ทิ้งทวน อกเกือบหักฯ มาฟินกันต่อกับชีวิตหลังแต่งงานของ เธียรเมย ที่ไม่มีในละคร
ลาจอไปด้วยความสำเร็จสำหรับ อกเกือบหักแอบรักคุณสามี ของทางช่อง3 แม้ระหว่างทางของเวอร์ชั่นละครจะแตกต่างจากเวอร์ชั่นนวนิยายต้นฉบับไปบ้าง แต่ถึงยังไงบทสรุปสุดท้ายของ พี่เธียร และ น้องเมย ก็ลงท้ายที่พิธีวิวาห์แสนหวานเหมือนกันทั้งคู่
แม้"อกเกือบหักฯ" ฉบับละคร จะลาจอไปแล้ว แต่สำหรับฉบับนวนิยายนั้น "คุณนาวาร้อยกวี" ผู้แต่ง อกเกือบหักฯ ได้เอาใจแฟนๆพี่เธียร-น้องเมย เขียนตอนพิเศษ ชีวิตหลังแต่งงาน ของ คุณพ่อคุณแม่ น้องเห็บน้องเหา ออกมาให้ได้ฟินกันต่อ อีกหลายตอนทีเดียว ซึ่งใครอยากอ่านเต็มๆ สามารถติดตามได้ในแฟนเพจของนักเขียน ( คลิก) ได้เลย!!
แต่ในที่นี้ ทางเรา ขอนำบางบทบางตอน มาฝากแฟนๆ พี่เธียร-น้องเมย เป็นการส่งท้าย ความน่ารักกัน ไปชมเลยจ้า
***ตอนพิเศษ แฮนด์เมดของพี่เธียร***
"เบื่อจังเลย ดูสิสามีไม่ได้ดั่งใจ บอกให้ไปเดินไปหยิบรีโมททีวีให้แล้วไม่ได้ยิน ก็เลยงอนไปสองวัน ไม่ยอมพูดด้วย วันนี้เลยได้กระเป๋ามาใบนึง เค้าซื้อมาง้อ" ไม่พูดเปล่าแต่ยกกระเป๋าใบใหม่เอี่ยมใบละหลายพันขึ้นมาลูบไล้ กุ้งได้แต่ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายกับพนักงานที่เพิ่งรับเข้ามาใหม่ ที่นับวันจะทำให้คนอื่นๆในออฟฟิศเอือมระอา เพราะนอกจากจะชอบโอ้อวดในเรื่องไม่เป็นเรื่องแล้วยังข่มคนอื่นอยู่เป็นนิจ ขาประจำที่โดนก็ไม่ใช่ใคร ยายหนูเมยที่ชอบมานั่งทานเข้ากลางวันรวมกันที่แคนทีน
"อ้าวน้องเมย ใส่เสื้อแบรนด์อะไรคะเนี่ย น่ารักดีนะคะ"
"ไม่มีแบรนด์หรอกค่ะ ซื้อที่จตุจักร" นทีรินยิ้มกับชุดกระโปรงผ้าฝ้ายสีเหลืองอ่อนพาสเทลสดใสของตัวเองที่ไปซื้อมากับพี่เธียรวันนั้น เพราะพี่เธียรชี้ว่าจะเอาชุดนี้ตั้งแต่เห็นแขวนอยู่ที่ร้าน เพิ่งรู้ว่ารสนิยมในการเลือกเสื้อผ้าให้ผู้หญิงนี่ไม่เบาเหมือนกัน
"อือ...ก็ว่าอยู่ แต่ก็น่ารักดีนะคะ เหมาะกะคนซื้อ" เหมือนจะชม แต่ก็ทำให้คนฟังรู้สึกตะหงิดอยู่นิดๆ ตุ่มแอบกลอกตาประหลับประเหลือก พร้อมถอนหายใจดังเฮือกก่อนตักข้าวใส่ปากอย่างเหลือทน
"แล้วนี่ตั้งแต่แต่งงานกันมา สามีไม่เคยซื้ออะไรให้เลยเหรอคะน้องเมย" พนักงานใหม่ถามคนที่ดูเหมือนจะเป็นที่รักของใครต่อใคร แต่จุดอ่อนอย่างเดียวที่เห็นจะมีก็คงเป็นเรื่องโดนสามีกดขี่ข่มเหงนี่แหละ ถึงขั้นได้ไม่ค่อยได้ไปไหนกับเพื่อนตอนเลิกงาน เพราะโดนสามีคุมตัวกลับบ้านด้วยตลอด ในเวลางานก็ต้องทำงานงกๆ ไม่เห็นจะมีวี่แววว่าสามีจะตามใจหรืออะไรเลย
