ซันนี่ ดูติสท์ๆ เข้าใจยาก
ก่อนหน้านี้มีแต่ใครๆ บอกว่า นาย ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ พระเอกที่เล่นหนังเรื่อง เพื่อนสนิท ขี้อายเอามากๆ ไม่ค่อยพูด ถามคำตอบคำ ดูติสท์ๆ เข้าใจยาก
แต่เท่าที่ "นัดคุย" ได้มีโอกาสสนทนากับเจ้าตัว(ในเวลาที่)ไม่นานนัก เรากลับไม่รู้สึกอย่างนั้น !!!
ลองไปค้นหาตัวตนของพระเอก "เพื่อนสนิท" คนนี้ดูกัน
ในความคิดนัดคุย ซันนี่ พูดเก่ง พูดเก่งที่ไม่ได้หมายความว่าพูดมาก หากแต่เขาจะชอบเล่าเรื่องราวของตัวเอง สิ่งหนึ่งที่รู้สึกได้อย่างชัดเจนที่สุดคือซันนี่เป็นผู้ชายที่ชัดเจนในความรู้สึกของตัวเอง สิ่งที่เขาอยากพูด อยากทำ อยากแสดงออก เขาก็ทำ พูด และแสดงออกมาด้วยความรู้สึกจริงๆ นอกเหนือจากนั้นเราได้พบว่าชีวิตของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความกลัว,ความไม่มั่นใจแต่มีความสุขยิ่ง
ลองไปค้นหาตัวตนของพระเอก "เพื่อนสนิท" คนนี้ดูกัน
มาเล่นหนัง เพื่อนสนิท ได้อย่างไร
ตอนแรกสุดเป็นโมเดลลิ่งติดต่อมาครับแล้วผมไม่ได้เข้าไป รู้สึกว่าผมทำไม่ได้น่ะครับหนังเรื่องหนึ่ง ผมไม่มั่นใจว่าผมจะทำได้ กลัวไปทำหนังเขาเจ๊งจะเป็นอย่างนั้นซะมากกว่า ก็ให้เขาติดต่อคนเก่งๆ ไปก่อนดีกว่า แล้วก็ทีมแคสติ้งโทรมาเองรอบหนึ่ง ผมก็บอกทำไม่ได้หรอกครับ จนครั้งที่ 3 เขาโทรมาอีกทีว่าให้ลองเข้ามาหน่อย ผมก็อ่ะถ้าอยากรู้ก็ลองเข้าไปก็ได้ แล้วมันได้ ก็งงเหมือนกัน แต่มันเหมือนเลยตามเลยไปเรื่อยๆ น่ะ ก็ตามใจเขาละกัน
ไข่ย้อย เป็นคนนิ่งๆเฉยๆ ค่อนข้างไร้อารมณ์หรือว่า ซันนี่ เล่นแข็งกันแน่
แต่ตอนนี้รู้สึกแค่ว่าถ้าตอนนั้นปฏิเสธไปไม่ได้เล่นเนี่ยจะเสียใจมากครับ ภูมิใจและมีความสุขมากที่ได้เล่นหนังเรื่องนี้ มันรักเลยน่ะครับ รู้สึกอินน่ะ ตัวผมอินจัดและก็พยายามไปแก้บทอะไรเขาด้วยตอนแรก อยากเล่นอย่างนี้ๆ ผลสุดท้ายมันก็เป็นไปตามทางที่ผมอยากได้จริงๆ อย่างเช่นตอนจบน่ะครับก็ให้คนดูคิดเอาเองว่าชีวิตมันจะเป็นยังไง ชีวิตมันไม่ได้จบแค่นั้นไงครับ คนเราต้องโตขึ้นอีกคือให้คิดได้ทุกทางน่ะครับ
