กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
ตัวตนอีกด้านซินแสเป็นหนึ่ง ตกอับนอนป้ายรถเมล์-กินข้าววัด ก่อนชีวิตพลิกผัน
นาทีนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก สำหรับ 'ซินแสเป็นหนึ่ง' ซึ่งกว่าจะมีวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย จากนักธุรกิจที่ล้มเหลวต้องนอนป้ายรถเมล์ ขอข้าววัดกิน กลายมาเป็นซินแสชื่อดังระดับประเทศได้อย่างไร??
อาจารย์เป็นหนึ่ง : เรื่องราวมีอยู่ว่าเราเป็นนักธุรกิจแล้วเจ๊งมาก่อน ล้มเหลวในชีวิตมากมาย มีช่วงชีวิตที่นอนป้ายรถเมล์ อยู่วัดธาตุทอง ชีวิตของเราเคยตกระกำลำบาก เอาง่ายๆ ตกอับ เจ๊ง หลังจากนั้นเราก็ไม่มีเงินละในชีวิต ก็เลยมาตายเอาดาบหน้าเข้ามากรุงเทพเงินไม่เหลือหลอ คือเงินหมดแล้วมาอยู่วัดธาตุทอง อาศัยหน้าวัดในการพักผ่อน เพื่อการขออยู่อาศัย ขอน้ำเขากิน ขอข้าวก้นบาตร
ชีวิตตอนนั้นเราดิ่งสุด ด้วยความที่เราเป็นคนอดทนมานะตน แล้วเชื่อว่าเราเป็นคนดี แล้วได้มีโอกาสไปช่วยงานผู้ใหญ่ หลังจากนั้นชีวิตก็เริ่มดีขึ้น เพราะเรามีโอกาสเก็บเงินได้ส่วนหนึ่ง เรามีความรู้สึกว่าเราอยากจะไปสักที่หนึ่ง ซึ่งจังหวะนั้นเรามีความรู้สึกว่า มันยังไม่ถึงเวลานะเพราะเงินแค่ประมาณ 20,000 กว่าบาท มันจะไปเลยไหมก็คิดหนัก แต่เรามีความรู้สึกว่าผู้ใหญ่หลายคนบอกว่าถ้ามีโอกาสคุณไปสิ เพราะหลายคนไปขอพรแล้วสมความปรารถนา เราเลยตัดสินใจซื้อทัวร์ พอเราซื้อปุ๊บเงินจะเหลือประมาณ 2000 บาท ทั้งชีวิตจากเงินที่เหลือตอนที่โอนไป เรามีความรู้สึกว่า มันเป็นการลงทุนอย่างนึง ถ้าเกิดปาฏิหาริย์มีจริง ความศักดิ์สิทธิ์มีจริง อาจจะทำให้เราพลิกชีวิตได้จริง เราเชื่อแบบนั้น
โอเคเราก็โอนเงินและเดินทาง คนคนนึงไปพร้อมกับความคาดหวังกับเงินที่มีจำนวนเหลือน้อย เมื่อเราไปถึงสถานที่ที่เขาว่าศักดิ์สิทธิ์มากๆ เค้าบอกว่าสถานที่แห่งนี้เป็นที่ที่ใครหลายคนมาขอพร ผู้ใหญ่บินมา หลายๆ คนบินมา ทุกคนจะมาไหว้ องค์แชกง ระหว่างที่รถบัสกำลังจะเดินทางไปถึง ไกด์บอกว่าอีกประมาณ 2 นาทีจะถึงวัดแชกง วัดนี้เป็นวัดที่ศักดิ์สิทธิ์ ใครหลายคนมาขอพรและสมความปรารถนา ในความรู้สึกคือวัดเล็กมาก ขอโทษสำหรับใครหลายคนที่มีความศรัทธาอยู่แล้ว พอเราเห็นวัดเรามีความรู้สึกแบบโทษนะคะไม่คุ้มเลย เหมือนกับฉันไปเยาวราชก็ได้ อันนี้ไม่ได้ท้าทายแต่ ความรู้สึกนะโมเมนต์นั้น มันเป็นแบบนั้น พอเดินเข้าไปในวัด เราเลยพูดเสียงดังเลย ไกด์บอก อย่าพูดแบบนั้นเหมือนกับคุณดูถูก เราบอกเราไม่ได้ดูถูกคุณต้องเข้าใจเราคาดหวัง แต่ก็ไม่เป็นไรมาแล้ว ก็พูดด้วยความน้อยเนื้อตามใจ หลังจากนั้นเราก็เดินเข้าไปผ่านประตูเข้าไปชั้นใน องค์แชกงใหญ่มาก
