ทิ้งทวน อกเกือบหักฯ มาฟินกันต่อกับชีวิตหลังแต่งงานของ เธียรเมย ที่ไม่มีในละคร


ทิ้งทวน อกเกือบหักฯ มาฟินกันต่อกับชีวิตหลังแต่งงานของ เธียรเมย ที่ไม่มีในละคร


ลาจอไปด้วยความสำเร็จสำหรับ อกเกือบหักแอบรักคุณสามี ของทางช่อง3 แม้ระหว่างทางของเวอร์ชั่นละครจะแตกต่างจากเวอร์ชั่นนวนิยายต้นฉบับไปบ้าง แต่ถึงยังไงบทสรุปสุดท้ายของ พี่เธียร และ น้องเมย ก็ลงท้ายที่พิธีวิวาห์แสนหวานเหมือนกันทั้งคู่

      แม้"อกเกือบหักฯ" ฉบับละคร จะลาจอไปแล้ว แต่สำหรับฉบับนวนิยายนั้น "คุณนาวาร้อยกวี" ผู้แต่ง อกเกือบหักฯ ได้เอาใจแฟนๆพี่เธียร-น้องเมย เขียนตอนพิเศษ ชีวิตหลังแต่งงาน ของ คุณพ่อคุณแม่ น้องเห็บน้องเหา ออกมาให้ได้ฟินกันต่อ อีกหลายตอนทีเดียว ซึ่งใครอยากอ่านเต็มๆ สามารถติดตามได้ในแฟนเพจของนักเขียน ( คลิก) ได้เลย!!

แต่ในที่นี้ ทางเรา ขอนำบางบทบางตอน มาฝากแฟนๆ พี่เธียร-น้องเมย เป็นการส่งท้าย ความน่ารักกัน ไปชมเลยจ้า



***ตอนพิเศษ แฮนด์เมดของพี่เธียร***

"เบื่อจังเลย ดูสิสามีไม่ได้ดั่งใจ บอกให้ไปเดินไปหยิบรีโมททีวีให้แล้วไม่ได้ยิน ก็เลยงอนไปสองวัน ไม่ยอมพูดด้วย วันนี้เลยได้กระเป๋ามาใบนึง เค้าซื้อมาง้อ" ไม่พูดเปล่าแต่ยกกระเป๋าใบใหม่เอี่ยมใบละหลายพันขึ้นมาลูบไล้ กุ้งได้แต่ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายกับพนักงานที่เพิ่งรับเข้ามาใหม่ ที่นับวันจะทำให้คนอื่นๆในออฟฟิศเอือมระอา เพราะนอกจากจะชอบโอ้อวดในเรื่องไม่เป็นเรื่องแล้วยังข่มคนอื่นอยู่เป็นนิจ ขาประจำที่โดนก็ไม่ใช่ใคร ยายหนูเมยที่ชอบมานั่งทานเข้ากลางวันรวมกันที่แคนทีน

"อ้าวน้องเมย ใส่เสื้อแบรนด์อะไรคะเนี่ย น่ารักดีนะคะ"

"ไม่มีแบรนด์หรอกค่ะ ซื้อที่จตุจักร" นทีรินยิ้มกับชุดกระโปรงผ้าฝ้ายสีเหลืองอ่อนพาสเทลสดใสของตัวเองที่ไปซื้อมากับพี่เธียรวันนั้น เพราะพี่เธียรชี้ว่าจะเอาชุดนี้ตั้งแต่เห็นแขวนอยู่ที่ร้าน เพิ่งรู้ว่ารสนิยมในการเลือกเสื้อผ้าให้ผู้หญิงนี่ไม่เบาเหมือนกัน

