โชคดี บนความโชคร้าย ของ กุ๊กกิ๊ก-อินทร์กรแก้ว

กุ๊กกิ๊ก “อินทร์กรแก้ว ศิรวัชรินทร์” นักแสดงสาวคนนี้อย่างที่เรารู้กันว่าเธอรอดตายจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ผับดัง ซานติก้า มาได้

ในวันที่ทุกคนเฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่กัน และจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ชีวิตและแนวคิดของเธอเปลี่ยนไป มุมมองชีวิตที่เปลี่ยนไปของเธอนั้นจะเป็นเช่นไร วันนี้ กุ๊กกิ๊ก ได้มาเปิดใจกับเราถึงความโชคดีที่อยู่บนความโชคร้ายของชีวิตที่ต้องเรียนรู้การเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ครั้งสำคัญในชีวิต ซึ่งกิ๊ก เผยกับเราด้วยเสียงสั่นเครือในตอนแรกว่า“กิ๊กไม่เคยเจอเหตุการณ์ที่โหดขนาดนี้มาก่อน ถึงแม้กิ๊กจะไม่เป็นไรเลย

ขอถามย้อนไปหน่อย แล้ววันนั้นทำไมเลือกไปเที่ยวซานติก้า
 
“ก็เพราะว่ามันเป็น วันสุดท้ายที่ร้านจะปิด แล้วเหมือนจะไม่มีแล้ว แต่จริง ๆ จะไปเที่ยวเชียงใหม่กัน ไม่ได้ตั้งใจจะไปที่นั่นแล้ว แต่พอดีว่าเพื่อนพี่จั้ม (แฟนหนุ่มนอกวงการ) มากันเยอะเราก็เลยคิดว่าไปก็ได้ สนุกกัน ก็ไปเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันนั้นแหละค่ะ”

แล้วตอนเกิดเหตุการณ์ในห้องน้ำ ตอนนั้นคิดถึงอะไรเป็นพิเศษไหม
 
“นึกถึงหลวงปู่ทวด หลวงปู่โต พระธาตุปฐม และที่ติดตัวตลอดเวลาก็คือ หลวงปู่ทวดกับพระพิฆเนศ สององค์ติดตัวตลอดอยู่ในกระเป๋าตังค์ แต่วันนั้นกระเป๋าตังค์ก็อยู่ข้างนอก แล้ววันนั้นกิ๊กสวดมนต์เป็นพัน ๆ จบ”

คิดไหมว่าตัวเองจะตาย
 
“คิดค่ะ คิดว่าตัวเองจะตายแน่ ๆ ยังไงก็ไม่รอด แต่ตอนนั้นคิดว่าขอหายใจจนนาทีสุดท้าย เพราะถ้าสลบไปก็ไม่มีใครช่วยเรา เพราะฉะนั้นพยายามตั้งสติให้มีสติตลอดเวลา”

หลังจากเกิดเหตุการณ์แล้ว ได้กลับไปดูซากที่ซานติก้าหรือเปล่า
 
“กลับไปค่ะ กลับไปวางดอกไม้ไว้อาลัย พอได้เห็นรู้ว่ามันไหม้ไปแล้วเหรอ มันเป็นที่เราอยู่ในคืนนั้นจริง ๆ ไม่คิดว่าตัวเองจะเข้าไปอยู่ใต้นั้นในขณะที่ไฟกำลังไหม้อยู่ มันทรมานที่สุดในชีวิตแล้ว”

เข็ดไหมกับการเที่ยวกลางคืน
 
“เข็ดค่ะ เข็ดไปเลย ตอนนี้ถ้าให้ไปในสถานที่ทึบ ๆ หรือว่าคนแออัดไม่ไหวแล้ว กลัว ภาพมันยังติดตาเห็นวงดนตรีเล่น ที่เขาใช้แสงใช้อะไรยังกลัวอยู่จริง ๆ ค่ะ"

แล้วไปวัดทำบุญที่ไหนมาบ้างยัง
 
“ไปวัดที่พัทยามาค่ะ หลวงพ่อท่านบอกว่าให้ทำใจ แล้วก็ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ตายเยอะ ๆ เราจะได้ไม่ต้องตายทรมาน”

