"ดารา vs ปาปารัซซี" ศึกของ "คนสาธารณะ - สิทธิ์ส่วนบุคคล"
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 18 ตุลาคม 2548 19:35 น."คือเราร้องไห้เครียดอยู่ แล้วมีคนขับรถมาถ่ายรูปแล้วก็ขับหนีไปเลย เราก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครเลยถอดร้องเท้าเขวี้ยงปาเขาแล้วก็วิ่งไปเก็บ...อายเหมือนกันพวกแม่ค้าก็มองกันใหญ่ คืออารมณ์มันร้อนแต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไง..." เป็นส่วนหนึ่งของคำสัมภาษณ์ของนักแสดงสาว "ปู ไปรยา สวนดอกไม้" ที่มีต่อการกระทำของช่างภาพ "ปาปารัซซี"
การเข้ามาของรูปแบบการทำข่าวแบบ "ปาปารัซซี" ในบ้านเราแรกเริ่มเดิมทีอาจจะเป็นเพียงสีสัน เป็ของใหม่ ไม่มีความรุนแรงชนิดเข้าไปก้าวก่ายจนทำให้เหล่าคนมีชื่อเสียงซึ่งส่วนใหญ่ก็คือนักแสดงทั้งหลายต้องเกิดอาการหงุดหงิดหัวใจจนต้องทำอะไรที่รุนแรงออกมาเหมือนกับดาราฮอลลีวูดทั้งหลายที่เรามักจะได้ยินได้ฟังอยู่ประจำ
ทว่าในระยะหลังๆ เราจะพบว่าเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อเริ่มมีเรื่องมีราวกับบรรดาผู้ที่ทำงานหนังสือพิมพ์ - นิตยสารบันเทิงที่ขายข่าวในลักษณะนี้ถึงขนาดฟ้องร้องและไม่ฟ้องร้องอยู่เป็นประจำ ทั้งกรณีเขวี้ยงรองเท้าของ ปู ไปรยา, อาการวีนแตกของ "หยาดทิพย์ ราชปาล" หลังมีภาพเธอถูกหนุ่ม "เอส วรฤทธ์" ทำท่าทำทางในลักษณะไม่เหมาะสมกระทั่งเป็นที่มาของการบรรยายภาพว่า "กอดคอ จิ้มก้น"
ที่เกือบจะกลายเป็นเรื่องเป็นราวก็คือ กรณีของหนุ่มอารมณ์ร้อน "แมทธิว ดีน" ที่กระชากนักข่าวหญิงของนิตยสารฉบับหนึ่งเพราะความเข้าใจผิดคิดว่ามาแอบถ่ายภาพตนเองกับแฟนสาว "จ๋า ณัฐฐาวีรนุช", สองสาวที่ไม่ชอบหน้าเหล่าปาปารัซซีมากๆ ก็คือนางแบบสาว "ลูกเกด เมทินี" และ "น้ำฝน กุลณัฐ" โดยรายแรกอยากจะให้มีกฎหมายออกมาควบคุมการทำงานของคนเหล่านี้ ในขณะที่รายหลังเกิดอาการฉุนขาดเมื่อภาพของตนเองกับหนุ่ม "สเตฟาน สันติ วีระบุญ" ปรากฏออกมา พร้อมกับจวกแหลกว่าคนเหล่านี้จ้องแต่จะถ่ายแต่นมกับก้นเพื่อขายข่าว
รายของนางเอกสาว "อั้ม พัชราภา" คนนี้ก็เคยเกิดอาการผวาคิดว่าปาปารัซซีที่แอบตามตนเองเป็นพวกโรคจิตมาแล้ว
ทุกครั้งที่มีข่าวหรือภาพลักษณะนี้ออกมา ประเด็นที่คนถ่ายและคนถูกถ่าย รวมทั้งคนที่สนับสนุนเห็นด้วยกับคนที่ไม่เห็นด้วยในการทำข่าวรูปแบบนี้จะต้องหยิบยกขึ้นมาเป็นเหตุผลถกเถียงกันก็คือ เรื่องของ "สิทธิ์ส่วนบุคคล" กับ "ความเป็นบุคคลสาธารณะ" ซึ่งต่างมีเงื่อนไขที่ค่อนข้างจะเดินสวนทางกันอยู่ชนิดที่ชวนให้สงสัยว่าระหว่างรายละเอียดของข้อกฏหมายทั้งสองนี้ รวมถึงการทำงานระหว่างคนสองกลุ่มนี้จะไม่มีจุดลงตัวหรือสมดุลเลยหรืออย่างไร?
"จริงๆ ปาปารัซซีที่ถ่ายภาพ เวลาถ่ายถ้าเป็นภาพที่มันส่วนตัวของดารา ถ่ายไว้เฉยๆ ไม่เอาไปเผยแพร่ก็ถือว่าไม่เสียหายนะ แต่ถ้าถ่ายของเค้ามาแล้วเอาไปเผยแพร่มันก็ผิดแหละ..." เสียงบอกเล่าอธิบายในแง่ของกฏหมายจากทนายชื่อดัง "อ. ประมาณ เลืองวัฒนะวณิช"
https://www.facebook.com/teeneedotcom