แอนนี่เปิดใจลูกคว้าที่1ระดับประเทศ ฑีฆายุโตเป็นหนุ่มแล้วขอแม่มีไพรเวซี่
แอนนี่ : ขอบคุณทุกอย่างด้วยนะคะ พวกเราไปประกวดของทางธรรมศาสตร์ ได้รับรางวัลจากท่านชัชชาติค่ะ ได้ที่หนึ่งของประเทศ ซึ่งจะมีหลายคน แต่น้องได้ 100 เต็ม 100
ฑีฆายุ : ผมภูมิใจในตัวเองมากครับ
อะไรทำให้ตัดสินใจประกวด?
แอนนี่ : มีผู้ปกครองส่งข้อมูลมาก็ถามว่าน้องเอามั้ย อันนี้เป็นสุนทรพจน์ภาษาอังกฤษ ภายใน 3 นาทีต้องตั้งเรื่องตั้งราว ตั้งหัวข้อ แกรมม่าต้องถูก หัวข้อต้องได้ คอนเทนต์ต้องปัง ใช้คำศัพท์ที่ยากแล้วดี ภายใน 3 นาทีห้ามตัดต่อ แล้วห้ามอ่านสคริปต์ ตาต้องมองกล้อง ถ้าเขาเห็นเรามองปุ๊บเขาจะตัดสิทธิ์เลยค่ะ
ยากมั้ย?
ฑีฆายุ : ยากครับ
น้องฑีฆายุไม่ได้เรียนนานาชาติ แล้วฝึกจากไหน?
ฑีฆายุ : ผมดูยูทูปครับ ตั้งแต่เด็กแม่ให้ผมดูยูทูปที่ฝรั่งเขาพูดกัน เป็นคนอังกฤษพูดกัน (พูดภาษาอังกฤษขอบคุณทุกคนที่ซัพพอร์ต)
แอนนี่ : มีคนบอกว่าก็แม่เธอเป็นฝรั่งไง เธอเลยพูดได้ หนูไม่ได้พูดได้ ไม่ได้เก่ง เพิ่งมาพูดได้ตอนอายุ 23 ดูพวกหนังซาวด์แทรคแล้วฟังเพลง ไม่ได้เก่งแกรมม่า ลูกบอกว่าแม่ผมสอนให้เอามั้ย แต่ขี้เกียจแม่จะพูดของแม่แบบนี้แหละ
แอนนี่ : แอนว่าภาษาที่สาม ไม่ว่าภาษาอะไรก็ตาม เป็นภาษาที่ต้องซื้อมา เราควรหาทางให้ได้มาฟรี คือสื่อต่างๆ ที่เราจะใส่ให้ลูกได้ ตั้งแต่ 3 ขวบแอนก็เริ่มแล้ว อะไรที่เป็นเพลง ใส่เพลงภาษาอังกฤษทั้งหมด อะไรที่เป็นรายการ สนุกสนาน โทรศัพท์ แท็บแลต คอมพิวเตอร์ ตั้งค่าเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด แล้วบอกทุกคนในบ้านว่าถ้าน้องจะเล่นะไรให้เปิดเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ห้ามเปิดภาษาไทยเพราะภาษาไทยเราได้พูดอยู่แล้ว
การแข่งก็ไม่ได้ง่าย เห็นบอกว่าคลิปมีความยาวไม่กี่นาที แต่ใช้เวลาถ่ายทำถึง 11 ชม.?
แอนนี่ : ตั้งแต่ 5 ทุ่มถึง 8 โมงเช้า แม่แอนเป็นทีมงานตากล้อง เป็นช่างไฟ เป็นพร็อพค่ะ เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว ลูกเล่าซิทำไมมันยาวนานขนาดนั้น
ฑีฆายุ : ผมพูดอะไรผิด ผมก็เริ่มใหม่ครับ ต้องทำให้มันดีที่สุดให้มันเพอร์เฟกต์
แอนนี่ : 3 นาที สมมติพูดไปจะจบแล้ว แต่พูดแกรมม่าผิด ลืมเติมเอส ก็เอาใหม่หมดเลย
ท้อมั้ย 11 ชม.กับคลิปสั้นๆ แค่ 3 นาที?
ฑีฆายุ : ตอนประมาณตีหนึ่งเริ่มเหนื่อยแล้ว ผมอยากขึ้นไปข้างบนแล้ว แต่ผมก็สู้ต่อไป ในที่สุดก็ทำได้ครับ
คนสู้สุดๆ คือคุณแม่ คุณแม่ป่วยด้วย?