หลายคนสงสัยว่า ไข่ย้อย เป็นคนนิ่งๆเฉยๆ ค่อนข้างไร้อารมณ์หรือว่า ซันนี่ เล่นแข็งกันแน่ พระเอกของเรื่องบอกนี่แหละ ไข่ย้อยในแบบซันนี่ ที่ตัวเขาเองรู้สึก
ผมคิดว่าถ้าให้เล่นใหญ่กว่านี้ผมทำไม่ได้ครับ ถ้าเป็นไข่ย้อยเล่นให้มันดูเว่อร์ พูดเยอะกว่านี้ในความคิดผมมันไม่ใช่ไข่ย้อยครับ ถ้าถามผมว่าผมคิดว่าตัวเองเล่นประมาณนี้ดีแล้วรึเปล่า ก็ใช่ครับ ไข่ย้อยเป็นคนพูดน้อยครับ แล้วเป็นคนไม่แสดงออกความรู้สึกให้ใครเห็น
แต่จริงๆ ก็อยากกลับไปเล่นใหม่หลายๆ อย่าง แต่ว่าถ้ากลับไปเล่นแล้วบางอันเล่นใหญ่กว่าเดิมให้มันชัดเจนกว่าเดิมเนี่ยผมยอมไม่เล่นดีกว่าครับผม แต่ผมว่าผมยังเล่นไม่เก่งน่ะ ถ้าคนอื่นอาจจะเก่งกว่าเยอะครับแต่ถ้าตามความรู้สึกผมและคนเขียนบทบอกมันคืออย่างนี้ครับ
ตอนแรกที่ผมเข้ามาเล่นก็ไม่มีใครเชื่อผมสักคน คิดว่าจะไม่เอาผมมาเล่นด้วยซ้ำ เขาบอกว่ามันไม่ใช่ไข่ย้อยแต่พอเล่นไปแล้วคนเขียนบทเขาบอกคำนี้ผมประทับใจ เขาบอกว่าได้ผมมาทำให้ไข่ย้อยมันดูไม่ฟูมฟายครับ (เป็นไข่ย้อยในแบบซันนี่?) ใช่ครับ ก็คือพี่เขาบอกว่ามันไม่ใช่ไข่ย้อยในบทน่ะ เป็นไข่ย้อยในชีวิตจริง ซึ่งตอนแรกผมก็ไม่มั่นใจอะไรอยู่แล้วครับแต่ว่าพอได้ยินพี่เอส(ผู้กำกับ)กับพี่หมู(คนเขียนบท)พูดแค่นี้ครับผมรู้สึกว่าภูมิใจแล้วครับ คนอื่นผมไม่สน แต่ผมทำเต็มที่แล้วครับ คือผมคงห่วยในสายตาคนอื่นแต่ถ้าโอเคสำหรับ 2 คนนี้ก็ดีแล้ว
ตอนที่ผมเล่นน่ะครับผมรู้สึกว่าถ้าคนปกติเจอกันอย่างนี้ต้องแสดงอย่างนี้ มันไม่แสดงออกว่า เฮ้ย ไปไหนมาวะ (ตะโกนเสียงดัง) เหมือนผมคุยกับพี่น่ะครับพี่ก็ทำหน้านิ่งเวลาคุยกับผมคือคนธรรมดาเขาคุยกันอย่างนี้ผมรู้สึกอย่างนั้นนะ จะให้ผมเล่นใหญ่กว่านี้ผมไม่เชื่อตัวผมเองครับ ผมคงแสดงได้ไม่ดีครับ
แม้ว่าหนังเรื่องแรกในชีวิตของเขาจะประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม มีงานติดต่อเข้ามามากมาย แต่ถึงกระนั้น ซันนี่ ก็ยังกลัวที่จะแสดงในครั้งต่อๆ ไป ทั้งๆ ที่ผู้จัดละครหรือเจ้าของงานมั่นใจว่าเขาน่าจะทำได้
ผมคิดว่าผมไม่เก่งน่ะครับ แล้วก็อยากให้คนอื่นมีโอกาสที่เขารักที่จะทำมากกว่า แล้วรู้สึกว่าการที่ผมเล่นอย่างนี้คงไม่มีใครชอบเท่าไหร่ ผมก็เลยคิดว่าให้คนอื่นที่เก่งๆ ทำดีกว่า คือทุกอย่างผมปฏิเสธไปหมดแล้ว มีงานดีเจ เล่นซิทคอมและงานละครครับ อีกอย่างเพราะผมความสามารถไม่พอครับ
