ตาร้อนผ่าว!ผู้พันเบิร์ดสวีต ภรรยา

ทำาเอาสาวใหญ่สาวน้อยอกเดาะกันเป็นแถว เมื่อนายทหารหนุ่ม "ผู้พันเบิร์ด" พ.ท.วันชนะ สวัสดี คนดังแห่งภาพยนตร์ "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช"
 
เข้ารับพระราชทานน้ำสังข์จากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2553 และเลี้ยงฉลองมงคลสมรสพระราชทาน 26 ก.พ. 2554 ที่ผ่านมา กับเจ้าสาว "ปาล์ม"วริญญา ศิริชุมแสง



การแต่งงานครั้งนี้สาวๆ หลายคนอิจฉา "ปาล์ม" ที่คว้าหัวใจนายทหารหนุ่มไปครองได้

และยิ่งอิจฉาเข้าไปใหญ่ เมื่อ "ผู้พันเบิร์ด" มาทำสวีตกับภรรยาต่อหน้า ด้วยการพามาฝึกขี่ม้าเติมรักที่ม.พัน 29 สนามเป้า

โดยที่ผ่านมา ผู้พันเบิร์ดรับว่า ไม่ค่อยมีเวลาทำกิจกรรมกันเท่าไหร่ เนื่องด้วยภารกิจงานที่เป็นหัวหน้าแผนกปฏิบัติการจิตวิทยา (ปจว.) กรมกิจการพลเรือนทหารบก กองบัญชาการกองทัพบก อีกทั้งงานแสดงภาพยนตร์ "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" ที่ถ่ายทำกันแบบยาวหลายภาค

แต่ช่วงนี้งานในหน้าที่เบาบางลง งานแสดงหนังก็เหลืออีกไม่มาก คุณสามีจึงพอเจียดเวลามาทำกิจกรรมน่ารักๆ กับคุณภรรยาได้บ้าง

ผู้พันเบิร์ด และ ภรรยา


ช่วงบ่ายวันฝึก ผู้พันเบิร์ดขับรถพาปาล์มมาถึงม.พัน 29 เพียงแค่ลงจากรถ น้องๆ ทหารม้าก็เข้ามาทำความเคารพกันลั่นไปหมด แม้แต่สมาชิกชมรมขี่ม้ายังเข้ามาทักทายและขอถ่ายรูป ทำให้บรรยากาศคึกคัก

จากนั้นก็พากันเดินไปยังคอกม้าที่อยู่ด้านหลังสนามฝึก เพื่อนำเจ้า "ยุทธพล" ม้าเทศตัวใหญ่ ม้าประจำของทหารม้ารุ่นน้องออกมาฝึก

ระหว่างทาง สองสามีภรรยาหยอกล้อน่าเอ็นดู เดี๋ยวพี่เบิร์ดชี้ชวนให้ชมนั่นชมนี่ น้องปาล์มก็คอยดูแลความหล่อให้สามี หยอกเอินกันไปมา

แถมลดวัยทำซึ้ง เมื่อภรรยาสาวเมื่อย พี่เบิร์ดเลยย่อตัวลงให้ขึ้นหลัง สวมวิญญาณพระเอกเกาหลี

หลังทำซึ้งพอขำ ทั้งคู่ก็เดินมาถึงคอกม้า ทหารที่ดูแล "ยุทธพล" นำม้าออกมาจากคอก สองสามีภรรยารับช่วงต่อ จูงม้าเดินมาที่สนามฝึก ผู้พันเบิร์ดให้น้องปาล์มสัมผัสเจ้า "ยุทธพล" เพื่อสร้างความคุ้นเคย

เมื่อถึงสนาม นายทหารหนุ่มเล็กเชอร์ให้ภรรยาฟังถึงวิธีการขี่ม้าพร้อมกฎระเบียบการขี่ จากนั้นก็ส่งภรรยาสาวขึ้นหลังม้า

หลังจัดระเบียบร่างกายให้ภรรยาสาวที่อยู่บนหลังม้านั่งอย่างสง่างามและปลอดภัยแล้ว ผู้พันเบิร์ด ก็จูงม้าเดินด้วยตนเอง เดินกันไปหลายรอบสนาม ใช้เวลาเกือบชั่วโมงจึงเสร็จสิ้นการฝึก พี่เบิร์ดรับน้องปาล์มลงจากหลังม้า พร้อมถ่ายรูปกับเจ้ายุทธพล ก่อนไปนั่งพักและเปิดใจถึงกิจกรรมวันนี้