"เมยไม่กล้าขอหรอกค่ะ เกรงใจ แล้วก็ไม่รู้ว่าจะขออะไรด้วย" นทีรินตอบยิ้มๆ เพราะเธอรู้สึกว่าตัวเองก็ไม่ได้ขาดเหลืออะไรในชีวิต
"สามีไม่เคยเอาใจเราเลยเหรอคะ"
"ไม่ค่ะ พี่เธียรดุ" นั่นเป็นข้อเท็จจริงที่ทั้งบริษัทรู้กันดี เธอเองยังกลัวเลย
"ตายละ น่าสงสารจริง น้องเมยก็น่าจะหัดทำตัวเอาแต่ใจไว้บ้างนะ ไม่ใช่มัวแต่หงออย่างเดียว ดูอย่างสามีพี่ซิคะ ต้องตามง้อพี่ตลอด อยากได้อะไรก็ซื้อให้ ไม่เคยเกี่ยง"
เป็นบทสนทนาสุดท้ายก่อนที่คนอื่นๆบนโต๊ะเลือกที่จะเงียบกับคนที่วันๆเอาแต่ของมาอวดว่าสามีซื้ออะไรให้ สาวๆทั้งโต๊ะไม่มีใครอยากต่อปากต่อคำด้วย ปล่อยให้คนหลงตัวเองว่าสามีรักสามีหลงหัวเราะชอบใจอยู่เเต่เพียงลำพัง
กุ้งถึงกับเดือดดาลอยู่ในใจที่นทีรินไม่เคยคิดโต๊ตอบใดๆทั้งที่โดนข่มทุกครั้งที่เจอกัน แล้วโชคก็เข้าข้างเมื่อมองเห็นร่างสูงเดินมากับเดอะแก๊งเพื่อมาซื้อข้าวกลางวัน กุ้งเลยขยิบตาเรียกตุ่มทันควัน
"เมย อยากได้อะไรก็ขอไปเลย พี่เธียรมาพอดี" กุ้งสะกิดบอกน้องรัก
"ขอเนื่องในโอกาสอะไรคะ" นทีรินขำนิดๆเพราะรู้ว่าพี่กุ้งต้องการจะทำอะไร
"แต่งครบ 100 วัน อะไรก็ว่าไปสิจ๊ะ"
"นึกไม่ออกจริงๆค่ะ" นทีรินรีบบอกปัดก่อนที่ทุกอย่างจะไปกันใหญ่ เธอไม่อยากไปกวนใจพี่เธียรกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเลยจริงๆ
"ก็นึกให้ออกสิ นึกสินึก" ตุ่มเร่งเพื่อนยิกๆ จนพนักงานใหม่เจ้าปัญหาลอบยิ้มขำๆ ดูว่านทีรินจะขออะไรจากสามีได้บ้าง เพราะไม่เห็นว่าเจ้าตัวจะมีเครื่องประดับมีค่าอะไรบนร่างกายเลยแม้สักชิ้น
นทีรินไม่อยากจะเล่นด้วย แต่โชคไม่เข้าข้างที่เดอะแก๊งดันเห็นเธอแล้วร้องทักทาย ก่อนจะแห่มานั่งด้วยกันโดยเลื่อนโต๊ะมาติดกับโต๊ะที่แฮมม็อคนั่ง แล้วแยกย้ายกันไปซื้อข้าว จนกระทั่งเธียรวัฒน์กลับมานั่งลงข้างๆพร้อมกระเพราะไก่ไข่เจียว
คุณสามียังคงก้มหน้าก้มตาทานไปเงียบๆ โดยไม่รู้เรื่องว่าตัวเองกำลังถูกเปรียบเทียบกับความเพรียบพร้อมของสามีชาวบ้าน
"พี่เธียรคะ เมยเค้าอยากได้กระเป๋าค่ะ" ตุ่มเปิดฉากให้เพื่อนโดยไม่ได้นัดหมาย จนนทีรินเลิกคิ้วตกใจเพราะห้ามไม่ทัน
คราวนี้คนที่กำลังทานข้าวอยู่เงียบๆเหลือบมามองภรรยาตัวเอง ที่ทำสีหน้าลำบากใจใส่เขา
"เอ่อ คือ..." คนนั่งติดกันได้แต่อ้ำอึ้ง ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน
สายตาคมกริบยังจ้องเธออยู่อย่างนั้น เพื่อรอดูว่าเธอจะพูดอะไร นั่นยิ่งสร้างแรงกดดันให้กับนทีรินมากขึ้นไปอีก
"คือ...เมยอยากได้..."
