ส่องชีวิตหลังโสด หนิง ปณิตา เล่านาทีเซ็นใบหย่ากลับไปใช้สกุลเดิม
"ก็พอมีบ้างค่ะ แต่พอพูดไปทุกคนก็หายกระเจิดกระเจิงไปหมดเลย คือสมมุติคุยๆ เริ่มรู้แล้วว่าจีบ ก็ถามว่า ‘พี่พอจะโอนตังค์มาให้ยืมซัก 10 ล้าน ได้ไหม' (หัวเราะ) เอาจริงๆ คือไม่พร้อมที่จะยุ่งกับใครด้วย (ถ้ามีคนใจถึงโอนให้จริงๆ?) ไม่มีหรอกสมัยนี้ ถ้ามีก็คืออาจจะแบบตกเบ็ดเราก่อนน่ะเดี๋ยวจะต้องเหมือนกอบโกยจากเราข้างหน้าแน่ๆ"
ทำไมถึงเอาเงื่อนไขเรื่องสตางค์มาเป็นการวัดใจรูปแบบนึง?
"เพราะตัวนี้เองไม่เคยได้รับจากใคร เป็นผู้หญิงที่ไม่มีใครมาเปย์ ถ้าใครให้มาเราจะต้องให้กลับไปเลยทันทีเพื่อศักดิ์ศรีของเราว่าอย่าเอามาเรื่องนี้มาพูดกับเรา เพราะสมัยนี้ผู้หญิงส่วนใหญ่จะต้องอยู่ในภาวะจำยอมและเป็นตัวของตัวเองไม่ได้เพราะแค่ว่าใช้เงินผู้ชาย มันเป็นความทุกข์อย่างหนึ่งจากที่หนิงมีเรื่องมีราวแล้วมีคนอินบ็อกซ์ข้อมูลมาคุยกับเรา"
"ที่มันคาราคาซังและทำให้และทำให้เราหนีการตอบมาตลอด (ข้อตกลงนั้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว?) ก็ยังไม่ค่อยเรียบร้อยดีเท่าไหร่ จนเราเริ่มที่จะยอมรับความจริงว่าไม่เรียบร้อยก็คือไม่เรียบร้อย
มีการทำเอกสารการตกลง เพียงแต่ว่าวันนี้มันยังไม่เป็นไปตามนั้น?
"ใช่ค่ะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็จะตีอกชกตัวแต่ตอนนี้ก็แบบไม่เรียบร้อยก็คือไม่เรียบร้อย"
ใช้ความอดทนทุกอย่างเพื่อที่จะทำให้ยังกลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันได้?
"ใช่ คือหนิงยังคงถือเรื่องสถาบันครอบครัว หลายเรื่องที่เกิดปัญหาขึ้นเราจะไปโทษฝ่ายตรงข้ามว่าเขาผิดอย่างเดียวไม่ได้ เราต้องกลับมามองย้อนดูตัวเราว่าตัวเราผิดอะไรด้วย เราถึงยังพยายามที่จะยื้อตรงนี้เอาไว้ เพราะหนิงเชื่อว่าถ้ามันถูกปรับปรุงทั้งสองฝ่ายมันมีอะไรที่มันจะต้องแยกกัน"
"มีค่ะ มีหลายครั้งด้วย แต่ในทุกๆ ครั้งเมื่อเราพิจารณาว่าเราก็เป็นคนที่มีส่วนผิด เราก็จะเอาใหม่ เดี๋ยวเราปรับปรุงข้อนี้มันต้องไปต่อได้สิ"
คิดว่าความผิดส่วนนั้นของเราคืออะไร?
