จุ๋ย ไม่ได้เรื่องเยอะ....แต่แค่จริงจัง

ถึงละคร “ภูตแม่น้ำโขง” จะจบไปแล้ว

แต่ว่าผู้ชมยังชื่นชอบและจดจำอยู่กับบทบาทการแสดงของ จุ๋ย-วรัทยา นิลคูหา อยู่ไม่ลืม ซึ่งนอกจากงานละครแล้ว จุ๋ยเองก็ยังสวมบทบาทใหม่กับการเป็นพิธีกรที่ดูท่าจะไปได้สวย บวกกับเรื่องรักกับหนุ่มคนรู้ใจ นิว-วงศกร ปรมัตถากร ก็ดูแฮปปี้เอามาก ๆ ทั้งงานทั้งรักโชคดีแบบนี้ “ดาวต่างมุม” ก็ขอเปิดใจจุ๋ยกันสักหน่อย


ตอนนี้มีงานอะไรอยู่บ้าง ?
 
มีละคร “มนตราแห่งรัก” ที่รอออนแอร์ต่อไป นอกจากนั้นก็มีงานพิธีกรอีก 3 รายการ ซึ่งแต่ละรายการคาแรกเตอร์ไม่เหมือนกันอย่าง ร้ายเดียงสา ทางช่อง 7 วันอาทิตย์ มาดก็จะต้องเป็นเหมือนรุ่นพี่ในโรงเรียน จะต้องมีสาระสอดแทรกให้น้อง ๆ ในวัยเรียน ว่าเออพฤติกรรมแบบนี้ไม่เหมาะสมนะ แต่ถ้าเราเปลี่ยนพฤติกรรมเราจะสามารถเป็นคนที่มีคุณภาพของสังคมของเยาวชนไทยได้ คือมันเหมือนรายการที่มีสาระแต่ก็ทำตลกขบขันไปด้วย แล้วก็มีรายการ “กว่าจะเป็นดาวปาปาราซซี่” จะเป็นแนวไลฟ์สไตล์ เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี เอาเรื่องราวของแขกรับเชิญมาถ่ายทอด ส่วนอีกรายการหนึ่งก็คือรายการเกี่ยวกับข่าวบันเทิงรายการ “ดาราปาร์ตี้” อาจจะมีแอบจิกกัดนิด ๆ แต่ว่าไม่ได้ร้ายแรงอะไร เพราะเราเข้าใจคนในวงการบันเทิง ก็เอาแค่    ขำ ๆ แต่ไม่ได้ไปทำร้ายใคร คืองานแต่ละงานที่จุ๋ยได้รับในตอนนี้ มันทำให้จุ๋ยได้มีประสบการณ์ได้พัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ ให้เราได้โตขึ้นในวงการด้วย จุ๋ยต้องขอขอบคุณผู้ใหญ่มาก ๆ ที่ให้โอกาสจุ๋ยตรงนี้

หลัง ๆ ภาพความเป็นพิธีกรของจุ๋ยจะชัดขึ้น ?
 
แต่ละครก็สูสีมาเลยนะ เพราะยังไงจุ๋ยก็ไม่ทิ้งละคร เพราะละครก็เป็นอะไรที่จุ๋ยรัก และจุ๋ยก็โตมากับละคร จุ๋ยรู้สึกว่าอยากจะทำให้มันได้ดีที่สุด อยากจะพัฒนาไปกว่านี้อีก อยากได้บทละครที่ท้าทาย แต่พิธีกรก็เป็นอีกสาขาหนึ่งของวงการบันเทิงที่ทำให้เราโตขึ้น มีความรู้รอบตัวเยอะขึ้น มีไหวพริบ อย่างบางทีเราดำเนินรายการอยู่ เราไม่รู้เลยว่า แขกรับเชิญมีนิสัยอย่างไร แล้วเราจะต้องพูดยังไงให้รายการดูสนุกสนาน ทำให้เราได้พัฒนาตัวเองในแต่ละวันไม่ซ้ำกันเลย และทำให้รู้จักคนเยอะมาก 

โชคดีในเรื่องการทำงานมากนะ ?
 
