ์ตกแต่งไปเป็นที่เรียบ

"ตอนแรกแตงโม (ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์) ส่งรูปตุ๊กตามาให้ดูก่อน เราเห็นรูปก็เอ๊ะ...ทำไมมันน่ารักจังเลย แต่ก็ยังไม่รู้จะไปซื้อที่ไหน กระทั่งตอนที่แตงโมกับเพื่อนๆ ไปเที่ยวฮ่องกง เขาก็เลยซื้อมาให้ 1 ตัว ตอนนั้นดีใจมาก หลังจากนั้นก็เหมือนผีสิง (หัวเราะ) ซื้อตุ๊กตาตลอด อย่างเมื่อก่อนไม่เคยไปสะพานเหล็ก คลองถม เพราะคิดว่ามีแต่ผู้ชายไปซื้อเกม ซื้อซีดี แต่พอรู้ว่าที่นั่นมีร้านขายตุ๊กตาบลายธ์ด้วย ก็เริ่มไปซื้อ ครั้งแรกที่ซื้อก็ 6-7 ตัวแล้วนะ

ออกตัวแรงเลยล่ะ ใช้เวลาไม่ถึงเดือน ก็มี 30 ตัวแล้ว

โดยเฉพาะนักสะสมใหม่อย่างเรา ถ้ารุ่นไหนยังไม่มีก็จะขยันซื้อ ชมว่าเสน่ห์ของเขา คือเขาเหมือนมีชีวิต มันเหมือนคิดอะไรอยู่ เวลาเล่นกับเขาเหมือนเรามีอารมณ์สนุกมากกว่าตุ๊กตายี่ห้ออื่นๆ เขาเป็นตุ๊กตาที่มีคาแรกเตอร์ ถามว่ามันเปลืองเงินมั้ยกับการที่เราสะสม มันก็เปลือง แต่เรามีความสุข ชมไม่ได้แนะนำให้มาเล่นกันเถอะ แต่ชมว่าแต่ละคนมีความสุขไม่เหมือนกัน ชมมีความสุขที่ได้หยิบเขามาแต่งชุดนั้นชุดนี้ ถึงเขาจะไม่พูดจา แต่ก็ทำให้เรามีสมาธิอยู่กับเขา" ชมพู่กล่าว 


ด้าน "แตงโม" ภัทรธิดา ผู้มาเผยแพร่ความนิยมให้แก่ชมพู่ กล่าวว่า เวลานี้มีสะสมไว้ 30 ตัว ภายในเวลา 2-3 ปี เหตุเพราะเป็นคนชอบถ่ายรูป และตุ๊กตาบลายธ์ก็ถือได้ว่าเป็นนางแบบที่ดี

"โมไม่กล้านับเลยนะ ว่าหมดเงินไปกับตุ๊กตาบลายธ์เท่าไหร่ เพราะกลัวทำใจไม่ได้ กลัวรู้สึกผิด ว่าซื้อไปได้ยังไง แต่ก็คิดว่าจะเลิกสะสมแล้ว อาจจะด้วยเบื่อ หมดช่วงเห่อ ก็อาจจะเอาไปเปลี่ยนหน้า ทำหน้าใหม่ แต่คงไม่ซื้อเพิ่มแล้ว ยกเว้นแต่จะอยากได้จริงๆ เพราะเราก็ไม่ได้เป็นนักสะสมเอาจำนวน เราชอบถ่ายรูปเท่านั้นเอง กระแสน่าจะอยู่ได้นานนะ แต่คงไม่ได้นานขนาดนั้น อาจจะได้อีกสักช่วง เพราะโมว่าคนไทยจะรู้สึกว่าอะไรที่แพง แล้วได้สะสม จะรู้สึกว่าฉันมี ฉันเจ๋ง

คนในวงการมีไม่แปลก เพราะเรามีรายได้ แต่สำหรับน้องๆ นักศึกษา โมว่ามีไม่เกิน 5 ตัว แล้วเปลี่ยนหน้าไปเรื่อยๆ ดีกว่า