แอนนี่ : วันนั้นหนูเป็นไข้เลือดออก
ฑีฆายุ : ใช่ครับ ภูมิใจในตัวแม่มาก แม้ป่วยแม่ก็ช่วย 11 ชั่วโมง จริงๆ แม่ผมสมควรรักษาตัวเองแล้วนอน แต่แม่ก็บอกว่าไม่ ทำไม่ได้ ถ้าผมไหวแม่ผมก็ไหวครับ
แอนนี่ : ต้องส่งงานภายในวันรุ่งขึ้นค่ะ มีเวลาแค่นั้น
แอนพูดประโยคนึงบ่อยๆ ว่าแอนตั้งใจจะเลี้ยงลูกคนนี้ให้ดีที่สุด?
แอนนี่ : ชีวิตนี้อุทิศให้เขาแล้ว แอนไม่ต้องการพิสูจน์ให้โลกเห็นหรอกว่าแอนเป็นผู้หญิงที่ดีหรือยังไง แต่ทุกวันนี่ที่แอนทำ แอนต้องการพิสูจน์ให้ลูกเห็น ผลพลอยได้อาจเป็นผลพลอยได้ที่คนอื่นเห็นมาด้วย แต่แอนต้องการพิสูจน์ให้ลูกเห็นว่าแม่คนนี้ วันนึงถ้าแอนตายไป ไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว แต่ความรู้สึกหรือความทรงจำที่เหลือไว้กับเขา เขาจะรู้ว่าแม่คนนี้เดอะเบส พอ มี ดีที่สุดแล้ว
ได้ยินแล้วรู้สึกยังไง แม่พูดคำนี้ในรายการสัก 2-3 ครั้ง ตอนนั้นหนูยังเล็กๆ อยู่เลย จนตอนนี้ 14 แล้ว?
ฑีฆายุ : ภูมิใจในตัวแม่ผมมากเลยครับ แม่ผมเป็นแม่ที่ดีมากเลยครับ รักแค่ไหนมันพูดอธิบายไม่ได้
แอนนี่ : มันมากขนาดนั้นเลยเหรอลูก ไปถึงไหนลูก เขาเป็นคนทะเล้น ฮา อยู่บ้านเราจะเฮฮากันมาก มีความสุขกันมาก เหมือนเล่นกันเป็นเพื่อน เขาเรียกเราแอนนี่นะ เราก็ว่าไงคะคุณ ก็ตลกดี มีความสุขดีค่ะ
ตอนเขาประกาศผล เราต้องโทรไปตามเหรอ?
แอนนี่ : ใช่ เราคิดว่าเราไม่เข้า เราส่งไปเป็นอาทิตย์แล้ว ลูกเราคงไม่ได้แล้วแหละ เสียใจนิดหน่อย เราไม่เห็นชื่อ เขาก็เลยบอกว่าคุณแม่ไปดูดีๆ น้องได้ 100 เต็ม 100 แม่ไม่เห็นเหรอ ตอนนั้นน่าจะลนลาน มันลุ้นมากๆ เราทำงานกันตั้ง 10 กว่าชม. อุปสรรคเยอะมาก เราพยายามอย่างสูงมาก เรามีความคาดหวัง ตอนรู้ว่าได้เหรียญทองอันดับหนึ่ง แอนรู้ก่อนน้องอยู่ข้างบนอยู่เลย แอนก็กรี๊ด กระโดดรอบบ้านเลย ได้แล้ว โอ้มายก๊อด มันคุ้มค่า ตอนนั้นลูกเราก็ทั้งเหนื่อยล้า เราก็อยากได้พอร์ตด้วย เพราะพอร์ตบางทีต้องสะสม ถ้าเป็นพอร์ตใหญ่ๆ อาจมีสิทธิ์ยื่นขอทุนการศึกษาได้
ฑีฆายุ : ตอนนั้นตกใจมากครับ ผมง่วงอยู่ ตกใจว่าแม่เป็นอะไร แม่เขากรี๊ดครับ ผมก็ดีใจครับ แม่บอกว่าได้เหรียญทอง ผมก็ไม่ได้กรี๊ด ยกนิ้ว ผมง่วงอยู่ครับ
แอนนี่ : คนที่เขาเป็นแอดมินเขาไลน์มาบอกว่าคนได้ 100 เต็ม 100 ไม่มีนะ หนึ่งต้องมีทั้งห้าข้อที่เขากำหนดไว้ ต้องไม่หลุดแม้แต่นิดเดียว เราบอกให้ลูกใส่แอ็กติ้งเข้าไปหน่อย เอาความแพรวพราวที่เรามี ใส่เข้าไปเลย แม่ว่า เชื่อแม่ มันต้องได้ เพราะดูแล้วสุนทรพจน์ ถ้าเป็นทางการมากเกินไปมันจะไม่มีเสน่ห์ คิดว่าตรงนี้ด้วย และน่าจะใช้คำศัพท์ที่ยากด้วย
ศัพท์คิดเองมั้ย มีใครคอยติวมั้ย?