"...." เธียรวัฒน์รอฟังอย่างไม่รีบร้อน
"คือ เมยอยากได้...กระเป๋าแฮนด์เมดซักใบน่ะค่ะ" คนขี้เกรงใจสามีอ้อมแอ้มบอกเบาๆจนเธียรวัฒน์ต้องยื่นหน้ามาใกล้ๆเพราะเบาจนแทบจะจับไม่ได้ว่าเธอกำลังพูดอะไรกับเขา
"สีอะไร" เสียงขรึมถามกลับสั้นๆ
"สีอะไรก็ได้ค่ะ แล้วแต่" นทีรินบอกด้วยความเกรงอกเกรงใจ จริงๆวันก่อนเธอไปเดินจตุจัตรกับพี่เธียร เธอเห็นกระเป๋าผ้าฝ้ายปักลายดอกไม้หวานๆใบละ 150 แต่คิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้ เลยตัดสินใจไม่ซื้อ
"เอากี่ใบ" เจ้าของสายตานิ่งๆถามอีกครั้ง
"ใบเดียวก็พอใช้แล้วค่ะ เมยว่าจะเอาไว้ใส่หนังสืออ่านเล่น" ขอไปก็ใจหายใจคว่ำไป เพราะไม่เคยขออะไรจากพี่เธียรเลยจริงๆตั้งแต่แต่งงานกันมา พี่เธียรจะคิดว่าเธองี่เง่าไร้สาระรึเปล่าก็ไม่รู้
เพื่อนผู้หญิงทั้งโต๊ะถึงกับเหนื่อยหน่ายในความมักน้อยของนทีริน เล่นเอาเซ็งกันไปแถบๆ จะเหลือไว้ก็แค่คนเดียวที่กระหยิ่มย้ิมย่องพร้อมลูบกระเป๋าใบใหม่ของตัวเองต่อไปอย่างภาคภูมิใจ
สามอาทิตย์ผ่านไปก็ไม่มีวี่แววว่าพี่เธียรจะชวนเธอไปซื้อกระเป๋าแฮนด์เมดที่ไหนจนเธอลืม เพราะเสาร์อาทิตย์ก็ได้แต่ขลุกอยู่กับบ้าน จนกระทั่งวันจันทร์ที่กล่องใบใหญ่2 ถุงถูกหอบหิ้วมาให้เธอถึงโต๊ะทำงาน หลังจากที่เธอย้ายลงมาช่วยงานแฮ็มม็อคในระยะนี้
"ฝากเพื่อนซื้อได้แล้ว" เธียรวัฒน์ตอบ พร้อมวางของที่เพื่อนเพิ่งส่งมาถึงวันนี้
"อะไรคะ?"