ซึ่งตอนที่พูดนั้นยังไม่เห็นวัดแชกง ท่านใหญ่มาก เราเลยพูดด้วยเสียงดัง การตั้งจิตอธิษฐานที่เราเสียงดังมากๆ เราบอกว่าองค์แชกง ถ้าท่านมีปาฏิหาริย์จริงตามที่เขาร่ำลือ ขอให้ข้าพเจ้าพลิกชีวิตด้วยเถิด ส่วนไกด์เขามาสะกิดคุณอย่าท้าทายได้ไหม เราบอกเราไม่ได้ท้าทายอารมณ์แบบเรามีเท่านี้ เช้าวันรุ่งขึ้นเดินทางกลับเมืองไทย เพราะเครื่องถึงเมืองไทยปั๊บแล้วเปิดโทรศัพท์ มีสายหนึ่งโทรเข้ามา เป็นรายการหนึ่งที่เป็นฟรีทีวี จะเชิญคุณไปออกทีวีวันรุ่งขึ้น แต่ต้องไปสแตนด์บายประมาณตี5 ครึ่งถึง 6 โมง เพราะเป็นรายการเช้า และเขาบอกว่า ประวัติคุณยังไม่เคยออกทีวี คุณตัดสินใจมาเถอะถ้าคุณมาคุณจะพลิกชีวิต
มันทำให้เราย้อนกลับไปกับสิ่งที่เราพูดล่าสุดกับองค์แชกงก็เลยตัดสินใจไป พอไปถึงผู้หญิงคนนี้ก็ออกมารับแล้วบอกว่าเวลามีแค่ 7 นาที มันมีค่ามากและ 7 นาทีต้องใช้เงิน3-4 แสนเลยนะกับการที่คุณได้มาออก และคุณต้องมีสมาธิให้มากเพราะมีพิธีกร 4 คน แล้วคุณต้องหาคำพูดที่ดีที่สุดเพื่อสื่อสารให้มวลชนได้รับรู้ว่าคุณมาทำอะไรถ้าคุณทำได้คุณพลิกชีวิตอย่างแน่นอน เขาย้ำครั้งที่2 พอเข้ารายการเขาก็มาให้กำลังใจ ซึ่งพอเข้ารายการ 7 นาที เราเองเหมือนไม่ได้พูดอะไรเลย เพราะทุกคนโหอิรุงตุงนังมากมาย พอจบปุ๊บไฟดับพิธีกรบอกจบแล้วค่ะ โชคดีนะคะ เราเลยแบบชีวิตฉันไปทางไหน แล้วก็หยิบโทรศัพท์มาเปิด พอเดินก้าวออกจากสตูเท่านั้น คนตามใน Facebook ก่อนมามี 500 มันขึ้นมาเป็น 5-6 หมื่นคน เหมือนเดอะแมททริค เราก็ตกใจมันเกิดอะไรขึ้น เบอร์โทรศัพท์ที่เราให้ไว้ มีคนแย่งกันโทร 1,000 กว่าสาย
วันนั้นทำให้คิวการดูหมอจองไปเป็นปี แล้วมีคนเชิญไปดูฮวงจุ้ยวันนั้นเลย แล้วงานฮวงจุ้ยมีไปประมาณ 2-3 ปีแบบแน่นทุกวันต้องออกไปดูฮวงจุ้ย แล้วรายการต่างๆ ที่ติดต่อมาให้เราไปออกอีกหลากหลายรายการรออยู่เพียบจากวันนั้น เราจึงนึกระลึกถึงว่า ขอบคุณมากๆ ขอบคุณจริงๆ ขอบคุณท่าน ขอบคุณการกล้าตัดสินใจของเราที่กล้าดีเดือดกับเงินแค่ 20,000 กว่า ท่านทำให้เราพลิกชีวิตจริงๆ ไม่เคยคิดว่าคนที่มีเงินเหลือแค่ 2000 มันจะไปยังไง แล้วมันพลิกชีวิตจากหน้ามือเป็นหลังมือ เราเลยบอกท่านว่าจะไม่ลืมฮ่องกง ทุกครั้งที่มีโอกาสในการเดินทางมา เราจะพาผู้คนมากราบสักการะท่าน
vvvvv
vvv
v
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
https://www.facebook.com/teeneedotcom