แต่ผมก็ดีใจกับตัวหนังครับเพราะว่าผมรักหนังเรื่องนี้มาก แต่ว่าผมสนใจแค่ตัวผมคือรู้สึกว่าตัวเองได้ทำแล้วได้ทำสิ่งที่ตัวเองรู้สึกจริงๆ ก็ดีแล้วคือโชคดีมากแล้ว
ถ้าจะเล่นอีกก็คงโดนพี่เอสหรือคนที่รู้จักขอให้เล่นน่ะครับ ถ้างั้นผมคงไม่กล้าครับ คนคงไม่ชอบผมเท่าไหร่หรอกผมว่านะ ไม่ใช่เพราะฟีดแบ็กมันเป็นอย่างนั้นแต่ผมคิดเองอย่างนั้นตั้งแต่แรกแล้ว รู้สึกแค่ว่าคนเขาคงรำคาญ เฮ้ย! ไอ้นี่มาอีกแล้ว เขาคงไม่อยากดูสักเท่าไหร่น่ะ คือผมเหมือนจะเห็นแก่ตัวไปหน่อยแค่อยากได้โอกาสมาโดยที่ตัวเองไม่ได้เก่ง มันจะดูเห็นแก่ตัวต่อคนดูผมรู้สึกอย่างนั้น ผมพูดเครียดไปมั้ยเนี่ย
คือผมไม่มั่นใจอยู่แล้วครับ บางทีมันก็กดดันบ้างผมพยายามทำเต็มที่แล้วครับแต่ว่าไม่รู้ได้ดีรึเปล่า ถ้าคนเก่งๆ มีฝีมือให้เขาลองไปก่อนเถอะ มาถึงผมค่อยอันดับท้ายๆ ดีกว่า ไม่มีใครแล้วจับฉลากได้ค่อยเลือกผมดีกว่า ผมรู้สึกว่าถ้าผมรู้สึกอยากทำอะไรผมจะทำครับ ถ้าไม่รู้สึกผมไม่อยากไปหลอกตัวเอง เฮ้ย! ต้องไปลองก่อนแล้วมันจะชอบขึ้นมาเองมันไม่ใช่น่ะครับ
คิดอยากทำงานในวงการบันเทิงด้านอื่นรึเปล่า เช่น เป็นนักดนตรีมืออาชีพเพราะก่อนหน้านี้เห็นว่าเป็นมือกีต้าร์และร้องประสานกับวงของเพื่อนๆ ตามร้านอาหารมาก่อน?
ตอนนี้ยังไม่ครับ ผมเล่นห่วย (หัวเราะ) คือเวลาเล่นมันสนุกกับเพื่อนและมีรายได้ คือเล่นผิดเล่นถูกหันมาหัวเราะกันเอง ดีนะที่รู้สึกอย่างนั้นน่ะครับ (เล่นห่วยทำไมมีคนจ้าง?) เพื่อนผมเก่งครับ ผมเกาะเพื่อนกิน มีกีต้าร์ตั้ง 2 ตัวในวง มีเบสมีกลอง สบายๆ ครับ เกาะเพื่อนกินอยู่ตอนนี้ (หัวเราะ)
แต่ทุกอย่างที่ผมทำผมก็ทำเต็มที่นะครับ เราไม่เก่งก็ยอมรับน่ะครับไม่ใช่แบบว่าใครมาว่าไม่ได้ว่าห่วย ห่วยก็ยอมรับเพื่อนผมน่ะเก่ง เราไม่ได้เล่นเก่งแต่เราไปกับวงได้ แล้วเขาอยากให้ผมอยู่ในวงด้วยซึ่งมันสนุกครับ แล้วเจ้าของร้านก็ชอบสไตล์ดนตรีของพวกผมถึงจ้าง แต่ถ้าเรื่องแสดงผมกลัวไปถ่วงเขาเท่านั้นเอง
แล้วซันนี่มีความมั่นใจในตัวเองเรื่องไหนบ้าง?
