ไม่มีใครตายเพราะอกหักหรอก คำบอกเล่าของนุก สุทธิดา


จากนักร้องสาววัยใสกลายมาเป็นนางเอกยอดนิยมเมื่อหลายสิบปีก่อน มาวันนี้ "นุก" สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา มีทายาทเป็นลูกชายน่ารัก2 คน

นั่นคือ ปิ๊บโป้และปาแปงแต่ขณะเดียวกันเธอก็ต้องเสียน้ำตากับชีวิตแต่งงานที่ล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า จนถึงขั้นต้องฟ้องร้องเรื่องหย่ากับอดีตสามี "ป้อ" บุญสิทธิ์ ธรรมโรจน์พินิจ จนเป็นข่าวคราวโด่งดังทางสื่อต่างๆวันนี้หน้าบันเทิง "คม ชัด ลึก" ได้นัดเธอพูดคุยอย่างละเอียด ขณะคุณแม่ลูกสอง อยู่ในงานแถลงข่าว "ข้าวกล้องเหนียว ขันทอง"

กว่าจะข้ามผ่าน

สภาพจิตใจในวันนี้


สภาพจิตใจตอนนี้ก็แข็งแรงดีแต่อาจจะเป็นเพราะตัวเองเป็นคนแข็งแรงอยู่แล้ว เลยไม่ค่อยเป็นอะไร (หัวเราะ) ก็เข้าใจ คนเราถ้ามีรักก็ต้องมีไม่รัก เป็นธรรมดา เมื่อมันไม่ได้รักกันแล้ว ไม่ว่าฝ่ายไหนจะไม่รักฝ่ายไหน มันต้องมีเจ็บด้วยกันทั้งคู่ แต่ถึงจะรักมากเจ็บมากยังไงก็ไม่ตายหรอก เพราะนุกเชื่อว่าไม่มีใครตายเพราะอกหักหรอก ถ้าเราไม่ทำร้ายตัวเอง เราอาจจะเจ็บน้อยลงเรื่อยๆ จนวันหนึ่งเราอาจจะลืมไปด้วยซ้ำ ว่าคนนี้เป็นใคร 


กว่าจะผ่านมาได้หนักหนาสาหัสขนาดไหน 


แน่นอนว่าถึงแม้เราจะได้รับกำลังใจจากคนรอบข้างมากมายยังไงก็คงช่วยไม่ได้เท่ากับตัวเราเอง อาจจะเป็นเพราะนุกเป็นคนเจ็บยาก หรือไม่ก็เจ็บแป๊บเดียว ลืมง่าย หรือถ้าปวดใจที่สุดจริงๆ ก็จะพยายามคุยกับตัวเอง พอเราเข้าใจตัวเอง บางทีเราก็จะเข้าใจคนรอบข้าง เข้าใจคนอื่น ความโกรธความเจ็บก็จะน้อยลงไปเอง บางทีก็เป็นธรรมชาติของตัวเรา เลยไม่รู้สึกว่าต้องใช้เวลายาวนานมาก 


ดูเป็นผู้หญิงเข้มแข็ง


นุกไม่รู้ตัวเองหรอกแต่ส่วนมากคนอื่นจะชอบพูดว่านุกเป็นคนเข้มแข็ง อย่างคุณพ่อคุณแม่ ไม่เคยชมเราเลย แต่วันหนึ่งคุณแม่ ก็พูดว่านุกเป็นเด็กที่เข้มแข็งมาก พูดก่อนที่จะเกิดเรื่องนี้นะ แล้วนุกก็รู้สึกว่า โห...นี่คงเป็นส่วนดีจุดเดียวของเรา (หัวเราะ) แต่นุกก็ยังรู้สึกว่าไม่หรอก ตัวเองไม่ใช่คนเข้มแข็ง เป็นคนร้องไห้ง่าย แต่ไม่ได้ร้องไห้เรื่องตัวเองนะ จะร้องไห้ตอนดูหนัง หรือเห็นคนประสบอุบัติเหตุ อาจจะเป็นเพราะเราเป็นคนนั่งสมาธิ ปฏิบัติธรรม มันเป็นการฝึกจิต ก็ช่วยเราได้ ก็พยายามจะพิจารณา คุยกับตัวเอง และตอบสิ่งที่ตัวเองสงสัย ว่าตอนนี้ที่ทำตรงนี้ เพราะต้องการอะไร มันจะมีบางเรื่องที่อาจจะผิดพลาด เพราะเราไม่ได้คุยกับตัวเองมากนัก คุยแล้ว แต่ไม่ได้ถ่องแท้ หรือลึกลงไป 


