ชื่อจริง | เอก เชาวราษฎร์ |
ชื่อเล่น | อี๊ด |
เกิด | 19 มกราคม พ.ศ. 2486 (อายุ 66 ปี) จังหวัดระยอง |
คู่สมรส | ชรินทร์ นันทนาคร |
รางวัลพระราชทานพระสุรัสวดี | |
---|---|
พ.ศ. 2507 - นกน้อย พ.ศ. 2508 - เงิน เงิน เงิน (โล่เกียรติยศ ดาราคู่ขวัญ) | |
ฐานข้อมูลภาพยนตร์ไทย (ThaiFilmDb) |
เพชรา เชาวราษฎร์ (เกิด 19 มกราคม พ.ศ. 2486) ชื่อเล่น อี๊ด ชื่อจริงว่า เอก เชาวราษฎร์ นักแสดงภาพยนตร์เจ้าของฉายา นางเอกนัยน์ตาหยาดน้ำผึ้ง มีผลงานแสดงประมาณ 300 เรื่อง ระหว่าง พ.ศ. 2505 ถึง 2521
เพชราเกิดที่จังหวัดระยอง เป็นบุตรคนที่ 4 จากพี่น้องทั้งหมด 7 คน เมื่ออายุ 15 ปี ได้เข้ามาเรียนหนังสือที่กรุงเทพ พักอาศัยอยู่กับพี่สาวและพี่เขย และช่วยงานที่ร้านเสริมสวยของน้องสาวพี่เขย เธอได้รับการชักชวนให้เข้าประกวดธิดาเมษาฮาวายประจำปีพ.ศ. 2504 จัดโดยสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ใช้ชื่อในการประกวดว่า ปัทมา เชาวราษฎร์ ได้ตำแหน่งชนะเลิศ
เธอได้รับการชักชวนจากศิริ ศิริจินดา และดอกดิน กัญญามาลย์ ให้แสดงภาพยนตร์เรื่อง บันทึกรักพิมพ์ฉวี เมื่อ พ.ศ. 2505 เป็นเรื่องแรก ขณะอายุ 19 ปี แสดงคู่กับ มิตร ชัยบัญชา โดยดอกดิน กัญญามาลย์ เป็นผู้ตั้งชื่อว่า เพชรา ให้
เพชรา เชาวราษฎร์ แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวจากภาพยนตร์เรื่องที่สอง เรื่อง ดอกแก้ว ตามด้วย หนึ่งในทรวง อ้อมอกสวรรค์ และได้แสดงคู่กับมิตร ชัยบัญชา รับบทคู่รักในภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง เป็นที่ชื่นชอบของแฟนภาพยนตร์ เรียกว่า คู่ขวัญ มิตร-เพชรา
หลังจากมิตร ชัยบัญชาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตในการถ่ายภาพยนตร์เรื่อง อินทรีทอง เพชราก็ยังรับบทนางเอกภาพยนตร์ต่อเนื่องมาอีกหลายปี คู่กับ สมบัติ เมทะนี ไชยา สุริยัน ลือชัย นฤนาท และพระเอกใหม่ ครรชิต ขวัญประชา นาท ภูวนัย ยอดชาย เมฆสุวรรณ กรุง ศรีวิไล
ประมาณ พ.ศ. 2515 เธอเริ่มมีปัญหาเรื่องสายตา เนื่องจากในการถ่ายภาพยนตร์ต้องใช้แสงไฟสว่างจ้า ใช้เวลารักษาอยู่หลายปี จนกระทั่งตาบอดสนิททั้งสองข้าง เมื่อ พ.ศ. 2521 ภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายที่เธอแสดง คือเรื่อง ไอ้ขุนทอง ซึ่งเธออำนวยการสร้าง และแสดงเป็นแม่ของพระเอก รับบทโดยสรพงศ์ ชาตรี
ด้านชีวิตส่วนตัว เพชรา สมรสกับ ชรินทร์ นันทนาคร หลังจากหยุดงานแสดงเพื่อรักษาสุขภาพมาหลายปี เธอทำงานเป็นนักจัดรายการวิทยุ ตั้งแต่ พ.ศ. 2544-2548
ในปี 2552 เธอให้สัมภาษณ์รายการโทรทัศน์ครั้งแรกในรอบ 30 ปี ในรายการ วู้ดดี้เกิดมาคุย โดยเข้าไปคุยในบ้านของเธอเอง พร้อมพูดเปิดใจและบอกสาเหตุที่เก็บตัวเงียบ ไม่ยอมออกรายการโทรทัศน์ แต่ยังคงไม่เปิดเผยหน้าตา[1]
[แก้] โลกแห่งความมืด
สาเหตุของการตาบอดของเพชรา มาจากการไม่ได้พักสายตา ไม่ว่าจะเป็นบทบาที่ต้องร้องไห้บ่อย การขับรถไปทำงานเอง ประกอบกับสมัยนั้น ถ่ายหนังต้องใช้ไฟแรง หรือใช้รีเฟล็กซ์เยอะ ช่วงหลังๆที่ถ่ายหนังเรื่อง “ไทยใหญ่” เมื่อปี 2513 เริ่มแสบตา แต่เธอก็ยังขับรถไปถ่ายหนังต่างจังหวัดเอง และอดทนแสดงภาพยนตร์จนถึงเรื่องสุดท้ายคือ “ไอ้ขุนทอง” เข้าฉายในปี 2520
เมื่อดวงตาเริ่มมีปัญหา จึงไปหาหมอ แต่ว่าไม่ได้ไปตามนัดโดยสม่ำเสมอ เพราะต้องไปถ่ายหนัง บางวันก็อยู่ต่างจังหวัด พออาการเริ่มหนักขึ้น ถึงขั้นขับรถปีนเกาะกลางถนนหลายครั้ง ช่วงที่อาการหนักมากๆ ก็พยายามรักษาทุกวิถีทาง แพ้ยาจนตัวบวม จากน้ำหนัก 47-48 กิโลกรัม จนมาหนัก 60 กว่ากิโลกรัม ต้องซื้อเสื้อผ้าคนท้องมาใส่ ผมร่วงหมดศีรษะ ฝ้าขึ้นดำไปทั้งหน้าทั้งตัว เมื่อตัวบวมมากๆ ก็หายใจไม่ออก กลืนน้ำก็ไม่ได้ ต้องเข้าไปนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล การทำงานของไตหยุด พิษยาจึงคั่งค้างทำให้ตัวบวม ต้องรอให้พิษยาลดลง จากที่เคยสวมแว่นดำและนั่งแท็กซี่ไปไหนมาไหนได้เอง ตอนหลังก็มองไม่เห็น ออกไปไหนคนเดียวไม่ได้[2]
[แก้] ผลงาน
|
|
|
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.facebook.com/teeneedotcom