"กระเป๋าไง ที่อยากได้" เธียรวัฒน์ทำหน้าหงุดหงิดว่ายายเมยจะขี้ลืมอะไรขนาดนั้น
เพื่อนทั้งแผนกต่างชะโงกหน้ามาดูกันใหญ่ เพราะกล่องมันหรูเกินกว่าที่จะแค่กระเป๋าแฮนด์แมดธรรมดา จนกระทั่งนทีรินเปิดกล่องออกมาดู ถึงได้ห่อปากตาโตกันเมื่อรู้ว่าข้างในเป็นอะไร
"กรี๊ด แอร์เมส!" เสียงอุทานก็ดังไปทั้งออฟฟิศ นทีรินทำหน้าเหวอยิ่งกว่าโดนผีหลอก
"ไม่รู้ว่าอยากได้สีอะไร เลยซื้อมาสองสีที่เค้ามี" เสียงขรึมบอกอย่างไม่อนาทรร้อนใจ ตรงข้ามกับคนที่เขาซื้อกระเป๋าให้ที่แทบจะเข่าอ่อน
"แต่เมยอยากได้กระเป๋าแฮนด์เมด...." เสียงพูดเหมือนคนใจจะขาดอยู่รอนๆ
เธียรวัฒน์เลิกคิ้ว เมื่อคราวนี้ได้ยินถนัดว่าภรรยาอยากได้อะไรจึงดุเบาๆ
"ก็ไม่พูดให้ดังกว่านี้" เธียรวัฒน์เร่ิมหงุดหงิดตั้งแต่ที่มันหาซื้อยาก กระเป๋าบ้าอะไรต้องสั่งล่วงหน้าเป็นปีๆ เขานั้นแทบจะพลิกแผ่นดินหากว่าจะได้มันมาแบบไม่ต้องรอ จนสุดท้ายต้องฝากเพื่อนซื้อส่งมาให้จากต่างประเทศด้วยราคาที่ต้องจ่ายมากกว่าเดิมเป็นพิเศษเพื่อได้มันมาให้เมยให้เร็วที่สุด
เคยสัญญาเอาไว้แล้วว่าถ้าเมยอยากได้อะไร เขาก็จะหามาให้ภรรยาของเขาให้ได้ ยิ่งเจ้าตัวไม่เคยอยากได้อะไร เขายิ่งต้องควานหามาวางไว้ให้ แล้วสุดท้ายก็เพิ่งมารู้ว่าตัวเองฟังผิด....
นทีรินหน้าแดงก่ำเหมือนจะร้องไห้ มองกระเป๋าหนังนิ่มในมือกับราคาที่สูงลิบลิ่วของมัน "เอาไปแลกเป็นที่ดินได้มั้ยเนี่ย"
"ซื้อมาแล้วก็ต้องใช้" เจ้าของเสียงเรียบสั่ง พร้อมเดินจากไปอย่างไม่สนใจ เพราะต้องไปประชุมต่อ
เหลือไว้แต่เสียงกรี๊ดของเพื่อนในออฟฟิศที่กรูกันมาดู โดยเฉพาะพี่กุ้งกับตุ่ม ส่วนพนักงานใหม่นั้นเย็บวาบไปทั้งตัวอย่างเสียหน้า และแทบจะปัดกระเป๋าของตัวเองทิ้ง ทุกข์ใจไม่ต่างจากนทีรินที่หันไปถามเพื่อนว่าด้วยอาการเหงื่อตกว่า
"อันนี้เค้ารับของคืนรึเปล่าตุ่ม"
#######################"
ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความเงียบระหว่างเธียรวัฒน์และนทีรินในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
เดินผ่านร้านแล้วร้านเล่า แต่คนที่ถูกสามีลากมาก็ไม่มีกะจิตกะใจจะเหลียวแลสินค้าอะไร ได้แต่มองพื้นหรือไม่ก็มองทางข้างหน้าตรงไปอย่างเดียว เป็นเธียรวัฒน์ซะเองที่จะเป็นฝ่ายทนไม่ไหวกับความเฉยชานั้น
แล้วจู่ๆ มือของนทีรินก็ถูกดึงจูงแฉลบเข้าประตูร้านนึงที่เธอไม่ได้ใส่ใจจะมองอีกเช่นกัน จนกระทั่งมือหนาโอบเอวมาหยุดอยู่หน้าตู้กระจก
"อยากได้อันไหน ชี้" เสียงขรึมนั้นปนไปด้วยความเคร่งเครียด