โชคดีค่ะ จุ๋ยคิดว่ามันเป็นความเมตตาของผู้ใหญ่ ทั้งทางช่องและทางต้นสังกัดอย่าง “กันตนา” หรือแม้แต่ค่ายอื่น อย่างงานพิธีกรก็ทำกับอาร์เอส เขาก็หยิบยื่นโอกาสให้ หรือการถ่ายแฟชั่นแล้วได้รับการเอ็นดูจากสไตลิสต์ มันถือเป็นการได้รับโอกาสที่ดีมากกว่า ไม่ได้ว่ามีใครหนุนหลังดี แล้วเราจะไม่ทำงาน ไม่ตั้งใจ ไม่รักษามาตรฐานของเรา เราต้องมีวินัย มีความรับผิดชอบ ต้องเต็มที่ อย่างเวลาทำงานนี่หน้าตาจุ๋ยจริงจังมากนะ แต่ถ้าเล่นก็คือเล่น  



เป็นคนที่ซีเรียสกับชีวิตหรือเปล่า ?
  
ไม่ได้ซีเรียสกับการใช้ชีวิตขนาดนั้น คือเป็นคนมองไกล ๆ ด้วย แต่ก็ไม่ได้เป๊ะ ๆ เพราะมันมีอะไรเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ฉะนั้นก็ต้องมีการยืดหยุ่นบ้าง อันไหนตึงก็ควรจะตึง อันไหนควรจะยืดหยุ่นก็ควรจะยืดหยุ่น แต่ถ้าเกิดตึงตลอดหรือหลวมตลอด ชีวิตก็จะไม่ไปตามเส้นที่เราหวังไว้ ถึงแม้ว่าชีวิตมันจะไม่ได้ตรงมากนัก จะเบ้ซ้ายเบ้ขวาบ้าง แต่สุดท้ายมันจะมาในทิศทาง ที่เราต้องการให้เป็น มันเหมือนกับเดินทางสายกลาง

เรียนรู้อะไรจากการทำงานตรงนี้บ้าง ?
 
ได้รู้จักคนและแนวคิดของคน ทำให้เรารู้ว่าการอยู่ในสังคม การที่จะรับผิดชอบ หรือทำงานแล้วมีคุณค่าต่อสังคมนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เราก็ต้องสร้างด้วย และก็ดูประสบการณ์ของคนรอบข้างด้วยว่าเขามีการดำเนินชีวิตที่มีผลดีผลเสียอย่างไร มันก็ทำให้เราได้ปรับเปลี่ยนชีวิตให้เข้ากับยุคสมัยต่าง ๆ มีความรับผิดชอบ โตขึ้น แล้วก็ไม่ต้องไปรบกวนเงินคุณพ่อคุณแม่ตั้งแต่ยังเด็ก จุ๋ยคิดว่าจุ๋ยก็ทำงานแล้วก็โตกว่าเพื่อน ๆ ในวัยเดียวกัน บางทีทำให้เราอยู่ในสังคมได้ดี

การเป็น จุ๋ย-วรัทยา ทุกวันนี้ทำให้วางตัวลำบากไหม ?
 
ไม่เลยค่ะ เพราะจุ๋ยรู้สึกว่าทุกวันนี้ที่จุ๋ยทำอยู่มันคือตัวของจุ๋ยเอง จุ๋ยเป็นคนแบบนี้ จุ๋ยไม่เที่ยวกลางคืน ไม่ได้เป็นคนเอะอะ โวยวาย จุ๋ยไม่ได้เป็นคนเปรี้ยว จุ๋ยไม่ได้เป็นคนเซ็กซี่ จุ๋ยเป็นของจุ๋ยแบบนี้ แต่ว่าเวลาทำงานมันก็ต้องมีภาพที่แอบเซ็กซี่นิดหนึ่ง คือมันต้องหลากหลาย ไม่งั้นเบื่อแย่ เพราะว่าวงการบันเทิงมันก็ต้องมีสีสัน เปลี่ยนไปตามสถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อให้คนดูได้รู้สึก สนุก ผ่อนคลาย แค่เราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ให้รู้ว่าตัวเราเป็นคนยังไง แล้วปัจจุบันนี้จุ๋ยก็รู้สึกว่า การที่เราเป็นแบบนี้เสมอต้นเสมอปลาย สุดท้ายไม่ว่าจะดำเนินไปกี่ปี คนก็จะเห็นคุณค่าของเราว่า จุ๋ยไม่ได้เป็นไปตามข่าว แต่เราก็ต้องเป็นคนดีด้วย ต้องประพฤติดี นอบน้อมผู้ใหญ่ คือไม่ว่าเราจะมีชื่อเสียง มีตังค์มากน้อยแค่ไหน ตรงนี้ขาดไม่ได้เลย



ข่าวคราวที่ออกมาทำให้เราเสียกำลังใจบ้างไหม ?
 