"อือ...ก็ว่าอยู่ แต่ก็น่ารักดีนะคะ เหมาะกะคนซื้อ" เหมือนจะชม แต่ก็ทำให้คนฟังรู้สึกตะหงิดอยู่นิดๆ ตุ่มแอบกลอกตาประหลับประเหลือก พร้อมถอนหายใจดังเฮือกก่อนตักข้าวใส่ปากอย่างเหลือทน
"แล้วนี่ตั้งแต่แต่งงานกันมา สามีไม่เคยซื้ออะไรให้เลยเหรอคะน้องเมย" พนักงานใหม่ถามคนที่ดูเหมือนจะเป็นที่รักของใครต่อใคร แต่จุดอ่อนอย่างเดียวที่เห็นจะมีก็คงเป็นเรื่องโดนสามีกดขี่ข่มเหงนี่แหละ ถึงขั้นได้ไม่ค่อยได้ไปไหนกับเพื่อนตอนเลิกงาน เพราะโดนสามีคุมตัวกลับบ้านด้วยตลอด ในเวลางานก็ต้องทำงานงกๆ ไม่เห็นจะมีวี่แววว่าสามีจะตามใจหรืออะไรเลย

"เมยไม่กล้าขอหรอกค่ะ เกรงใจ แล้วก็ไม่รู้ว่าจะขออะไรด้วย" นทีรินตอบยิ้มๆ เพราะเธอรู้สึกว่าตัวเองก็ไม่ได้ขาดเหลืออะไรในชีวิต

"สามีไม่เคยเอาใจเราเลยเหรอคะ"

"ไม่ค่ะ พี่เธียรดุ" นั่นเป็นข้อเท็จจริงที่ทั้งบริษัทรู้กันดี เธอเองยังกลัวเลย

"ตายละ น่าสงสารจริง น้องเมยก็น่าจะหัดทำตัวเอาแต่ใจไว้บ้างนะ ไม่ใช่มัวแต่หงออย่างเดียว ดูอย่างสามีพี่ซิคะ ต้องตามง้อพี่ตลอด อยากได้อะไรก็ซื้อให้ ไม่เคยเกี่ยง"

เป็นบทสนทนาสุดท้ายก่อนที่คนอื่นๆบนโต๊ะเลือกที่จะเงียบกับคนที่วันๆเอาแต่ของมาอวดว่าสามีซื้ออะไรให้ สาวๆทั้งโต๊ะไม่มีใครอยากต่อปากต่อคำด้วย ปล่อยให้คนหลงตัวเองว่าสามีรักสามีหลงหัวเราะชอบใจอยู่เเต่เพียงลำพัง

กุ้งถึงกับเดือดดาลอยู่ในใจที่นทีรินไม่เคยคิดโต๊ตอบใดๆทั้งที่โดนข่มทุกครั้งที่เจอกัน แล้วโชคก็เข้าข้างเมื่อมองเห็นร่างสูงเดินมากับเดอะแก๊งเพื่อมาซื้อข้าวกลางวัน กุ้งเลยขยิบตาเรียกตุ่มทันควัน
"เมย อยากได้อะไรก็ขอไปเลย พี่เธียรมาพอดี" กุ้งสะกิดบอกน้องรัก

"ขอเนื่องในโอกาสอะไรคะ" นทีรินขำนิดๆเพราะรู้ว่าพี่กุ้งต้องการจะทำอะไร

"แต่งครบ 100 วัน อะไรก็ว่าไปสิจ๊ะ"

"นึกไม่ออกจริงๆค่ะ" นทีรินรีบบอกปัดก่อนที่ทุกอย่างจะไปกันใหญ่ เธอไม่อยากไปกวนใจพี่เธียรกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเลยจริงๆ

"ก็นึกให้ออกสิ นึกสินึก" ตุ่มเร่งเพื่อนยิกๆ จนพนักงานใหม่เจ้าปัญหาลอบยิ้มขำๆ ดูว่านทีรินจะขออะไรจากสามีได้บ้าง เพราะไม่เห็นว่าเจ้าตัวจะมีเครื่องประดับมีค่าอะไรบนร่างกายเลยแม้สักชิ้น