ไม่ค่อยมีน่ะครับ ผมรู้สึกว่าผมทำได้ทุกอย่างครับแต่ว่าไม่ดีที่สุด ทำได้แต่ไม่เก่ง ซึ่งผมมองจากมาตรฐานของผมเอง ถามว่าผมชอบทำอะไรมากที่สุด ไม่รู้อ่ะ แต่ดนตรีเล่นแล้วมันสนุกเฉยๆ ผมเป็นคนที่เบื่ออะไรง่ายๆ ครับ แต่เออดนตรีเป็นช่วงที่เล่นมา 2 - 3 ปีแล้วไม่เบื่อเลยครับ อย่างเรื่องเรียนเลือกเรียนนิเทศฯ ตอนแรกโอเคนะ แต่หลังๆ เบื่อ พอจบไปแล้วไม่อยากทำนิเทศฯ ไม่อยากทำโฆษณาแล้วเป็นอย่างนั้นไปซะแล้วครับ
จะมีสักอย่างมั้ยที่เรามั่นใจว่าทำได้ดี
ไม่รู้นะ (ถ่ายภาพนิ่ง?) อุ๊ย ถ่ายภาพนิ่งยากกว่าเล่นหนังอีก ถ้าถามผมว่าทำไมทุกอย่างยากไปหมดสำหรับผมเหรอ ก็ผมห่วยน่ะ ทำอะไรต่อหน้าคนไม่ได้ผมเขินฮะ (ห่วยแต่ทำไมเป็นพระเอกหนังที่ทำเงินได้?) หนังเขาดีอยู่แล้ว ผมเป็นแค่ส่วนประกอบเท่านั้นจริงๆ ครับ
เราถ่อมตัวเกินไปรึเปล่า?
ก็ผมรู้สึกอย่างนี้จริงๆ ผมก็บอกอย่างนี้น่ะครับผม
วงการบันเทิงในความรู้สึกของซันนี่?
จริงๆ ผมเจอมาน้อยครับ แต่ก็ไม่คิดว่าการมาเล่นหนังจะสนุกขนาดนี้ ได้รู้จักคนที่ไม่คิดว่าจะรู้จักกันน่ะครับ ถ้าพูดถึงการเป็นนักดนตรีตามร้านอาหารกับเป็นพระเอกหนังผมชอบอะไรมากกว่ากัน อืมเล่นดนตรีมันสนุกกับเพื่อนๆ น่ะครับเหมือนออกไปเล่นบอลกับเพื่อนเลยครับ ความสนุกจะแบบเดียวกัน เล่นหนังนี่เล่นสนุกเพราะว่าทีมงานเล่นมุกกันตลอด ทุกคนสนิทกันมาก
ส่วนเรื่องที่ต้องไปเจอคนอื่นหรือโดนนักข่าวสัมภาษณ์ในฐานะดารา บางทีก็รู้สึกดีเหมือนกัน เออคนเขาชอบเราแต่เรากลัวทำตรงนี้ไม่ได้น่ะ เลยไม่ทำดีกว่า แต่ผมก็ชอบหมดน่ะครับทั้งเล่นดนตรีและงานแสดง ผมคือจะรู้สึกก่อนแล้วค่อยทำผมเลยมั่นใจ ถ้าไม่รู้สึกผมก็จะบอกว่าไม่อย่างนี้น่ะครับ
แต่ผมชอบดูหนังมากนะครับ ผมว่าหนังเป็นอะไรที่เท่ห์ที่สุดในการบันเทิงแล้ว ในความคิดผมมันสมจริงแล้วก็ดูเป็นการลงทุนที่สุด แล้วจบในเวลาที่เหมาะสม ไม่ต้องรอดูเป็นอาทิตย์ซึ่งแบบนั้นก็ดีนะแต่ผมชอบหนังมากกว่า
แล้วตอนนี้อยากทำอะไร?
ตอนนี้ผมยังไม่อยากทำอะไร ก็เรียนจบมาเสร็จทำอะไรโง่ๆ ไปวันๆ ให้แม่ด่าว่าเมื่อไหร่จะหางานทำ คือผมยังไม่รู้สึก ไม่รู้ว่าจะทำอะไร
ตอนเด็กๆเคยฝันอยากเป็นอะไรมั้ย?