นทีรินเห็นเครื่องประดับในตู้กระจกที่สะท้อนแสงไฟวิบวับ แล้วก็ส่ายหน้า เธอไม่เคยอยากได้ของสิ้นเปลืองเหล่านี้ ส่วนพนักงานก็ออกมาดูแลลูกค้าเป็นอย่างดี
"สวัสดีค่ะ สนใจชิ้นไหนเป็นพิเศษมั้ยคะ"
"ไม่ค่ะ" นทีรินส่ายหน้าพร้อมทำท่าจะจากไป แต่ก็โดนอ้อมแขนที่โอบเธออยู่รั้งเอาไว้ไม่ให้เดินหนี
"ขอดูชิ้นนั้นครับ"
"ชิ้นนี้เป็นปริ้นเซสคัต 5 กะรัตระดับ flawless นำเข้า เนื้อขาวบริสุทธิ์ มีใบรับประกันนะคะ
ตอนนี้เราทำโปรโมชั่นพิเศษอยู่ค่ะ"
พนักงานสาวยืนราคาเต็มละส่วนลดให้ เธียรวัฒน์รับมาดูแล้วก็ส่งคืน พร้อมหันมาถามคนที่ยังไม่ยอมมองหน้าเขา
"เลือกสิ" น้ำเสียงนั้นดูจะอ่อนลงกว่าเมื่อครู่นี้มาก กึ่งขอร้องแบบกรายๆ แต่นทีรินก็ยังไม่สนใจจะมองสินค้าตรงหน้า ทั้งที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็น่าจะชอบกัน
"เมยไม่อยากได้ค่ะ"เจ้าของศีรษะทุยส่ายหน้าเบาๆเป็นการยืนยัน
"พี่บอกให้เลือก จะเอากี่ชิ้น" น้ำเสียงที่เอ่ยนั้นราบเรียบ แต่ก็เป็นเชิงบังคับเธออีกแล้ว ไม่ว่าจะทำอะไรพี่เธียรบังคับเธอไปซะหมด ความอึดอัดที่สะสมมานานทำให้เธอรู้สึกเอยากจะระเบิดมันออกมา
พนักงานเห็นสภาวะสงครามเย็น จึงพยายามสร้างบรรยากาศให้ครื้นเครงสดใส ดึงความสนใจลูกค้าไปยังโปรโมชั่นพิเศษที่ทางร้านนำเสนอ
"ค่ะ สนใจชิ้นไหนถามได้นะคะ ช่วงนี้ลดสูงสูด 50 เปอร์เซ็นเลยค่ะ"
"อยากให้เมยเลือกจริงๆใช่มั้ยคะ..." น้ำเสียงนั้นเย็นยะเยียบ เมื่อเธียรวัฒน์พยักหน้า นิ้วเล็กๆนั้นก็เริ่มชี้ตามคำสั่งสามีในทันที
"เอาชิ้นนั้นค่ะ ชิ้นนี้ด้วย แล้วก็ชิ้นนี้ แล้วก็ชิ้นนั้น"
พอผลาญเงินเสร็จจนหนำใจแล้วก็เดินกลับมายังโซฟารับแขกของทางร้านเงียบๆ ปล่อยให้เธียรวัฒน์จัดการจ่ายเงินไป ‘ก็อยากให้เธอชี้เองนี่ ช่วยไม่ได้'
พอรูดบัตรเสร็จแล้ว คุณสามีก็รีบตามมานั่ง ก่อนจะค่อยๆกระแซะ แล้วมือหนาที่โอบเอวอยู่ลูบสีข้างเธอเบาๆ แม้จะก้มลงมองเธอนิ่งๆ แต่นั่นก็ทำให้รู้ว่าเขาใส่ใจ
"หายโกรธพี่รึยัง" เสียงขรึมเอ่ยในที่สุด หลังจากที่ทอดสายตามองเธออยู่นาน
เขาเองก็สีหน้าหนักใจไม่น้อยที่ร้อยวันพันปีต่อให้เขาเอาแต่ใจมากแค่ไหน เมยก็ไม่เคยนึกโกรธเป็นจริงเป็นจัง จนกระทั่งตอนนี้ที่ไม่ยอมพูดกับเขามาเป็นอาทิตย์แล้ว แถมยังหลบไปนอนบ้านริกับม่นอีก ต้องไปนั่งรอตั้งหลายขั่วโมงกว่าจะยอมลงมาเจอเขาข้างล่าง แล้วออกมาเดินช้อปปิ้งดูหนังกับเขาได้
เขารู้ว่าเขาผิดที่อาทิตย์ก่อนไปโมโหว่ามีผู้ชายขับรถมาส่งถึงบ้าน เลยทะเลาะกันเพราะหึงหวง โทรตามก็โทรไม่ติด เพิ่งมารู้ทีหลังว่าแบ็ตมือถือเมยหมด หึงจนหน้ามืดเลยเผลอไปฝืนใจเมยเข้าโดยที่ไม่เต็มใจ เลยกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาจนถึงขั้นเมยหนีออกจากบ้านกลางดึก
