เปิดสาเหตุ กิ๊ก มยุริญ ต้องสึกก่อนกำหนดทั้งที่ตั้งใจบวช1ปี
กิ๊ก : 7 วันค่ะ
ตอนนี้ปรับตัวได้หรือยังคะ?
กิ๊ก : ดีขึ้นแล้วค่ะเพราะว่าได้ไปถ่ายคลิปเมื่อวานก็ไปกองเป็นต่อมาก็เริ่มรู้สึกว่าเราได้กลับสู่ทางโลกจริงๆ แล้วแรกแรกลาสิขายังงงๆ นิดนึงเพราะเหมือนกลับว่าเรายังไม่คุ้นชินกับชีวิตแบบนี้เพราะตื่นมาก็ต้องเดินจงกรมนั่งสมาธิ แต่กลับมาก็ยังเดินจงกรมนั่งสมาธิเหมือนเดิมแต่ช่วงเวลาการเดินนั่งแค่ลดลงเราก็ต้องปรับตัวนิดนึง
ทั้งหมดบวชกี่เดือน?
กิ๊ก : 9 เดือนค่ะ
เป็นยังไงบ้างได้ 9 เดือนนี้ อิ่มบุญขนาดไหน ?
กิ๊ก : มีความสุขมากๆแล้วก็รู้สึกว่าเราได้ชีวิตใหม่กลับมารู้สึกมีความสุขกับตัวเองมากขึ้น การยืนนั่งนอนการมีสติในชีวิตประจำวันมากขึ้น รู้สึกว่าความโลภความโกรธความหลงบางลงเพราะมันบางลงความสุขเราก็มากขึ้น ครั้งก่อนก็ไปมา 6 เดือน แต่ครั้งที่แล้วถือเป็นครั้งแรกที่เราบวช ก็เป็นแม่ชีมือใหม่ ก็เคร่งเครียดเกินไปนิดนึง ข่าวที่แล้วที่ไปบวชกลับมาก็ป่วยเพราะนอนทับแขนตัวเอง (หัวเราะ) คือจริงๆ เวลาเค้าให้นอนเค้าจะให้นอนแบบมีสติ ซึ่งเราก็ไม่ได้ทำ เราไปก็นอนทับแขนตัวเอง ซึ่งก็ทับแขนตัวเองมาประมาณ 3 เดือนก็เลยทำให้ป่วยมาเรื่อยๆ ยกแขนไม่ขึ้นจนต้องทำกายภาพ รักษาตัวเป็นปีกว่าจะหายขาด บวชครั้งที่ 2 เราก็รู้แล้วว่าพลาดอะไรไปก็ไม่ทำให้มันเกิดขึ้น
กิ๊ก : พี่ว่าถ้าถามครั้งแรกสุขภาพโหดกว่า แต่ถ้าโหดทางด้านจิตใจครั้งนี้โหดกว่า เพราะว่าคราวที่แล้วไปไฟทางการไม่ค่อยมาอย่างคราวที่แล้วกลางวันไฟไม่มากลางคืนมาทั้งคืน แต่ครั้งนี้มาแบบสุ่ม อย่างที่แย่ที่สุดคือ 24 ชั่วโมงไฟมาแค่ 1 ชั่วโมงกลางคืน นอกนั้นก็จะเป็นแบบติดๆ ดับๆ บางคืนไฟก็ไม่มาเลย คือเราไม่สามารถคาดคะเนได้เลยว่าไฟเค้าจะมาเมื่อไหร่ พี่ได้เห็นแล้วว่าชีวิตคนที่ไม่มีแสงสว่างมันมืดมิดมาก ถ้าถามพี่ว่ากำหนดสติพี่กำหนดได้นะแต่มันคือความตึงเครียดไง มันเหมือนว่าเราต้องลุ้นว่าไฟจะมาเมื่อไหร่ มาเราก็ต้องวิ่งไปอาบน้ำต้องทำกิจกรรมอื่นๆ คือพี่เข้าใจเลยไง พี่ก็ขอบคุณที่มันทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ทำให้เราเข้าใจว่าชีวิตที่ไม่มีแสงสว่างมันเป็นยังไง
ไฟดับทำให้เราจิตใจสงบมากขึ้นมั้ย?
กิ๊ก : มันไม่ได้ทำให้เราสงบขึ้นแต่มันทำให้เรามีความเครียดสะสมทำให้เราเหมือนเป็นแพนิค ถึงขั้นไม่อยากปฏิบัติแล้วอย่าออกจากกรรมฐานเพราะมันเกิดจากไฟสภาวะธรรมด้วย
อะไรที่ทำให้ตัดสินใจกลับไปบวชที่พม่าครั้ง2 ?