เคยครับ แต่รู้สึกว่าคนอื่นมีอิทธิพลกับตัวเราพอเรามาคิดย้อนมองตัวเองดู เออ เราอยากเป็นจริงเหรอ พอลองถามตัวเองก็ไม่ว่ะ เห็นจากสื่อทีวีบ้างมีอิทธิพลจากพ่อแม่พูดบ้างว่าเป็นนี่ดิรวยนะ เออ อย่างนี้พอเป็นเด็กเราก็ เออว่ะ รวยๆๆ เออ ซึ่งจริงๆ เราไม่คิดอย่างนั้น
ตอนเด็กๆ ผมอยากเป็นหลายอย่างเลยครับ อาชีพเยอะแยะ มัณฑนากร วาดอะไรอย่างนี้แต่ก็ไม่ได้วาดกับเขาสักทีซึ่งจริงๆ อยากเป็นนักพากย์บอล ผมว่าคงทำครับ ผมคิดว่าคงเป็นอะไรอย่างหนึ่งที่ผมทำได้ มั่นใจว่าทำได้
ผมชอบดูบอลตั้งแต่เด็กๆ 10 ขวบแล้วครับ เมื่อก่อนเคยเชียร์ลิเวอร์พูลแต่ตอนนี้ไม่เชียร์แล้ว ถ้าเชียร์จริงๆ ก็เชียร์ทีมชาติฝรั่งเศสเพราะแม่ผมเป็นคนฝรั่งเศส และก็ทีมชาติไทยครับเชียร์แบบชิดใกล้เลยติดใจเลยแต่ว่าทีมอื่นเลิกเชียร์ไปแล้วเพราะเหตุผลบางประการ ที่ผมชอบดูบอลเพราะว่าเมื่อก่อนดูกับพี่แล้วมันสนุก แล้วผมก็เล่นด้วยครับ เล่นทุกตำแหน่งเลย
พอถามอย่างจริงๆ จังๆ ว่าถ้ามีคนมาทาบทามให้ซันนี่ไปเป็นนักพากย์บอล เขาจะทำมั้ยเขากลับเกิดอาการขี้กลัวขึ้นมาอีกแล้ว
ตอนนี้นักพากย์บอลผมชอบคุณเอกราช เก่งทุกทางครับ ผมว่าในบรรดาทั้งหมดตอนนี้ในความคิดผมนะครับเขาเก่งที่สุด มีความรู้เยอะสุด แต่ถ้าจะมีคนมาทาบทามผมให้ไปทำจริงๆ ผมคงไม่น่ะเพราะเห็นแต่ละคนก็เซียนเหมือนกันนะ ซึ่งบางคนก็มั่วบ้างแหละแต่บางคนก็เก่งเลยนะ
จิตใจและตัวตนของผู้ชายคนหนึ่งที่หลายคนมองว่าติสท์แตก !!!
คือความรู้เรื่องบอลผมก็พอมีครับแต่ไม่กล้าพูดอะไรมาก ถ้ามีคนมาทาบทามให้ทำจริงๆ ก็เสียว กลัวโดนด่าอยู่เหมือนกัน ไม่รู้ทำได้รึเปล่า ไม่มั่นใจเหมือนกัน
อาการขี้กลัว-ไม่มั่นใจมาจากการเลี้ยงดูตอนเด็กๆ รึเปล่า?