ไม่งั้นวันหนึ่งเราเกิดเบื่อแล้ว จะมานั่งเซ็งว่า ขายกินก็ไม่ได้ (หัวเราะ) ของโมตัวที่แพงสุด ก็น่าจะไม่เกิน 2 หมื่น เพราะคิดไว้ในใจ ถ้า 2 หมื่นไม่ได้เงินฉันแน่ๆ พี่ก้อง (กรุณ ซอโสตถิกุล) ก็ซื้อให้ตัวแรก ที่มีตัวแรกได้ ก็หารกันนี่แหละ เพราะมันแพง ตอนนั้นเราไม่รู้ว่ามันจะแพงขนาดนี้ คิดว่าเหมือนบาร์บี้ ไปดูที่ร้านขายแล้ว ตุ๊กตา 6 พัน เราไม่รู้ จะเดินกลับก็อยากได้ อุตส่าห์หาแหล่งมันได้ สะพานเหล็ก ไปตามแผนที่ พี่ก้องเห็นอยากได้ ก็เลยช่วย 3 พัน แล้วจากนั้นก็มีซื้อมาฝาก เวลาไปร้านของเล่น เพราะเขาจะสะสมโมเดลหุ่นยนต์ อันไหนมาใหม่ ถูกๆ ก็ซื้อมาฝาก" แตงโมแจกแจง


ด้านนักร้องสาว ทาทา ยัง บอกว่า ตอนนี้เธอสะสมบลายธ์ได้ถึง 56 ตัวแล้ว ในระยะเวลาเพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้น ซึ่งเมื่อถามเหตุผลที่ชื่นชอบตุ๊กตายอดฮิตนี้ นักร้องสาวเผย

 "พี่มู่ (ผู้จัดการส่วนตัว) บอกว่ามันหน้าเหมือนทาทา จริงๆ พี่มู่บอกทาทาตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว แต่ทาทาไม่เชื่อ จนไปได้เล่นตัวหนึ่งมันดึงตา เปลี่ยนสีได้ แล้วก็เห็นเขาโมกันมา โมก็คือทำโน่นทำนี่เพิ่มเติม ก็ชอบ สำหรับตัวนี้ที่ทาทาถืออยู่ ก็คือเป็นตัวที่แปลกที่สุด (หัวเราะ) เป็นตัวที่โมแล้ว มีฟัน เจาะปาก เจาะหน้า ตัวนี้ชื่อ กุ๊กกู๋ เพราะทุกคนจะกลัวเขามาก เพราะเขามีฟัน แต่ขอไม่บอกได้ไหมว่าโมมาเท่าไหร่ หลายตังค์อยู่ (หัวเราะ) โมไปแล้ว 4 ตัว ไม่อยากบอกว่าเท่าไหร่ เพราะถ้าพ่อรู้อาจจะฆ่าได้ ต้องรักจริงๆ ส่วนคนหลอนก็หลอนเลย แต่เราชอบจริงๆ รู้สึกว่าเขาน่ารัก ไม่รู้จะบอกยังไงเหมือนกัน แต่ไม่ถึงขนาดเอาไปไหนมาไหนด้วย เน้นเก็บไว้ที่บ้าน ให้เขาอยู่สภาพสวยงาม

จริงๆ คนอาจจะคิดว่าทาทาชอบตามพี่เก๋ (ชลลดา เมฆราตรี) หรือเปล่า แต่จริงๆ แล้วพี่เก๋น่ะไม่ได้เล่นเลย