จนตอนนี้พูดกับเขาแทบจะนับคำได้ หน้ายังไม่อยากจะมองเขาเลย
ระหว่างรอพนักงานจัดสินค้าใส่กล่องหรู จึงไปนั่งรอกันที่มุมโซฟาของทางร้าน ทางร้านก็เรียกพนักงานหลายคนมาช่วยกันจัด อีกด้านก็งอนง้อภรรยาไปในแบบของเขา ทั้งโอบ ทั้งลูบหลัง ทั้งกุมมือขึ้นมาจูบ จนกระทั่งนทีรินเริ่มน้ำตาปริ่มๆ
"พี่ขอโทษ" น้ำเสียงนั้นดูวิงวอนเล็กๆ
จนนทีรินที่เอาแต่เงียบและมึนตึงกับสามีตลอดทั้งอาทิตย์ และไม่ยอมนั่งรถไปทำงานด้วยกันเหมือนเช่นทุกวันนั้นถอนหายใจอย่างยากเย็น แล้วเอ่ยปาก
"เมยอยากกลับบ้าน อยากเจอแม่"
"เดี๋ยวหยุดเสาร์อาทิตย์พี่พากลับ" คำตอบนั้นได้รับในทันทีที่เธอพูดจบ
"เมยอยากดูหนัง"
"เดี๋ยวเสร็จจากนี้แล้วไปดูกัน"
"เมยอยากไปทะเล"
"เดี๋ยวดูหนังจบเราขับรถไปเลย อยากไปประจวบหรือไปชลบุรี"
ตามใจไม่ขัดอะไรซักอย่างจนเธียรวัฒน์เห็นใบหน้าที่ก้มงุดอยู่เริ่มแอบกลั้นยิ้ม
"พี่รักเมยคนเดียวนะ" เธียรวัฒน์บอกกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"เมยก็รักพี่เธียรค่ะ"
พนันงานสองคนที่หิ้วสินค้ามาส่งยิ้มเมื่อเห็นสองสามีภรรยาที่ดูจะมีเรื่องขุ่นเคืองกันมาตั้งแต่เดินเข้าร้าน กำลังมองตากันหวานชื่น ก็คงไม่แปลกหรอกเพราะรักกันมากขนาดนี้ ดูจากที่คุณสามีซื้อเครื่องประดับง้อภรรยา
ส่วนนทีรินเองพอโดนเธียรวัฒน์สปอยด์จนหายโกรธ ก็เขินจนลืมไปเลยว่า ‘เมื่อกี้เพิ่งแผลงฤทธิ์อะไรบ้างใส่สามี'
แค่นึกถึงว่าจะได้กลับบ้าน ได้ไปดูหนัง และค้างคืนที่ริมทะเลกับพี่เธียร เท่านั้นชีวิตของเธอก็มีความสุขแล้ว
"เรียบร้อยแล้วค่ะ รบกวนตรวจสอบบิลอีกรอบด้วยนะคะ เพื่อความถูกต้อง ทั้งหมดก็จะมีสร้อยทองคำขาวพร้อมจี้เพขรรูปดอกกุหลาบ กำไลข้อมือฝังเพชร จี้รูปหัวใจ ต่างหูมรกตเอ็มเมอรอลคัท ต่างหูเพชรรูปหยดน้ำ ทั้งหมด X ชิ้น รวมราคา XX ล้าน ขอบพระคุณมากค่ะที่ไว้วางใจทางร้านของเรา"
"....." นทีรินรับไว้พนักงานด้วยอาการแข้งขามือไว้อ่อน แทบจะลงไปตายตรงนั้นที่ชี้แบบไม่ดูตาม้าตาเรือ ได้แต่มองถุงสุดหรูหลายใบที่พี่เธียรซื้อให้ โดยที่เธอเองก็ยังไม่รู้ว่าจะเอามันไปใช้อะไร!
เธียรวัฒน์ยิ้ม
"อยากได้อะไรพี่ก็จะหาให้ แค่อย่าให้ 'หน้าไหน' มันมาส่งที่บ้านก็พอ ไปดูหนังกันเถอะ"
นทีรินเลยได้แต่ถอนหายใจทีนึง ก่อนจะถูกสามีผู้ที่อารมณ์ดีขึ้นแล้วดึงออกจากร้านไปดูหนังเป็นรายการต่อไป
นิสัยเอาแต่ใจของพี่เธียรนี่แก้ไม่หายเลยจริงๆ######################################
https://www.facebook.com/teeneedotcom