กิ๊ก : เพราะว่าเรารู้สึกว่าการบวชครั้งที่แล้วมันยังไม่สุด ครั้งที่แล้วบวช 6 เดือนก็คิดว่ามันต้องไปได้อีก ก็เลยตัดสินใจครั้งนี้บวช 1 ปี ไปอยู่กับท่านเลย
ที่พม่ากับการบวชที่ไทยแตกต่างกันอย่างไร?
กิ๊ก : สำหรับนักบวชพี่ตอบเลยว่าพี่ไม่มีข้อมูลที่ไทย แต่วิธีประพฤติปฏิบัติพี่เชื่อว่าเหมือนกัน ยูนิฟอร์มอาจไม่เหมือนกัน แต่ว่าเราก็เป็นรูปพระพุทธเจ้าเหมือนกัน
ไปบวชแล้วครอบครัวว่าอย่างไรบ้าง?
กิ๊ก : โอ้โห...ปัญหาเยอะมากก่อนไป เพราะว่าข่าวความไม่สงบในพม่ามีมานานแล้ว พอจะไปทุกคนก็เป็นห่วงไม่อยากให้ไป กับน้องสาวก็ไม่อยากให้เราไปก็เลยมีการทะเลาะกันเล็กน้อยก็เลยเหมือนมีการงอนกันแต่เราก็ตัดสินใจว่าเอาช้างมาฉุดยังไงก็ไม่อยู่หรอก เราตัดสินใจเพราะกำลังบุญเราหมดเราคงต้องไปเติมกำลังบุญ มันถึงเวลาข้างในมันบอกจิตใจมันแน่วแน่แล้วก็เลยไปค่ะ ก็ไปทั้งๆ ที่ทุกคนไม่อยากให้ไป แต่เราก็จะไป
กิ๊ก : ก็ทำธุรกิจเกี่ยวกับชุดชั้นในที่เพิ่งเปิดไปได้ 4 เดือน พี่ก็ทิ้งพาร์ทเนอร์แล้วก็ไปปฎิบัติธรรมแต่ก็เข้าใจว่าคุยกันก่อนแต่เค้าก็ให้ไปทั้งน้ำตา และที่พี่กลับมาสถานการณ์ในพม่าท่านรู้สึกไม่สบายใจก็อยากให้กลับมาพี่ก็เลยไม่สามารถอยู่ได้ครบปีอย่างที่ตั้งใจ ก็บวชไป 9 เดือน พอกลับมาก็ต้องมารับผิดชอบธุรกิจ
ตอนที่ไปพี่กิ๊กไปกับใครคะ?
กิ๊ก : ตอนพี่ไปคือพี่ไปอยู่คนเดียวค่ะ แต่ตอนไปน้องสาวไปส่ง ก็ไปอยู่ด้วยกัน 2 คืน น้องเขาก็โอเคเพราะเค้าก็เคยไปปฎิบัติกับพี่ เคยไปอยู่ด้วยกันมาก่อน สาเหตุที่เค้าต้องไปด้วยเพราะว่าพี่ขนของที่ไทยไปหมดเลย คือพี่จะไม่ไปหาซื้อที่นั่น เพราะเกรงใจที่สำนัก
ความรู้สึกที่ปลงผมเพราะผู้หญิงเราจะรักสวยรักงาม?
กิ๊ก : พี่ชอบมากพี่มีความสุขมากเลยคือเวลาที่เราไม่มีผมความรู้สึกมันจะแตกต่างไปใช่ไหมแต่จริงๆ แล้วเรายังรู้สึกเหมือนเดิม เพราะว่าหนังศีรษะเรายังอยู่ปกติแค่มันเบาหัวละไม่มีผมเท่านั้นเอง และอีกอย่างเราจะรู้สึกได้กลิ่นหัวเราชัดเจนมาก เพราะความไม่สวยไม่งามมันมีกลิ่นเหม็นไง แม่ชีที่นั่นก็ปวดหัวหมดแล้วก็ละทางโลก
กิจวัตรในหนึ่งวันที่ไปบวชถือศีลมีอะไรบ้าง?