ผมก็ถูกเลี้ยงเหมือนทั่วๆ ไปน่ะครับ ถ้าทำผิดก็โดนตีโดนด่า ส่วนมากแม่ผมจะเลี้ยงแบบคนไทย หวงห้ามต้องอยู่ในกรอบ ห้ามกลับดึก โดนอะไรหลายๆ อย่าง ผมก็ซนเหมือนกันครับแต่ไม่ออกนอกลู่นอกทาง ก็ไม่ยุ่งกับเรื่องที่ร้ายเกินไปเพราะผมรู้ว่าจิตสำนึกผมดีพอครับ ถามว่าดื้อเงียบมั้ย ดื้อครับ ถ้าอธิบายแล้วจะเถียง แม่ผมเป็นอย่างนี้ครับผมทำผิดไงแล้วเขาก็ด่าผม ถ้าเขาทำผิดผมก็จะดุเขา เขาก็บอกว่านี่แม่นะ ผมก็บอกว่าแม่ทำผิดแม่ก็ต้องโดนดุ ผมเป็นคนอย่างนี้
กรอบที่เขาวางก็คืออย่าไปติดยาอะไรประมาณแบบนี้ เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งผมงงเลย ผมไม่เคยติดยาผมมั่นใจตัวเองมากว่าตัวเองไม่ทำอย่างนั้นแน่นอน คือกลับมาผมผอมไงครับตอนนั้นเล่นกีฬากลับบ้านมาเขาจับผมถอดเสื้อแล้วตีผม ถามว่าติดยาใช่มั้ย ผมบอกว่าไม่ได้ทำ เขาก็ไม่เชื่อ ไม่รู้จะทำยังไงอธิบายให้เขาฟังก็ไม่สนใจ
แต่ทำไมวันนี้คำถามดูเครียดๆ เนาะ แต่ผมชอบคุยแบบนี้มากกว่านะ ชอบคุยแบบเอาความคิดผมมากกว่า ซึ่งปกติคนอื่นจะถามว่าถ้าไม่ลอยกระทงจะไปลอยอะไร ผมขี้เกียจคิดน่ะ อันนั้นยากกว่านะ ถ้าให้ตอบอะไรในสิ่งเราไม่อยากจะทำน่ะ ก็ไม่อยากลอยน่ะแต่เราต้องตอบไงครับแต่ก็ไม่รู้ว่าจะตอบเขาว่ายังไง
จิตใจและตัวตนของผู้ชายคนหนึ่งที่หลายคนมองว่าติสท์แตก !!!
ผมไม่ติสท์หรอกครับ คนปกติคิดแบบผมเยอะแยะ แค่เขาจะพูดรึเปล่าเท่านั้นเองครับ ตัวผมไม่เคยเครียดเลยด้วยซ้ำ แล้วไม่คิดจะหาอะไรให้คลายเครียดด้วย ถ้าเครียดผมก็รับมันได้ ถ้าเครียดก็สนุกกับความเครียด ทำอะไรสนุกสนาน ขำดี ก็ถ้าเครียดไปก็เท่านั้นน่ะครับ เออเครียดเครียดดิไม่แคร์ เป็นอย่างนี้ แต่ถามว่าผมมีเรื่องเครียดมั้ย ก็มีบ้างครับแต่มันคือต้องเข้าใจและยอมรับ มัวแต่ไปฟูมฟายมันก็เสียเวลาเปล่าๆครับ
ถ้ารู้สึกอยากทำอะไรค่อยทำ ผมไม่มีอนาคตครับ อนาคตสั้นๆ โง่ๆ เป็นคนไม่มีอนาคต จะเครียดจะอะไรผมก็มีความสุขของผมน่ะครับ ผมเข้าใจและยอมรับ บางสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นก็เข้าใจนะครับซึ่งมันมีเหตุผลของมันน่ะมันเลยเป็นอย่างนี้กับเรา ไม่ใช่ว่าทำไมต้องมาเกิดกับกูวะ ความคิดเหล่านี้ผมรู้สึกได้เองครับ ไม่ได้อ่านมาจากหนังสือเล่มไหนและไม่มีฮีโร่
คือมองย้อนกลับไปตัวเองมันงี่เง่ามาเยอะน่ะครับ เมื่อก่อนคิดถามตัวเองว่าทำไมต้องเสียใจขนาดนั้น เรารู้สึกจริงๆ เหรอหรือมีอิทธิพลจากสื่อคนรอบข้างด้วย เราเห็นอึ๊ย! อกหักเอาแล้วต้องไปกินเหล้าไปอะไรอย่างนี้ เพราะอะไรล่ะเพราะเรารู้สึกเองเหรอ ผมเลยถามตัวเองว่าแค่นี้เอง เหตุผลก็คือมันไม่ใช่หนิ (เวลาอกหักเราก็ไม่กินเหลาเหมือนในทีวี?) กินผมก็กินสนุกสนานมากกว่าครับผม เหมือนอารมณ์อกหักมันก็ดีนะเป็นความรู้สึกที่ดีอารมณ์หนึ่ง (เราก็จะมองในมุมนี้ไป) ใช่ อารมณ์อกหักก็เจ๋งดีออก
ต่อไปมีแต่จะหักอกคนอื่นซะละมั้ง?
https://www.facebook.com/teeneedotcom