"ปกติที่ผ่านมาจะขี่ม้ากันที่กองถ่าย คือเวลาปาล์มไปหาผมที่นั่น ผมก็ชวนให้หัดขี่ด้วย ส่วนที่สนามเป้า ผมมาขี่ตอนช่วงมีนักแสดงมาฝึกขี่ ซึ่งที่นี่จะมีชมรมขี่ม้า ก็จะเข้ามาประจำ เพราะมีน้องที่รู้จักเป็นทหารม้าเหมือนกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ผมอยู่เหล่าทหารม้า"

ผู้พันเบิร์ด และ ภรรยา


"การขี่ม้าให้ดีจะมีหลักคือ 1+1=1 หมาย ความว่า คน 1 คน ม้า 1 ตัว ต้องรวมกันเป็นหนึ่งให้ได้ ม้าและคนขี่ต้องรู้ใจกันและกัน ทำให้เราทำภารกิจได้สำเร็จ"

หลังจากที่ตัวเองขี่ม้าเป็น ก็อยากให้ภรรยาสาวเป็นบ้าง ซึ่งตัวปาล์มเองก็อยากมีประสบการณ์ด้านนี้เช่นกัน "ตอนเด็กๆ ที่เมืองกาญจน์จะมีโรงเรียนสอนค่ะ เพราะที่นั่นจะมีทหารม้าเป็นกองผสมสัตว์ มีชมรมขี่ม้าเปิดสอน คือเวลาพี่เบิร์ดมีประสบการณ์อะไรในชีวิต เขาก็อยากแชร์กับเรา ก็ได้เข้าไปลองขี่ตั้งแต่เขาเริ่มฝึกเมื่อ 9 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่เราเพิ่งเริ่มคบกันค่ะ"

นอกจากการขี่ม้า วันว่างของทั้งคู่ส่วนใหญ่จะกลับบ้านเมืองกาญจน์อยู่กับครอบครัว ซึ่งที่นั่นเป็นทั้งบ้านผู้พันเบิร์ดและบ้านปาล์ม

"เราจะนัดกินข้าวทั้ง 2 บ้าน รวมกันแล้วประมาณ 16 คน สนุก สนานและอบอุ่นค่ะ" ปาล์มกล่าว

ผู้พันเบิร์ด และ ภรรยา


ด้านสามีกล่าวว่า "คือครอบครัวผมที่เมืองกาญจน์จะมีแค่พ่อ ผม และน้องชาย เพราะคุณแม่ไม่อยู่แล้ว ส่วนญาติๆ จะอยู่ต่างจังหวัด ญาติแม่อยู่ทางเหนือ ส่วนญาติพ่ออยู่เพชรบุรี คือคุณพ่อย้ายมาประจำที่เมืองกาญจน์ก็เลยมาลงหลักปักฐานที่นี่ครับ"

"ซึ่งผมว่าชีวิตผมตอนนี้สมบูรณ์แล้ว" ผู้พันเบิร์ดกล่าวทิ้งท้าย ชวนให้สาวๆ แอบอิจฉาคนข้างกายผู้พัน

เรียนรู้รักชีวิตครอบครัวลงตัว

ตอนนี้กลายเป็นเงากันไปแล้ว สำหรับสุภาพบุรุษหนุ่ม "ผู้พันเบิร์ด-พ.ท.วันชนะ" กับภรรยาสาว "น้องปาล์ม-วริญญา"

ซึ่งผู้พันเบิร์ดกล่าวว่า "ตอนนี้มีโอกาสไปไหนด้วยกันบ่อย ซึ่งก่อนหน้านี้มีงานราชการทหารเข้ามา ต้องเข้าพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้าน งานแบบนี้ปาล์มจะไม่ได้ไปด้วย เพราะเป็นงานของทหาร เสร็จงานราชการต้องวิ่งไปถ่ายหนังต่อ ช่วงนี้ปาล์มจะช่วยได้เยอะ ช่วยขับรถให้ ดูแลเรื่องอาหาร ของบำรุง"