นทีรินไม่อยากจะเล่นด้วย แต่โชคไม่เข้าข้างที่เดอะแก๊งดันเห็นเธอแล้วร้องทักทาย ก่อนจะแห่มานั่งด้วยกันโดยเลื่อนโต๊ะมาติดกับโต๊ะที่แฮมม็อคนั่ง แล้วแยกย้ายกันไปซื้อข้าว จนกระทั่งเธียรวัฒน์กลับมานั่งลงข้างๆพร้อมกระเพราะไก่ไข่เจียว

คุณสามียังคงก้มหน้าก้มตาทานไปเงียบๆ โดยไม่รู้เรื่องว่าตัวเองกำลังถูกเปรียบเทียบกับความเพรียบพร้อมของสามีชาวบ้าน

"พี่เธียรคะ เมยเค้าอยากได้กระเป๋าค่ะ" ตุ่มเปิดฉากให้เพื่อนโดยไม่ได้นัดหมาย จนนทีรินเลิกคิ้วตกใจเพราะห้ามไม่ทัน

คราวนี้คนที่กำลังทานข้าวอยู่เงียบๆเหลือบมามองภรรยาตัวเอง ที่ทำสีหน้าลำบากใจใส่เขา
"เอ่อ คือ..." คนนั่งติดกันได้แต่อ้ำอึ้ง ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน

สายตาคมกริบยังจ้องเธออยู่อย่างนั้น เพื่อรอดูว่าเธอจะพูดอะไร นั่นยิ่งสร้างแรงกดดันให้กับนทีรินมากขึ้นไปอีก

"คือ...เมยอยากได้..."


"...." เธียรวัฒน์รอฟังอย่างไม่รีบร้อน

"คือ เมยอยากได้...กระเป๋าแฮนด์เมดซักใบน่ะค่ะ" คนขี้เกรงใจสามีอ้อมแอ้มบอกเบาๆจนเธียรวัฒน์ต้องยื่นหน้ามาใกล้ๆเพราะเบาจนแทบจะจับไม่ได้ว่าเธอกำลังพูดอะไรกับเขา

"สีอะไร" เสียงขรึมถามกลับสั้นๆ

"สีอะไรก็ได้ค่ะ แล้วแต่" นทีรินบอกด้วยความเกรงอกเกรงใจ จริงๆวันก่อนเธอไปเดินจตุจัตรกับพี่เธียร เธอเห็นกระเป๋าผ้าฝ้ายปักลายดอกไม้หวานๆใบละ 150 แต่คิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้ เลยตัดสินใจไม่ซื้อ

"เอากี่ใบ" เจ้าของสายตานิ่งๆถามอีกครั้ง

"ใบเดียวก็พอใช้แล้วค่ะ เมยว่าจะเอาไว้ใส่หนังสืออ่านเล่น" ขอไปก็ใจหายใจคว่ำไป เพราะไม่เคยขออะไรจากพี่เธียรเลยจริงๆตั้งแต่แต่งงานกันมา พี่เธียรจะคิดว่าเธองี่เง่าไร้สาระรึเปล่าก็ไม่รู้

เพื่อนผู้หญิงทั้งโต๊ะถึงกับเหนื่อยหน่ายในความมักน้อยของนทีริน เล่นเอาเซ็งกันไปแถบๆ จะเหลือไว้ก็แค่คนเดียวที่กระหยิ่มย้ิมย่องพร้อมลูบกระเป๋าใบใหม่ของตัวเองต่อไปอย่างภาคภูมิใจ

สามอาทิตย์ผ่านไปก็ไม่มีวี่แววว่าพี่เธียรจะชวนเธอไปซื้อกระเป๋าแฮนด์เมดที่ไหนจนเธอลืม เพราะเสาร์อาทิตย์ก็ได้แต่ขลุกอยู่กับบ้าน จนกระทั่งวันจันทร์ที่กล่องใบใหญ่2 ถุงถูกหอบหิ้วมาให้เธอถึงโต๊ะทำงาน หลังจากที่เธอย้ายลงมาช่วยงานแฮ็มม็อคในระยะนี้

"ฝากเพื่อนซื้อได้แล้ว" เธียรวัฒน์ตอบ พร้อมวางของที่เพื่อนเพิ่งส่งมาถึงวันนี้

"อะไรคะ?"