แล้วท่านบอกหรือเปล่าว่าเรารอดเพราะอะไร
 
“ไม่ค่ะ ท่านไม่ได้บอกว่าเรารอดเพราะอะไร แต่กิ๊กคิดว่าเรารอดเพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะพ่อเพราะแม่ด้วย เพราะแม่กิ๊กเป็นคนสวดมนต์ไหว้พระ และจะทำบุญเผื่อตลอด เวลาที่แม่สวดมนต์แม่จะภาวนาให้ลูกทุกครั้ง และหลังจากที่จบเหตุการณ์นี้มาแล้ว แม่ก็ไปเอาน้ำมนต์มาให้ดื่ม แล้วก็อาบล้างตัว”

แล้วตอนนี้กลับมานอนหลับปกติแล้วยัง
 
“วันสองวันแรกต้องพึ่งยานอนหลับ สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไร ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว แต่ว่ายังกลัวอยู่ กลายเป็นคนกลัวห้องน้ำ เวลาเข้าห้องน้ำถ้าเข้าก็รีบ ๆ เข้ารีบ ๆ ก่อน ถ้าไม่ใช่ห้องน้ำบ้าน ถ้าเข้าห้องน้ำที่อื่นถึงขั้นที่แบบว่าต้องเอาเพื่อนเข้าไปด้วย ตอนนี้ก็คิดอยู่ค่ะว่า ถ้าไม่หายอาจจะต้องไปปรึกษาจิตแพทย์ค่ะ”

แล้วเรื่องอาหารการกินล่ะ
 
“ช่วงนี้เนื้อย่างอะไรเลิกกินหมดเลยค่ะ อย่างเวลาได้กลิ่นอะไร เราก็คิดแล้ว แม้แต่ขนาดว่าเอาของเข้าเตาไมโครเวฟ เห็นไฟแดง ๆ อยู่ยังกลัวเลยค่ะ ตอนนี้ก็คุยกับพี่จั้มว่ายังไงดี พี่เขาบอกว่าถ้ายังเป็นอยู่ก็คงต้องปรึกษาจิตแพทย์แล้ว”

แม่รับขวัญเรายังไงบ้าง
 
“แม่รับขวัญโดยการผูกข้อมือให้ค่ะ แม่ไปเอามาจากวัด แม่เขาบอกว่าขวัญมานะลูกนะ ฟาดเคราะห์ เขาพยายามเรียกสติเรากลับมา ส่วนพี่จั้มเขาเองก็นอนไม่หลับเหมือนกัน แบบนั่งคุยกันแล้วทุกคนกลับไปบ้านไปนั่งดูข่าว เราอยู่ในเหตุการณ์เห็นข่าวเรารับไม่ได้เพราะเราอยู่ใต้นั้น ใต้กองเพลิง พอคิดแล้วมันนอนไม่หลับ หลับไม่ลงจริง ๆ พี่จั้มเลยพาไปพัทยาเข้าวัดเลย ตอนที่อยู่ที่โน่นดีขึ้นนะคะ แต่พอกลับมาเราเจอสภาพเดิมความรู้สึกกลัวมันก็กลับมาอีก เพราะว่าเจอใคร ใครถามพอเราต้องเล่าต้องพูด มันก็เหมือนภาพเดิม ๆ มันเข้ามาอีก”