กิ๊ก : พี่กิ๊กไปบวชที่นั่นเป็นโยคีผู้ปฏิบัติธรรมเพราะฉะนั้นก็อาจจะแตกต่างจากนักบวชทั่วไปที่ไม่ได้เข้ากรรมฐาน อย่างถ้าพี่ไปเข้ากรรมฐานพี่ก็จะตื่นประมาณตีสามตีสี่ทุกวัน อยู่ที่พี่นอนกี่โมง เสร็จปุ๊บก็เดินจงกลม 1 ชั่วโมงและนั่งสมาธิหลังจากนั้นก็ทานอาหารแล้วก็เดินจงกรมนั่งสมาธิต่อจนอาหารกลางวันมาส่งเสร็จ พอทานเสร็จก็จะเดินจงกรมและนั่งสมาธิต่อเพราะช่วง 5 โมงเย็นก็จะไปส่งอารมณ์กับซายาดอว์ กลับมาก็ทำสรีรกิจแล้วก็เดินจงกลม และนั่งสมาธิต่อ แล้วก็นอน แล้วก็ตื่นมันก็วนอยู่อย่างนี้ทุกวันเก้าเดือน
แล้วเราสามารถคุยโทรศัพท์กับที่บ้านได้ไหม?
กิ๊ก : ไม่ค่ะพี่ไม่คุยโทรศัพท์แต่อาจจะมีการสื่อสารบ้างด้วยการส่งข้อความเท่าที่จำเป็นเพราะว่าสถานการณ์ที่พม่าตอนที่เราไปมันไม่สงบแล้วเราอยู่กุฎิที่ไกลจากสำนักเพราะฉะนั้นพี่จะอยู่คนเดียว และหากถ้ามีอะไรฉุกเฉินเช่นไฟช็อตงูมา เราก็ต้องติดต่อทางสำนักได้แต่ว่าใช้เท่าที่จำเป็นจริงๆ
เรื่องชุดเห็นว่าไม่เหมือนชุดที่ไทย?
กิ๊ก : ใช่ค่ะเป็นชุดแม่ชีสีชมพู เท่าที่พี่ถามแม่ชีที่พม่ามา ท่านบอกว่าเป็นสีของความรักความเมตตา แต่ขนบธรรมเนียมที่นั่นก็จะแต่งตัวสีแบบนี้
เห็นว่าที่ไปบวชในระยะเวลาเก้าเดือนต้องให้คนที่ไทยส่งของไปให้?
กิ๊ก : ใช่ค่ะจริงๆกุฎิที่นั่นอยู่สบายนะคะแต่อาจจะมีงูเข้าได้หรือว่าสัตว์ต่างๆเขาได้เคยมีงูเข้ามาด้วยครั้งที่แล้ว ตอนนั้นอยู่กับน้องสาว ก็ให้น้องสาวไปตามคนมาช่วยเอาออก แต่ครั้งนี้พี่ไปอยู่คนเดียวอันไหนที่มีรูพี่ต้องหาอะไรไปปะไว้ ก็ได้ของจากเมืองไทยนี่แหละค่ะที่ส่งไปให้ อย่างน้ำที่นั่นพี่ก็ยังใช้น้ำบาดาลกับน้ำฝนอยู่
อะไรที่ทำให้พี่กิ๊กตัดสินใจบวช?
กิ๊ก : พี่ก็จะให้สัมภาษณ์แบบเดิมที่พี่เคยสัมภาษณ์พี่อยากไปถึงทางที่พ้นทุกข์ อยากไปนิพพาน พี่ไม่อยากเกิดแล้วเพราะว่าเกิดแล้วมันทุกข์จริงๆค่ะ พอเราเกิดแล้วเราก็ต้องแก่เราก็ต้องเจ็บใครได้ป่วย แล้วเราก็ต้องตาย แล้วพอเราตายแล้วก็ต้องเกิดใหม่ ไม่ได้อยู่ที่ชาตินี้เราเป็นมนุษย์แล้วเราตายไปเกิดชาติหน้าเราจะเป็นมนุษย์อีก หรือเป็นนางฟ้าอีก หากเรายังมีกิเลสอีกมากมายมหาศาลยังไม่บรรลุธรรมเป็นอริยบุคคล เรายังพร้อมลงอบายไปเกิดเป็นเดรัจฉาน ตอนนี้ไปถึงนิพพานอีกไกลอยู่ แต่พี่ก็จะบอกว่าพี่เต็มที่นะคนปฏิบัติจะรู้ว่าทางนี้ไปได้จริงเพราะฉะนั้นพี่ก็เต็มกำลัง ชาตินี้เราสะสม บารมีเต็มที่เราจะไปถึงนิพพานชาติไหนก็ไม่เป็นไรแต่หากเราทำเต็มที่แล้วเราจะไม่เสียใจที่ชาตินี้เราเกิดเป็นมนุษย์
https://www.facebook.com/teeneedotcom