"กระเป๋าไง ที่อยากได้" เธียรวัฒน์ทำหน้าหงุดหงิดว่ายายเมยจะขี้ลืมอะไรขนาดนั้น

เพื่อนทั้งแผนกต่างชะโงกหน้ามาดูกันใหญ่ เพราะกล่องมันหรูเกินกว่าที่จะแค่กระเป๋าแฮนด์แมดธรรมดา จนกระทั่งนทีรินเปิดกล่องออกมาดู ถึงได้ห่อปากตาโตกันเมื่อรู้ว่าข้างในเป็นอะไร

"กรี๊ด แอร์เมส!" เสียงอุทานก็ดังไปทั้งออฟฟิศ นทีรินทำหน้าเหวอยิ่งกว่าโดนผีหลอก

"ไม่รู้ว่าอยากได้สีอะไร เลยซื้อมาสองสีที่เค้ามี" เสียงขรึมบอกอย่างไม่อนาทรร้อนใจ ตรงข้ามกับคนที่เขาซื้อกระเป๋าให้ที่แทบจะเข่าอ่อน

"แต่เมยอยากได้กระเป๋าแฮนด์เมด...." เสียงพูดเหมือนคนใจจะขาดอยู่รอนๆ

เธียรวัฒน์เลิกคิ้ว เมื่อคราวนี้ได้ยินถนัดว่าภรรยาอยากได้อะไรจึงดุเบาๆ

"ก็ไม่พูดให้ดังกว่านี้" เธียรวัฒน์เร่ิมหงุดหงิดตั้งแต่ที่มันหาซื้อยาก กระเป๋าบ้าอะไรต้องสั่งล่วงหน้าเป็นปีๆ เขานั้นแทบจะพลิกแผ่นดินหากว่าจะได้มันมาแบบไม่ต้องรอ จนสุดท้ายต้องฝากเพื่อนซื้อส่งมาให้จากต่างประเทศด้วยราคาที่ต้องจ่ายมากกว่าเดิมเป็นพิเศษเพื่อได้มันมาให้เมยให้เร็วที่สุด

เคยสัญญาเอาไว้แล้วว่าถ้าเมยอยากได้อะไร เขาก็จะหามาให้ภรรยาของเขาให้ได้ ยิ่งเจ้าตัวไม่เคยอยากได้อะไร เขายิ่งต้องควานหามาวางไว้ให้ แล้วสุดท้ายก็เพิ่งมารู้ว่าตัวเองฟังผิด....

นทีรินหน้าแดงก่ำเหมือนจะร้องไห้ มองกระเป๋าหนังนิ่มในมือกับราคาที่สูงลิบลิ่วของมัน "เอาไปแลกเป็นที่ดินได้มั้ยเนี่ย"

"ซื้อมาแล้วก็ต้องใช้" เจ้าของเสียงเรียบสั่ง พร้อมเดินจากไปอย่างไม่สนใจ เพราะต้องไปประชุมต่อ
เหลือไว้แต่เสียงกรี๊ดของเพื่อนในออฟฟิศที่กรูกันมาดู โดยเฉพาะพี่กุ้งกับตุ่ม ส่วนพนักงานใหม่นั้นเย็บวาบไปทั้งตัวอย่างเสียหน้า และแทบจะปัดกระเป๋าของตัวเองทิ้ง ทุกข์ใจไม่ต่างจากนทีรินที่หันไปถามเพื่อนว่าด้วยอาการเหงื่อตกว่า

"อันนี้เค้ารับของคืนรึเปล่าตุ่ม"

#######################"

ทิ้งทวน อกเกือบหักฯ มาฟินกันต่อกับชีวิตหลังแต่งงานของ เธียรเมย ที่ไม่มีในละคร

### ตอนพิเศษ ง้อ ####

ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความเงียบระหว่างเธียรวัฒน์และนทีรินในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง

เดินผ่านร้านแล้วร้านเล่า แต่คนที่ถูกสามีลากมาก็ไม่มีกะจิตกะใจจะเหลียวแลสินค้าอะไร ได้แต่มองพื้นหรือไม่ก็มองทางข้างหน้าตรงไปอย่างเดียว เป็นเธียรวัฒน์ซะเองที่จะเป็นฝ่ายทนไม่ไหวกับความเฉยชานั้น

แล้วจู่ๆ มือของนทีรินก็ถูกดึงจูงแฉลบเข้าประตูร้านนึงที่เธอไม่ได้ใส่ใจจะมองอีกเช่นกัน จนกระทั่งมือหนาโอบเอวมาหยุดอยู่หน้าตู้กระจก

"อยากได้อันไหน ชี้" เสียงขรึมนั้นปนไปด้วยความเคร่งเครียด

นทีรินเห็นเครื่องประดับในตู้กระจกที่สะท้อนแสงไฟวิบวับ แล้วก็ส่ายหน้า เธอไม่เคยอยากได้ของสิ้นเปลืองเหล่านี้ ส่วนพนักงานก็ออกมาดูแลลูกค้าเป็นอย่างดี

"สวัสดีค่ะ สนใจชิ้นไหนเป็นพิเศษมั้ยคะ"

"ไม่ค่ะ" นทีรินส่ายหน้าพร้อมทำท่าจะจากไป แต่ก็โดนอ้อมแขนที่โอบเธออยู่รั้งเอาไว้ไม่ให้เดินหนี

"ขอดูชิ้นนั้นครับ"

"ชิ้นนี้เป็นปริ้นเซสคัต 5 กะรัตระดับ flawless นำเข้า เนื้อขาวบริสุทธิ์ มีใบรับประกันนะคะ
ตอนนี้เราทำโปรโมชั่นพิเศษอยู่ค่ะ"

พนักงานสาวยืนราคาเต็มละส่วนลดให้ เธียรวัฒน์รับมาดูแล้วก็ส่งคืน พร้อมหันมาถามคนที่ยังไม่ยอมมองหน้าเขา

"เลือกสิ" น้ำเสียงนั้นดูจะอ่อนลงกว่าเมื่อครู่นี้มาก กึ่งขอร้องแบบกรายๆ แต่นทีรินก็ยังไม่สนใจจะมองสินค้าตรงหน้า ทั้งที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็น่าจะชอบกัน

"เมยไม่อยากได้ค่ะ"เจ้าของศีรษะทุยส่ายหน้าเบาๆเป็นการยืนยัน

"พี่บอกให้เลือก จะเอากี่ชิ้น" น้ำเสียงที่เอ่ยนั้นราบเรียบ แต่ก็เป็นเชิงบังคับเธออีกแล้ว ไม่ว่าจะทำอะไรพี่เธียรบังคับเธอไปซะหมด ความอึดอัดที่สะสมมานานทำให้เธอรู้สึกเอยากจะระเบิดมันออกมา

พนักงานเห็นสภาวะสงครามเย็น จึงพยายามสร้างบรรยากาศให้ครื้นเครงสดใส ดึงความสนใจลูกค้าไปยังโปรโมชั่นพิเศษที่ทางร้านนำเสนอ

"ค่ะ สนใจชิ้นไหนถามได้นะคะ ช่วงนี้ลดสูงสูด 50 เปอร์เซ็นเลยค่ะ"

"อยากให้เมยเลือกจริงๆใช่มั้ยคะ..." น้ำเสียงนั้นเย็นยะเยียบ เมื่อเธียรวัฒน์พยักหน้า นิ้วเล็กๆนั้นก็เริ่มชี้ตามคำสั่งสามีในทันที

"เอาชิ้นนั้นค่ะ ชิ้นนี้ด้วย แล้วก็ชิ้นนี้ แล้วก็ชิ้นนั้น"