มองว่าการเลือกผู้ชายคนนี้มาเป็นสามีเป็นความผิดพลาดหรือเปล่า 


อาจจะเป็นตัวเรามีมุมมองมีทัศนคติที่อาจจะง่ายเกินไป มองอะไรก็มองแบบง่ายๆ ไม่ได้ละเอียดหรือยุ่งยากเกินไปในเรื่องของครอบครัว เพราะพื้นฐานครอบครัวนุกอบอุ่นมาก ไม่คิดว่าจะมีเรื่องอย่างนี้ในโลกใบนี้ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับว่าจะเอามานั่งโทษตัวเอง ว่าจะต้องเป็นความผิดไปตลอดชั่วชีวิต นุกจะคิดว่า ไม่ว่าเรื่องอะไรที่มันผิดพลาดในชีวิตเรา จะไม่มานั่งถามตัวเอง ว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์อย่างนี้กับเรา เพราะมันไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรแก่ชีวิต มีแต่จะทำให้เราเจ็บทุกวันๆ ก็เลยพยายามจะเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะชีวิตเราต้องเดินไปข้างหน้า จะได้นำข้อผิดพลาดมาเรียนรู้และแก้ไขได้ 




ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะกลับไปแก้ไขจุดไหน 


(คิด) นุกก็ไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นอย่างนุกหรือเปล่า แต่เวลาที่นุกเรียนรู้ ก็เรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผิดพลาด ยิ่งอะไรที่เรารู้สึกเข้าใจมันอย่างถ่องแท้ แสดงว่าเราได้เรียนรู้มาจากความผิดพลาดของเราแล้ว ฉะนั้นถ้าย้อนเวลากลับไปได้ นุกคงไม่สามารถจะเข้าใจอะไร ต่อให้เป็นตัวเราเอง ย้อนเวลากลับไปเตือนตัวเอง ตัวเองในตอนนั้น ก็อาจจะไม่สามารถเข้าใจหรือเชื่ออะไรได้ เลยรู้สึกว่า วันนี้ก็ดีอยู่แล้ว แต่ถ้าให้เลือกเริ่มใหม่ ตั้งต้นชีวิตใหม่ ก็คิดว่า อาจจะเปลี่ยนทัศนคติการมีลูก เมื่อก่อนจะอยากมีลูกมาก คิดว่าคนเราเกิดมาจะต้องมีลูก จะต้องมีให้ได้ (ทำเสียงจริงจัง) แต่ตอนนี้รู้สึกว่าพอมีลูกแล้ว นี่คือบ่วงกรรมที่แท้จริง เวลาที่เรามีแฟน เราเจ็บเราก็หาย แต่เวลามีลูก เราเจ็บ แต่เราไม่หาย ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะหาย มันจะเป็นสิ่งเจ็บปวดไปชั่วชีวิต การมีลูกเป็นความสุขที่มากอยู่จริง แต่ก็เป็นความทุกข์ที่ใหญ่หลวง ถ้าย้อนกลับไปได้ ก็อาจจะไม่อยากมีลูก ตลอดชีวิตไปเลย 

วันนี้...เพื่อลูก


แต่สิ่งที่ทำทุกวันนี้ก็เพื่อลูก


ใช่เมื่อก่อนเป็นคนที่จะไม่ยึดติดกับวัตถุ ไม่เคยอยากได้บ้าน ไม่เคยอยากได้รถ แก้ว แหวน เงินทอง เอาแค่ที่เรามีอยู่มีกินมีใช้ เที่ยวกับเพื่อน ได้เฮ ก็มีความสุขแล้ว แต่พอมีลูก รู้สึกว่าทั้งโลกไม่พอสำหรับลูกฉัน กลายเป็นคนละโมบ และก็ทุกข์ใจตัวเอง วันๆ คิดแต่จะทำอะไรให้ลูก จนวันหนึ่งเมื่อเราทุกข์มากๆ ก็เริ่มคุยกับตัวเอง ถึงได้เรียนรู้ ว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ต่อให้เราอยากได้มากแค่ไหน ก็ไม่เพียงพอสำหรับลูกเราหรอก แล้วลูกเราก็จะซึมซับความไม่พอจากเราไป ฉะนั้นสิ่งเดียวที่เราจะให้ลูกได้คือให้ลูกรู้จักพอ รู้จักยินดี มีความสุข ล้มและลุกเองได้ 