ไม่มีนะคะ จุ๋ยเข้าใจการทำงานของนักข่าว เข้าใจการเป็นนักแสดง พอเราเข้าใจหน้าที่ของใครแล้ว มันเป็นธรรมดาที่ข่าวต้องออกไปตามกระแส หนังสือพิมพ์ถ้าไม่มีข่าวที่นำเสนอใหม่ ๆ หรือไม่มีกระแสให้คนสนใจ ก็อยู่ไม่ได้ ส่วนตัวเราถ้าเราไม่มีฝีมือ หรือปรับเปลี่ยนบทบาทการแสดงให้เป็นที่น่าสนใจไม่ได้ คนดูก็ไม่ดู เราต้องเข้าใจให้ถูก แล้วเราจะอยู่ได้ และไม่เสียใจ หรือท้อแท้กับอะไร แต่อาจจะมีความรำคาญใจบ้าง เล็ก ๆ น้อย ๆ มันต้องมี คนนะไม่ใช่พระอิฐพระปูน แต่เวลาที่จุ๋ยคุยกับนักข่าวนอกรอบ มันไม่ได้เป็นอย่างที่คนอ่านรู้สึก เรามีความผูกพันมากกว่านั้น จุ๋ยก็เลยคิดว่าตรงนี้มันก็ดีแล้ว อบอุ่นแล้ว ไม่ต้องไปเครียด ไปซีเรียสอะไร

มีข่าวแบบไหนที่รู้สึกอึดอัดหรือรับไม่ได้บ้างไหม ?
 
ถ้าเกิดเป็นข่าวที่ไม่ใช่นิสัยเราแล้วเอามาเขียน ก็อาจจะรู้สึกว่ามันไม่ใช่นะ แต่ถ้าเราปรับตัวให้เข้ากับข่าวให้ได้ ลองดำเนินชีวิตหรือทำนิสัยให้เหมือนเดิม สักวันเขาก็จะรู้เองว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น อาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด บางทีมันเป็นกระแสที่เกิดขึ้นจากอินเทอร์เน็ต หรือคิดดูเอง หรือได้ยินแว่ว ๆ มา โดยที่ยังไม่ได้เจอตัวจริง มันก็ต้องมีข่าวออกไปก่อน แล้วค่อยมาถามความจริง เราก็ปฏิเสธหรือบอกไปให้เข้าใจ ซึ่งบางทีอ่านหัวข่าวมันไม่ได้ หนังสือเขาทำมาก็ต้องอ่านเนื้อข่าวด้วยนะ แต่ว่าปัจจุบันคนเข้าใจความเป็นข่าวมากขึ้น แต่เราก็อ่านเพื่อความสนุกสนาน ได้เมาท์ได้อะไร มันเป็นนิสัย ก็ต้องเข้าใจ ทำใจยอมรับ สรุปแล้วจุ๋ยเองก็ไม่ได้มีข่าวอะไรที่รู้สึกเดือดร้อน

อย่างข่าวที่บอกว่าเราดังแล้วเรื่องมากล่ะ ?
 
ไม่ซีเรียส กับเรื่องที่หาว่าจุ๋ยเรื่องเยอะนะ เพราะเวลาจุ๋ยทำงาน จุ๋ยเป็นคนจริงจัง ซีเรียส จุ๋ยต้องการทำงานให้มันดีขึ้น ไม่ใช่ถอยหลังเข้าคลอง ดังนั้นเวลาเราทำงานอยู่ในวงการ เราเรียนรู้มาแล้ว ไม่ใช่ว่าให้อะไรมาแล้ว เราจะต้องทำทุกอย่างตามที่ทุกคนเสนอมา ซึ่งบางทีเราก็ต้องมีกฎเกณฑ์ของเราบ้างว่าเราได้ประมาณนี้นะ อันนี้เป็นหัวใจหลักในการทำงานของจุ๋ย แต่จุ๋ยทำแล้วต้องทำให้ดีที่สุด แต่ว่าลักษณะการคุยของจุ๋ยแล้ว ไม่เคยก้าวร้าวใครเลย จริง ๆ จุ๋ยจะเป็นคนตรง ๆ แต่ถามว่าเรื่องเยอะไหม ไม่ค่ะ จุ๋ยยังนั่งอยู่กับพื้น กินบนเสื่อได้ แต่ขอให้จัดสรรงานให้ลงตัว เพราะเราต้องรับผิดชอบ ฉะนั้นข่าวที่ว่าเรื่องเยอะ บางทีมันอาจจะมาจากนักแสดงหลาย ๆ คน พอมีงานเยอะ พบปะคนเยอะ มันก็ต้องมีกันทุกคน บางทีจุ๋ยอ่านข่าวแล้ว เออ คนนี้ก็เจอ คนนั้นก็เจอ ร้อยละ 90 ต้องเจอเรื่องนี้ เราก็ปล่อยให้มันผ่านไป



งานก็รุ่ง รักก็โอเคนะ ?
 