พอผลาญเงินเสร็จจนหนำใจแล้วก็เดินกลับมายังโซฟารับแขกของทางร้านเงียบๆ ปล่อยให้เธียรวัฒน์จัดการจ่ายเงินไป ‘ก็อยากให้เธอชี้เองนี่ ช่วยไม่ได้'

พอรูดบัตรเสร็จแล้ว คุณสามีก็รีบตามมานั่ง ก่อนจะค่อยๆกระแซะ แล้วมือหนาที่โอบเอวอยู่ลูบสีข้างเธอเบาๆ แม้จะก้มลงมองเธอนิ่งๆ แต่นั่นก็ทำให้รู้ว่าเขาใส่ใจ

"หายโกรธพี่รึยัง" เสียงขรึมเอ่ยในที่สุด หลังจากที่ทอดสายตามองเธออยู่นาน

เขาเองก็สีหน้าหนักใจไม่น้อยที่ร้อยวันพันปีต่อให้เขาเอาแต่ใจมากแค่ไหน เมยก็ไม่เคยนึกโกรธเป็นจริงเป็นจัง จนกระทั่งตอนนี้ที่ไม่ยอมพูดกับเขามาเป็นอาทิตย์แล้ว แถมยังหลบไปนอนบ้านริกับม่นอีก ต้องไปนั่งรอตั้งหลายขั่วโมงกว่าจะยอมลงมาเจอเขาข้างล่าง แล้วออกมาเดินช้อปปิ้งดูหนังกับเขาได้

เขารู้ว่าเขาผิดที่อาทิตย์ก่อนไปโมโหว่ามีผู้ชายขับรถมาส่งถึงบ้าน เลยทะเลาะกันเพราะหึงหวง โทรตามก็โทรไม่ติด เพิ่งมารู้ทีหลังว่าแบ็ตมือถือเมยหมด หึงจนหน้ามืดเลยเผลอไปฝืนใจเมยเข้าโดยที่ไม่เต็มใจ เลยกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาจนถึงขั้นเมยหนีออกจากบ้านกลางดึก

จนตอนนี้พูดกับเขาแทบจะนับคำได้ หน้ายังไม่อยากจะมองเขาเลย

ระหว่างรอพนักงานจัดสินค้าใส่กล่องหรู จึงไปนั่งรอกันที่มุมโซฟาของทางร้าน ทางร้านก็เรียกพนักงานหลายคนมาช่วยกันจัด อีกด้านก็งอนง้อภรรยาไปในแบบของเขา ทั้งโอบ ทั้งลูบหลัง ทั้งกุมมือขึ้นมาจูบ จนกระทั่งนทีรินเริ่มน้ำตาปริ่มๆ

"พี่ขอโทษ" น้ำเสียงนั้นดูวิงวอนเล็กๆ

จนนทีรินที่เอาแต่เงียบและมึนตึงกับสามีตลอดทั้งอาทิตย์ และไม่ยอมนั่งรถไปทำงานด้วยกันเหมือนเช่นทุกวันนั้นถอนหายใจอย่างยากเย็น แล้วเอ่ยปาก

"เมยอยากกลับบ้าน อยากเจอแม่"

"เดี๋ยวหยุดเสาร์อาทิตย์พี่พากลับ" คำตอบนั้นได้รับในทันทีที่เธอพูดจบ

"เมยอยากดูหนัง"

"เดี๋ยวเสร็จจากนี้แล้วไปดูกัน"

"เมยอยากไปทะเล"

"เดี๋ยวดูหนังจบเราขับรถไปเลย อยากไปประจวบหรือไปชลบุรี"

ตามใจไม่ขัดอะไรซักอย่างจนเธียรวัฒน์เห็นใบหน้าที่ก้มงุดอยู่เริ่มแอบกลั้นยิ้ม

"พี่รักเมยคนเดียวนะ" เธียรวัฒน์บอกกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"เมยก็รักพี่เธียรค่ะ"