เรื่องการต่อสู้คดีก็เพื่อลูก


ใช่ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยตั้งแต่แต่งไป ทุกคนก็จะมองว่าเราต้องได้อะไรมากมายจากเขา แต่เปล่าเลย มีแต่เขามาใช้ของเรา ใช้เงินเรา แล้วจะไปพูดกับใครได้ว่า อ๋อ...ไม่ค่ะ เขาไม่ได้เลี้ยงเรา ก็กลายเป็นว่าเราไปว่าเขา แต่นี่คือเรื่องจริง เราอยู่ด้วยเงินเรามาตลอด เขาต่างหากที่มาอยู่ด้วยเงินเรา หรือถึงฝั่งคุณพ่อคุณแม่เขาจะให้เงินมามากมายเพียงใด แต่มันก็ไม่เคยพอสำหรับเขา มันไม่เคยเหลือมาจุนเจือครอบครัวอยู่แล้ว นุกไม่ซีเรียสที่ใครจะใช้เงินใคร แต่วันที่ไม่ได้อยู่กับเรา อะไรที่เคยเอาของเราไป หรือเอาไปโดยไม่ได้รับอนุญาต ขอให้คืนมา 

ทุกอย่างเราต่อสู้เพื่อลูกของเราเพราะตั้งแต่ก่อนแต่ง สินสอดที่บ้านก็ไม่เคยเรียกร้องว่าต้องให้เท่าไหร่ และไม่รู้ด้วยว่าเขาจะให้เท่าไหร่ จนวันที่แต่ง  ก็ไม่ได้แคร์อะไร ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไป แต่อะไรที่เป็นของเรา ก็ขอให้คืนมาเท่านั้นเอง เมื่อก่อนเคยคิดว่า ของชิ้นนี้จะเก็บไว้ให้ลูก นุกก็ไม่เคยแตะต้องเลย ตั้งใจเก็บเอาไว้ให้ลูก แต่ตอนนี้ก็คิดได้ว่า ยังไงเรามีสองมือ ไม่เป็นไร หาใหม่ได้ทุกเมื่อ ให้ลูกเห็นว่าแม่เขาหาทุกอย่างได้ ตอนนี้ก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องเหล่านี้แล้ว แต่เรื่องความถูกต้อง ความเหมาะควร ก็ยังคงจะต้องมีอยู่ แต่สุดท้าย ถ้าจะพลิกโผ ก็ไม่ได้ปางตาย 


จุดจบของชีวิตคู่


อยากให้เรื่องจบแบบไหน


ยังอยากให้จบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งนะยังอยากให้ต่างฝ่ายต่างทำในสิ่งที่ถูกต้อง เท่านั้นเอง คือเราเป็นลูกข้าราชการ และก็เป็นข้าราชการตงฉินซะด้วย  เช็กประวัติคุณพ่อได้เลย เราก็ได้รับตรงนี้มาจากคุณพ่อเต็มๆ ฉะนั้นความถูกต้องในสังคมมันต้องมีอยู่ ถ้าสุดท้ายจบอย่างถูกต้องแล้วเราต้องสูญเสียอะไร เราก็รับได้ แต่ขอให้จบอย่างถูกต้องจริงๆ นั่นคือแฮปปี้เอ็นดิ้งสำหรับนุก


ความรู้สึกที่เริ่มต้นด้วยความรักแต่ต้องจบลงด้วยน้ำตา 


มีคนที่เขาบอกว่าให้พยายามคุยกันดีๆ ใจเย็นๆ ให้ฉายภาพที่เราเคยรักกัน พอพูดอย่างนี้ก็ (น้ำตาคลอ พูดไม่ออก) มีสะเทือนนะ เพราะว่าเหมือนกับเราอาจจะลืมมันไปแล้ว ไม่ได้พยายามลบนะ แต่มันเหมือนนึกไม่ออกแล้ว แต่พอพูดขึ้นมา มันเหมือนกระตุ้น พอจะนึกออกนะ แต่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร จะมานั่งทำร้ายตัวเองซ้ำๆ ด้วยความคิด หรือความรู้สึกของตัวเองทำไม มันไม่ได้มีประโยชน์อะไร 