แล้วยังบอกทาทาว่าเปลือง แต่แล้วพี่เก๋ก็ไปซื้อตาม ทาทาเป็นคนแรกที่เล่น เขามาตามทาทา แต่ตอนนี้พี่เก๋มีพวกที่เป็นลิมิเต็ด เอดิชั่นเยอะ แต่ของทาทา ปี 2007 กับปี 2008 จะมีครบทุกตัว ตามซื้อทุกตัว แต่ตอนนี้เน้นเล่นโบ ตัวที่ชอบที่สุดก็กุ๊กกู๋นี่แหละ แต่ตอนแรกไม่มีใครเอาเขาเลย ไม่มีใครรักเขาเลย เขาอยู่ที่ร้านนานมาก ทาทาก็เลยไปโมเขาเอง กลับมาก็เป็นสภาพแบบนี้" ทาทากล่าว



ด้านวีเจสาว "จ๋า" ณัฐฐาวีรนุช ทองมี ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่ตกเทรนด์ เธอบอกว่าตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะสะสมจริงจัง แต่วันหนึ่งเกิดเจอตัวที่รู้สึกถูกชะตาขึ้นมา เลยเป็นที่มาของการสะสม

"จริงๆ ไม่ได้ตั้งใจจะสะสมจริงจัง คือถ้าอันไหนชอบก็ซื้อ ไม่งั้นไม่ไหว ทำงานมาก็หมดแน่นอน อย่างเมื่อวันก่อนจ๋าไปดูที่ห้าง ตัวหนึ่งปาไป 3 หมื่นกว่าแล้ว ก็โอ้โหทำงานมา ซื้อตุ๊กตาหมดก็ไม่ได้ แต่ก่อนจ๋าซื้อถูกกว่านี้ ตัวแรกที่ซื้อมา ราคา 7 พันกว่าบาท จากนั้นก็ไปโม ก็เพิ่มเงินมากขึ้น อันนี้พัน อันนั้นสองพัน จริงๆ เขาเริ่มสะสมกันมาตั้งนานแล้ว แต่จ๋าก็เฉยๆ ไม่ได้คิดว่าจะต้องสะสมตามเขา จนไปเจอตัวหนึ่งรู้สึกว่าเขาน่ารัก ก็เลยซื้อ พอเริ่มซื้อเราก็จะมองว่า ถ้าตัวไหนน่ารักถึงจะซื้อ ไม่ได้ซื้อตามแฟชั่น คือซื้อแบบมีสติ มีสติแต่ไม่มีสตางค์ ก็เลยต้องซื้อแบบนี้ (หัวเราะ) นี่คือเปลี่ยนขนตามาแล้วให้ยาวขึ้น เพราะถ้าขนตาธรรมดามันจะสั้นครึ่งหนึ่ง ซึ่งมันจะมีให้เราทำหลายอย่าง ทั้งพ่นสีตา ปัดแก้มใหม่ ขัดหน้าให้มัน เสียไปกับบลายธ์เท่าไหร่ อย่าไปพูดเลย (หัวเราะ) ก็เสียดายเหมือนกัน แต่คิดว่าถ้าตัวนี้มันอยู่กับเรานานๆ ก็โอเค แต่ถ้าซื้อเพื่อแฟชั่นไม่เอา" จ๋ากล่าว

นอกจากนี้ ยังมีนักสะสมตัวยง อย่าง "เก๋" ชลลดา เมฆราตรี ที่มีกว่า 40 ตัวแล้ว

หรือแม้แต่ "กบ" สุวนันท์ คงยิ่ง ก็มีเกือบ 60 ตัวด้วยกัน ผัดไท นิลุบล "หนิง" ปณิตา พัฒนาหิรัญ "นุ่น" วรนุช วงษ์สวรรค์ ก็ไม่ตกเทรนด์ ล่าสุด "แหม่ม" วิชุดา พินดัม ก็หันมาสะสม เพราะจะทำหนังสือเกี่ยวกับการถักชุดตุ๊กตาบลายธ์ แหม...อันนี้เข้าใจสะสมเพื่อธุรกิจ มีไว้ในครอบครอง 5 ตัวด้วยกัน ก็โชว์ น้องสำออย ให้ดู หน้าตาน่าสงสารไหมเจ้าคะ...อิอิ


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์