พนันงานสองคนที่หิ้วสินค้ามาส่งยิ้มเมื่อเห็นสองสามีภรรยาที่ดูจะมีเรื่องขุ่นเคืองกันมาตั้งแต่เดินเข้าร้าน กำลังมองตากันหวานชื่น ก็คงไม่แปลกหรอกเพราะรักกันมากขนาดนี้ ดูจากที่คุณสามีซื้อเครื่องประดับง้อภรรยา

ส่วนนทีรินเองพอโดนเธียรวัฒน์สปอยด์จนหายโกรธ ก็เขินจนลืมไปเลยว่า ‘เมื่อกี้เพิ่งแผลงฤทธิ์อะไรบ้างใส่สามี'

แค่นึกถึงว่าจะได้กลับบ้าน ได้ไปดูหนัง และค้างคืนที่ริมทะเลกับพี่เธียร เท่านั้นชีวิตของเธอก็มีความสุขแล้ว

"เรียบร้อยแล้วค่ะ รบกวนตรวจสอบบิลอีกรอบด้วยนะคะ เพื่อความถูกต้อง ทั้งหมดก็จะมีสร้อยทองคำขาวพร้อมจี้เพขรรูปดอกกุหลาบ กำไลข้อมือฝังเพชร จี้รูปหัวใจ ต่างหูมรกตเอ็มเมอรอลคัท ต่างหูเพชรรูปหยดน้ำ ทั้งหมด X ชิ้น รวมราคา XX ล้าน ขอบพระคุณมากค่ะที่ไว้วางใจทางร้านของเรา"

"....." นทีรินรับไว้พนักงานด้วยอาการแข้งขามือไว้อ่อน แทบจะลงไปตายตรงนั้นที่ชี้แบบไม่ดูตาม้าตาเรือ ได้แต่มองถุงสุดหรูหลายใบที่พี่เธียรซื้อให้ โดยที่เธอเองก็ยังไม่รู้ว่าจะเอามันไปใช้อะไร!

เธียรวัฒน์ยิ้ม

"อยากได้อะไรพี่ก็จะหาให้ แค่อย่าให้ 'หน้าไหน' มันมาส่งที่บ้านก็พอ ไปดูหนังกันเถอะ"

นทีรินเลยได้แต่ถอนหายใจทีนึง ก่อนจะถูกสามีผู้ที่อารมณ์ดีขึ้นแล้วดึงออกจากร้านไปดูหนังเป็นรายการต่อไป

นิสัยเอาแต่ใจของพี่เธียรนี่แก้ไม่หายเลยจริงๆ

######################################

ทิ้งทวน อกเกือบหักฯ มาฟินกันต่อกับชีวิตหลังแต่งงานของ เธียรเมย ที่ไม่มีในละคร


ทิ้งทวน อกเกือบหักฯ มาฟินกันต่อกับชีวิตหลังแต่งงานของ เธียรเมย ที่ไม่มีในละคร


ทิ้งทวน อกเกือบหักฯ มาฟินกันต่อกับชีวิตหลังแต่งงานของ เธียรเมย ที่ไม่มีในละคร


ทิ้งทวน อกเกือบหักฯ มาฟินกันต่อกับชีวิตหลังแต่งงานของ เธียรเมย ที่ไม่มีในละคร


ทิ้งทวน อกเกือบหักฯ มาฟินกันต่อกับชีวิตหลังแต่งงานของ เธียรเมย ที่ไม่มีในละคร


ทิ้งทวน อกเกือบหักฯ มาฟินกันต่อกับชีวิตหลังแต่งงานของ เธียรเมย ที่ไม่มีในละคร


ทิ้งทวน อกเกือบหักฯ มาฟินกันต่อกับชีวิตหลังแต่งงานของ เธียรเมย ที่ไม่มีในละคร

เครดิตแหล่งข้อมูล : FB นาวาร้อยกวี

เรียบเรียง : ทีมงาน Teenee.com


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
ดูดวง เลขบัตรประชาชน คลิ๊กเลย ++
กระทู้เด็ดน่าแชร์