แล้วมีฝันอะไรบ้างไหม หลังจากเกิดเหตุการณ์
 
“มีค่ะ มีฝันเห็นว่าเรานอนอยู่ แล้วพอเราลืมตาขึ้นมา เห็นว่าข้างนอกไฟไหม้แรงมาก ก็พยายามปลุกคนอื่น แล้วคนอื่นไม่มีใครตื่นเลย แต่จริง ๆ ตอนนั้นเราฝันอยู่ แล้วพอตื่นมาปุ๊บก็ไม่กล้านอน ต้องพึ่งยานอนหลับ คือไม่งั้นนอนไม่หลับ สภาพจิตใจแย่มาก แล้วปกติกิ๊กเป็นคนที่   ขี้กลัวอยู่แล้ว เพราะปกติเวลานอนกิ๊กจะนอนกับพ่อกับแม่ ถ้าไม่นอนกับพ่อกับแม่ กิ๊กจะเปิดไฟนอน แต่ตอนนี้ไม่ว่าจะนอนที่ไหนกิ๊กก็เปิดไฟนอนตลอด แล้วตอนนี้กลายเป็นคนที่สวดมนต์ก่อนนอนทุกวัน แถมบางทีตอนเดิน ๆ อยู่ก็ยังสวดมนต์ในใจ แล้วเวลาไปไหนก็จะหาทางออกเลย มันเหมือนกลายเป็นคนหวาดระแวงตลอดเวลา คือ กิ๊กรู้สึกว่าเหตุการณ์ตรงนั้น มันเป็นเหตุการณ์ที่โหดเกินไปสำหรับการต้อนรับปีใหม่ เพราะจริง ๆ วันนั้นมันต้องเป็นวันที่ทุกคนต้องมีความสุขกัน แต่กลายเป็นว่าทุกคนต้องเสียใจ บอบช้ำกันหมด”

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กิ๊กคิดว่าเราได้อะไรจากตรงนี้บ้าง
 
“จากเหตุการณ์ตรงนั้นสอนให้กิ๊กรู้ว่า อย่างแรกเราต้องมีสติก่อน ไม่งั้นเราจะควบคุมตัวเองไม่ได้ อีกอย่างหนึ่งคือทำอะไรได้เราต้องรีบทำ ทำดีเข้าไว้เยอะ ๆ เลย เส้นยาแดงผ่าแปด ความเป็นกับความตายใกล้กันนิดเดียว ไม่รู้จะตายตอนไหน อีกวินาทีหนึ่งอาจจะตายก็ได้ คืออยากทำอะไรรีบทำ ทำแต่สิ่งดี ๆ เข้าไว้ ตายไปจะได้สบาย คือจะได้ตายแบบดี ๆ คือเราเห็นจากตรงนั้น ทำให้เรารู้สึกความรู้สึกของคนที่ไปแล้วนะ เห็นเรารู้เลยว่าเขาทรมานมากแน่ ๆ เพราะสภาพศพที่เห็นน่าสงสารมากเขาทรมาน
 
และยอมรับค่ะว่าจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาคนให้ความสนใจกิ๊กมากขึ้น กิ๊กเลยอยากจะพูดแล้วให้คนที่อ่านได้รู้ ได้เป็นวิทยาทานกับคนอ่านค่ะ

ว่าเหตุการณ์ที่เราไม่คาดฝันมันเกิดขึ้นได้กับทุกคน แล้วก็ไม่ควรจะประมาทเราควรจะตั้งสติให้ดีที่สุด อย่างกิ๊กยังดีที่ยังมีโทรศัพท์มือถือช่วยชีวิต เพราะถ้าไม่มีโทรศัพท์ เราไม่รู้จะคุยกับใคร สติเราไม่พอแน่นอน เพราะไม่เคยเจอเหตุการณ์ที่มันเลวร้ายขนาดนี้มาก่อน ไม่แม้แต่จะคิดด้วยว่าจะเจอเหตุการณ์ที่เราไม่คาดฝันมาก่อน ตอนที่กิ๊กออกจากห้องน้ำผ่านกลุ่มคนที่เขานอนตายกันอยู่มองตรงนั้น บอกได้เลยว่ามันนรกชัด ๆ นรกจริง ๆ แล้วพอเราเดินผ่านจากตรงนั้นมา กิ๊กรู้สึกว่าเหมือนเราเกิดใหม่ เพราะตอนที่อยู่ในนั้นกิ๊กคิดว่าตัวเองตายแน่ ๆ”
 
แน่นอนว่าเหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนที่ไม่มีใครอยากจะเรียนรู้ แต่สิ่ง  หนึ่งที่สอนให้เราทุกคนรู้ว่า ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นก็ตาม แต่ถ้าเรามีสติ ทุกอย่างเราสามารถที่จะแก้ไขได้ และสุดท้ายเราก็แสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้สูญเสียจากเหตุ การณ์ดังกล่าวด้วย ขอให้ทุกดวงวิญญาณไปสู่สุคติ.