ที่มีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะภรรยาสาวได้ลาออกจากงานมาดูแลบริษัทโปรดักชั่น เฮาส์ที่ทำร่วมกัน ทำให้เธอมีเวลาไปไหนมาไหน วางแผนชีวิตตัวเองได้

"ตอนแรกวางแผนว่าแต่งงานแล้วอยากมีลูกเลย เลยให้เขาออกจากงานเลี้ยงลูก แต่กลัวเขาเหงา เลยทำโปรดักชั่นเฮาส์ขึ้นมา" ผู้พันเบิร์ดกล่าว

ผู้พันเบิร์ด และ ภรรยา


ปาล์มสานต่อ "เพราะพี่เบิร์ดทำงานไม่เป็นเวลา เราจึงต้องเอาเวลาตัวเองไปดูแลเขาได้ แต่ชีวิตก็ไม่ต้องปรับเปลี่ยนอะไรเยอะค่ะ"

ผู้พันเบิร์ดเสริม "ก่อนแต่งผมมีแว้บไปแว้บมา แต่ตอนนี้มาอยู่ประจำแล้ว(หัวเราะ) อย่างเวลาไปถ่ายหนังเมืองกาญจน์ เขาก็จะไปด้วย เราเป็นคนเมืองกาญจน์ทั้งคู่ เวลาว่างเราสองครอบครัวก็มารวมกันเป็นหมู่ใหญ่ เราจึงชินชีวิตแบบนี้เพราะสิบปีแล้วที่มันเป็น"

แต่เพราะสามีไม่ค่อยมีเวลา แน่นอนว่าฝ่ายภรรยาย่อมมีน้อยใจ
 "แม้เขาจะไม่เจ้าชู้ ไม่เที่ยว ไม่อะไร แต่พอเขาไม่มีเวลาก็เลยเป็นปัญหา ซึ่งปาล์มก็เข้าใจว่าเขาทำงาน แต่ทำไมเวลาที่เราบอกล่วงหน้าว่าจะไปนั่นไปนี่ แต่พอถึงเวลากลับไม่เป็นตามนั้น จึงทำให้งอนกัน แต่หลังๆ ก็ยอมรับได้เอง"

ทะเลาะกันแล้วใครง้อใคร ปาล์มทวนคำ "ง้อเหรอ ไม่มีใครง้อใคร มีงอน มีเงียบ แต่คนหนึ่งจะรู้แล้วว่า เรื่องนี้ต้นเหตุมาจากอะไร แล้วเขาจะเป็นฝ่ายคุยและพูดดีๆ ก่อน"

ผู้พันเบิร์ด และ ภรรยา


ใครโรแมนติกกว่ากัน ปาล์มโบ้ยไปที่สามี "ส่วนใหญ่เป็นพี่เบิร์ด เพราะปาล์มไม่ค่อย"

"คือผมจะเข้าไปกอด เข้าไปหอม ซึ่งก็ทำอยู่บ่อยๆ" ผู้พันเบิร์ดไม่พูดเปล่า ยังเข้าไปสวมกอดภรรยาโชว์อีกต่างหาก

ปาล์มกล่าวอายๆ "ปาล์มก็เรียนรู้จากพี่เบิร์ดในเรื่องการแสดงความรักว่าเราต้องแบ่งปันความอบอุ่น เพราะเราได้รับเราก็จะมีความสุข ซึ่งเราจะกระทำอย่างที่เขากระทำกับเรา เพื่อแบ่งปันความสุขคืนเหมือนที่เราได้รับมา"

สำหรับอนาคตไกลๆ ที่วาง ผู้พันเบิร์ดบอกว่า
"ผมคงรับราชการต่อไป และถ้าเป็นไปได้อยากลงหลักปักฐานที่กรุงเทพฯ และกาญจนบุรีเป็นหลัก แต่ตำแหน่งไม่ได้จำกัด อยู่ที่ไหนก็ได้"

"ส่วนปาล์มก็คงจะคอยซัพพอร์ตพี่เบิร์ด พร้อมย้ายตามเขาไปในทุกที่ค่ะ" ปาล์มกล่าว

เรียกว่าพร้อมจะร่วมทุกข์ร่วมสุข

ผู้พันเบิร์ด และ ภรรยา

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์