เข็ดกับการมีชีวิตคู่ไหม


มันไม่รู้ว่าจะก้าวไปทางไหนดีกว่าเหมือนตอนนี้ รู้สึกมีความสุขที่เราได้กลับมามีโอกาสทำงานอีกครั้ง มีคนให้กำลังใจ เหมือนชีวิตกำลังจะเริ่มต้นไปข้างหน้า แต่ลึกๆ แล้วเราไม่รู้ว่าข้างหน้าจะมีอะไร และเราก็ไม่เคยเป็นคุณแม่ที่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียว แล้วก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ไม่รู้ว่าลูกเราจะอยู่ยังไง ถ้าในฐานะที่เราจะมีแฟนอีกคน นึกไม่ออก เพราะเราเคยเป็นแค่คนโสดที่เคยมีแฟน พอเลิกกับแฟนก็มีแฟนใหม่ แต่ตอนนี้เรามีลูก นึกไม่ออก แล้วลูกเราก็เหมือนจะไม่ต้อนรับใครเลย


มีอยู่วันหนึ่งนุกกอดคุณพ่อของนุกเอง เขาก็มองแบบตกใจมาก ทั้งๆ ที่เขาก็อยู่กับคุณตา เล่นกับคุณตา แต่สีหน้าเขาเต็มด้วยคำถาม ว่าทำไมแม่ต้องไปกอดคนนี้ ก็ต้องพยายามเท้าความให้ลูกเข้าใจ ว่าคุณตากับคุณยายเป็นใคร ก็เลยยังกังวลในส่วนของชีวิตของตัวเอง ว่าจะเป็นยังไงต่อไป แต่ตอนนี้ก็พอจะรู้คำตอบของตัวเองลางๆ ว่า เมื่อมีปัญหาเราควรจะคุยกับตัวเองยังไง 


เลี้ยงลูกคนเดียวต่างจากตอนอยู่ครบพ่อแม่ลูกอย่างไร 


เมื่อก่อนก็กลัวแต่พอเป็นแบบนี้จริงๆ กลับรู้สึกสบายในด้านของจิตใจ เมื่อก่อนเวลาจะพาลูกไปอาบน้ำ ถูลู่ถูกังกันไป ก็ต้องพยายามลากอีกคนเข้ามาเอี่ยวด้วย อยากให้เขามีส่วนร่วม แต่เรารู้สึกว่าเหนื้อยเหนื่อย มาตอนนี้เราก็เป็นเรา แล้วเราก็ไปกับลูก ทำทุกสิ่งทุกอย่างไปด้วยกัน ถ้าใครไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ รู้สึกว่าความเหนื่อยน้อยลง แต่ในส่วนของลูก ก็พยายามจะเลี้ยงไม่ให้ขาด ทุกครั้งที่จะตามใจลูก ก็ถามตัวเองตลอด ว่านี่เราจะให้เพราะต้องการทดแทนให้เขา หรือว่าเราจะให้เพราะสมควรแก่การให้ เป็นคุณแม่คนเดียว ไม่ได้เป็นเรื่องยากหรือเป็นไปไม่ได้ ในการจะเลี้ยงลูกให้ดี แต่ต้องคิดให้เยอะขึ้น ถ้าเรามีสามี เราอาจจะปรึกษากัน แต่พอเราไม่มี ก็เหมือนเราคุยกับตัวเอง ถ้าผิดก็อาจจะสุดโต่งไปด้านหนึ่ง ก็ต้องถามตัวเองซ้ำๆ 

วางอนาคตกับชีวิตตัวเองและลูกอย่างไร


ก่อนหน้านี้มองไม่เห็นไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองจะต้องทำยังไงกับวันข้างหน้า รู้สึกว่าสิ่งดีๆ จะเข้ามาแหละ แต่ทุกอย่างมันจับต้องไม่ได้ พอเรานิ่ง คุยกับตัวเองเยอะขึ้น รู้ว่าแม้วันข้างหน้าเราจะมองไม่เห็น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการที่เราผิดพลาด มันจะเป็นตรามาตอกหน้าเราไปตลอดชีวิต แต่มันคือบทเรียนหนึ่ง เราก็รู้แล้วว่าเราจะคิด หรือจะคุย จะพูดกับตัวเองยังไง ต้องทำให้ตัวเองมั่นคงกับตัวเองให้มากขึ้น สบายใจกับตัวเองให้มากขึ้น 


ยังไงก็ขอเอาใจช่วยว่า...ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสกว่าเสมอ...



เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์