อาจจะเป็นช่วงชีวิตที่มีเรื่องแบบนี้เข้ามาแล้ว อายุเท่านี้แล้ว เรียนจบแล้ว ทำงานมาประมาณหนึ่งแล้ว แต่ถามว่าจุ๋ยรีบไหม จุ๋ยไม่ได้เร่งรีบอะไร ก็เหมือนค่อย ๆ ดูกันไปเรื่อย ๆ เรียนรู้กันไปเรื่อย ๆ คนเรามันต้องเรียนรู้กัน รู้จักนิสัยจริง ๆ กัน ว่าเข้ากันได้ไหม แต่เวลาเราเรียนรู้ใครเราเรียนรู้แบบผู้ใหญ่ ไม่ใช่ป๊อบปี้เลิฟ แบบเด็ก ๆ

มองไกลไปถึงเรื่องชีวิตคู่ไหม ?
 
ไม่ได้มองไกลขนาดนั้นนะคะ คือความรักเนี่ยเอาแค่ปัจจุบันก่อนดีกว่า อนาคตมันเป็นอะไรที่มันต้องผ่านการทำงานช่วงนี้ไปอีกนาน เพราะเรายังสนุกกับการทำงานอยู่ เพราะตอนนี้จุ๋ยให้ความสำคัญกับการทำงาน กับครอบครัว เพราะคุณพ่อคุณแม่กำลังจะเกษียณแล้ว ขอวางรากฐานให้มั่นคง ได้ดูแลคุณพ่อคุณแม่ให้สบายก่อน เรื่องชีวิตคู่ เรื่องความสบายความสุขของเรา มันเป็นเรื่องรอง เขาเองก็เพิ่งเข้าวงการด้วยซ้ำ เข้ามาน้อยกว่าเราอีก ก็เป็นช่วงที่เขาเพิ่งเริ่มเติบโต เริ่มขึ้นบันได เหมือนให้ตัวเองมั่นคง เติบโต พี่เขาทำงาน เราก็ทำงาน

มีปัญหาเรื่องเวลาบ้างไหม เพราะต่างคนต่างทำงาน ?
 
ก็ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่ เจอกันน้อย แต่ว่าเดี๋ยวนี้มันก็ดี สื่อสารกันทางโทรศัพท์ได้ หรืออาจจะทำงานเจอกันบ้าง มันก็ไม่ได้รู้สึกขาดหายไป คนเรามันก็ต้องอย่างนี้แหละ ไม่ใช่ว่ามาตัวติดกันแจทุกวัน บางทีการคุย เจอหน้ากันทุกวัน มันอาจจะเบื่อก็ได้ ห่างกันบ้างก็ดีเหมือนกัน ไปทำอะไรที่รับผิดชอบ หรือไปสร้างฐานะของตัวเองให้มั่นคงก็ดีเหมือนกัน 

อยากฝากอะไรถึงแฟนละคร ? 
 
คนที่ชื่นชอบผลงานจุ๋ยที่ให้การสนับสนุนกันมาตลอด จุ๋ยขอบคุณมาก ๆ ที่เป็นกำลังใจ ไม่ว่าจะมีข่าวอะไร ทุกคนไม่เคยเชื่อตามข่าวที่มันไม่ดี เชื่อในข่าวในสิ่งที่ดี ซึ่งเขาได้เคยเห็นตัวตนของจุ๋ย ได้คุยกับจุ๋ยแล้วรู้สึกว่าความเชื่อมั่นเชื่อใจ ความที่เขาชื่นชอบผลงานของเราทำให้เรามีกำลังใจ นอกจากกำลังใจจากคุณพ่อคุณแม่ กำลังใจสำคัญที่สุดในการที่เราจะทำอะไรให้ดีที่สุด
 
เปิดใจกันหมดเปลือกขนาดนี้ คงได้เห็นถึงแนวคิดและตัวตนที่แท้จริงของเธอกันไปบ้าง แม้จะบางส่วน แต่ที่แน่ ๆ ต้องบอกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ “ลัคกี้อินเกม ลัคกี้อินเลิฟ” จริง ๆ.



เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์