ฑีฆายุ : หนึ่งชม.เขียนครับ
เวลาฟังข่าวภาษาอังกฤษ แปลได้มั้ย?
ฑีฆายุ : ถ้าไทยไปเป็นอังกฤษ ผมแปลได้ครับ ถ้าอ่านหนังสือพิมพ์อังกฤษแปลเป็นไทยก็ได้เหมือนกัน แต่ภาษาไทยอาจไม่แข็งแรง
แอนคุยกับลูกภาษาอังกฤษตั้งแต่เด็ก?
แอนนี่ : ต่อให้พูดผิดพูดถูก โกๆ แวๆ เขาก็อาจชิน คิดว่าเราเป็นฝรั่ง
ฑีฆายุ : ไม่งงครับ ตอนเด็กต้องพูดสอนแม่ด้วยครับ
แอนนี่ : เขาจะสอนเรา เราก็บอกว่าได้ลูก สอนมาเลย แต่จะฟังหรือไม่ฟังอีกเรื่องนึง เขาอยากให้แอนพูดภาษาอังกฤษเก่งๆ เขาบอกว่าแม่ยังสวยอยู่เลย ทำไมแม่ถึงไม่มีงานแสดงแล้ว เราก็คุยกันเรื่องงาน คุยกันทุกเรื่อง
ฑีฆายุ : ผมบอกว่าแม่ก็ยังโอเคอยู่ ถ้าไปต่างประเทศ ถ้าพูดภาษาอังกฤษได้จะดีมากเลย แม่ผมจะได้มีงานเยอะๆ
แอนนี่ : ถ้าเมื่อก่อนคงไม่ได้เลยเพราะเราฟูลไทม์ แต่ตอนนี้ถ้ามีงานเข้ามาเราก็ต้องคุยกันว่าช่วงนี้เรากลับจากโรงเรียน เรากลับเองได้มั้ย ต้องขึ้นรถแบบไหน ต้องเริ่มสตาร์ทชีวิตแบบนั้น ก่อนหน้านี้เราคิดว่าพื้นฐานต้องปูให้แน่น เพราะถ้าเขาอายุ 17-18 ไปแล้ว ไม่ใช่ 17 หรอก นี่ก็เริ่มๆ ไม่ใช่เขาไม่รักเรา แต่หนึ่งเราเป็นผู้หญิง เขาเป็นผู้ชาย สองความเป็นส่วนตัว เราไม่อายที่จะคุยกันทุกเรื่องอยู่แล้ว พอมีอะไรเขาก็พูดกับแอนตรงๆ
จุดประสงค์นอกจากให้น้องได้มีโอกาสยื่นขอทุนในอนาคต ยังมีอะไรอีกมั้ย?
แอนนี่ : แอนว่าโอกาสในเรื่องการศึกษาสำหรับแอน แอนว่าสำคัญมากๆ เลย แอนไม่ได้ต้องการขอเงินใครนะ แต่สมมติสถาบันการศึกษานี้เห็นคุณค่าเห็นในงานหรือเห็นบางสิ่งบางอย่างในตัวของน้อง แล้วรู้สึกว่าน้องสามารถต่อยอดให้กับสถาบันได้ หรือโรงเรียนได้ หรือทำชื่อเสียงให้กับโรงเรียนได้ แอนอยากได้ทุนการศึกษา เพราะแอนก็เป็นนักเรียนทุน แอนรู้ว่าโอกาสมันยากมาก เวลาได้มามันคุ้มค่ามาก ถ้าสมัยก่อนแอนไม่ได้ทุนการศึกษา แอนไม่ใช่เด็กที่เรียนเก่ง แม่แอนส่งแอนไปเป็นเมดนะ ด้วยบ้านเรา ด้วยทุกอย่าง เราถูกบังคับให้เป็นแบบนี้จริงๆ ถ้าเราไม่มีการศึกษา ไม่มีเงิน งานเราที่จะทำ มันจะมีไม่กี่อย่างเท่านั้นเอง
แม่แอนก็ส่งแอนไปเป็นคนทำงานบ้านเลย เราเลยคิดว่าไม่ได้ ฉันต้องเรียนให้เก่ง หาทุนการศึกษาให้ได้ เมื่อได้ทุนการศึกษาก็รู้เลยว่าแม้ไม่ได้เป็นหมอ หรือเป็นอะไรระดับประเทศ แค่เราได้ก้าวขึ้นมาจบปริญญาตรี หรือจบอะไรดีๆ อย่างน้อยๆ เราได้ทำงานมีเงินเดือน เราได้ภาคภูมิใจ เราได้มีองค์ความรู้ใหม่ๆ ไม่ได้ว่าอาชีพใดนะคะ สมมติวันนั้นแอนเป็นเมด แล้วแอนไม่มีความรู้เพิ่ม แอนละทิ้งหนังสือ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย โอกาสอื่นๆ ก็จะไม่เข้ามาด้วย ที่สำคัญแอนเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ใครจะซัปพอร์ตเขา มันเหลือแอนแค่คนเดียว ถ้าไม่มีแอน ฑีไม่มีใครแล้ว แอนก็เลยอยากให้เขา ณ วันนึงเราไม่รู้ชีวิต ไม่ได้บอกว่าแอนกำลังจะตายนะคะ แต่เราระลึกถึงความตายทุกวัน เวลาที่เราอายุเยอะขึ้นแล้ว ถ้าเขามีการศึกษาที่ดี มีทุนการศึกษาได้เรียนไปถึงปริญญาตรี หนูตายตาหลับเลย
ฑีฆายุ : ตอนนี้กำลังหาตัวเองอยู่ครับ ตอนผมอายุ 6 ขวบ ผมอยากเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์
อยากเป็นนักแสดงมั้ย?
ฑีฆายุ : ไม่ค่อยเท่าไหร่ครับ แต่ถ้าได้เป็นก็โอเคครับ
แอนนี่ : เราเป็นแม่ เราก็จะฟัดตลอดเวลา เขาก็น่าฟัดอยู่นะคะ เราคิดว่าเขาเป็นเด็กตัวเล็กๆ เหมือนเดิม ถึงเขาจะตัวโตสูงแค่ไหน เราก็คิดว่าเขาเป็นเด็กตัวเล็กๆ อยู่ดี ล่าสุดเรามีอะไรคุยกันทุกเรื่องอยู่แล้ว ล่าสุดน้องบอกว่าอะไรนะ
ฑีฆายุ : ต้องการไพรเวซี่
ตอนนั้นเป็นไง?
แอนนี่ : แอนสกินชิฟเขาเยอะเกินไป แอนก็รู้ตัวแหละ เขาเป็นผู้ชาย เขาบอกว่าบางทีไม่ได้ เราเป็นผู้หญิงจะไปแบบลูกจ๋าลูกแล้วกอดลูก เราก็ว่ามันน่ารัก แต่เขาเป็นผู้ชาย เขาบอกว่า แม่ผมเป็นผู้ชาย แม่อย่าทำอย่างนี้เยอะ
ฑีฆายุ : ไม่ได้มีใครเห็น แต่ผมแค่ไม่ชอบครับ
แอนนี่ : เราก็มาทบทวนตัวเราว่าเออ เราเยอะไปจริงๆ แหละ มันเยอะไปใช่มั้ย แม่หอมมากเกินไปใช่มั้ย งั้นแม่ลดลง แต่ยังคงหน่อยๆ ได้มั้ย เรารู้สึกเหมือนตัวเองอกหัก นั่งเศร้าแล้วไปนั่งซึมอยู่หน้าบ้าน แอนว่าพ่อแม่ทุกคนต้องเติบโตไปพร้อมๆ กับลูก บางคนคิดว่าเราเป็นแม่ เราจะทำอะไรก็ได้ จริงๆ เราต้องถามเขาบ้าง เขาไม่ได้ไม่รักเรา เขาแค่ต้องการสยายปีกแล้วโบยบิน
https://www.facebook.com/teeneedotcom