"หนิงอาจจะเป็นคนที่เป๊ะเกินไป เรื่องเวลา เรื่องความรับผิดชอบ เรื่องความใส่ใจ เวลาที่มันเถียงๆ กันไปถึงจุดๆ หนึ่งแล้วอ่ะ หนิงก็เป็นคนร้อนประมาณหนึ่งเหมือนกัน เพราะโหวกเหวกโวยวายไปกลายเป็นว่า สิ่งเหล่านี้มันจะไม่ถูกแก้ไขจุดที่มีปัญหา มันไปถูกจับจุดที่มันเป็นไฟ แล้วจุดที่มีปัญหาจริงๆ จะไม่ถูกพูดถึง เพราะมันถูกพูดถึงแต่ความร้อนแรงของเรา คนรอบข้างเขาทุกคนก็จะพูดเพราะ เธอเป็นแบบนี้ เราจะถูก ตีหน้ามีความผิดทันที แล้วคนอย่างหนูอะเมื่อไม่ผิดอย่ามาตีหน้าฉัน จนสุดท้ายมันเจอว่าไม่เป็นอะไรถ้าเธอจะตีหน้าฉันแบบนี้ฉันจะไม่เป็นแบบนี้ ดูซิว่าเธอจะตีหน้าฉันว่าอะไรอีก ตรงนั้นหนูเปลี่ยนเลยนะเปลี่ยนกลับมาจุดที่ตั้งต้นทั้งด้วยความนิ่งด้วยกันปล่อยผ่านก็ได้หรือการปล่อยผ่านจนกระทั่งไปถึงการยอมก็ได้"
คำว่ายอมก็ได้นี่แปลว่าเรายอมรับได้เรื่องของความเจ้าชู้ของเขาหรอ?
"ใช่ๆ จริงๆ เรื่องราวเหล่านี้หนิงว่าทุกครอบครัวมีปัญหาหมดแหละ แล้วยิ่งตามข่าววงการบันเทิงข่าวสังคมทั่วไปมีแทบทั้งนั้น แต่แค่คุณก็อยู่ในแบบที่อย่ามาล้ำเส้นกับเรา อย่ามาในเส้นของเราหรืออย่าทำอะไรใดๆ ให้เราต้องมานั่งเป็นคนตอบสื่อ เราไม่สืบไม่ตามอีกเลย รู้ก็โอเค แต่แค่ว่าอย่าให้เขามาอยู่ในเส้นที่มันควรจะมาอยู่ในเส้นเรา เหมือนว่าหนิงไม่ได้เอาใจไปผูกที่เขาอีกแล้ว ด้วยความที่งานก็หนักมาก ลูกก็ต้องใกล้ชิด มันไม่มีเวลาที่จะเอาใจไปผูกกับตรงนี้แล้วพอเราสนุกกับสิ่งที่เราทำมันก็ปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปได้นี่หน่า ก็ดีเหมือนกันนะ"
"นี่เป็นมุมที่ทุกวันนี้หนิงใช้สอนลูกสอนหลานสอนน้องๆ ที่อยู่ใกล้ตัวเลย ก่อนที่เราจะตัดสินใจแต่งงานกับใครสักคนนึงอ่ะบางทีเราต้องดูให้ลึกลงไปถึงขั้นที่ว่า คบกับใคร ใครคือคนที่อยู่รอบๆ ข้างบ้าง แล้วเขาเป็นคนที่ใช้ชีวิตอย่างไร มีพฤติกรรมอย่างไร เพราะสุดท้ายแล้วเขาเปลี่ยนแปลงได้ ณ วันที่เขาอยากได้เรา แต่พอวันที่เราตกเป็นของเขาแล้วโดยสิ้นเชิง สถานภาพเป็นนาง เราไม่มีตัวเลือกอีกแล้วนะ มีลูกก็คือความยาก ถ้าไม่มีลูกทุกอย่างมันจะง่ายกว่านี้เยอะเลย สามารถที่จะจบเรื่องได้เร็วมากหนิงคงไม่ต้องโดนใครมานั่งเอาไปพูดอะไรต่างๆ นานาว่าที่ไม่จบเพราะอะไร ถ้าใครไม่มายืนอยู่ตรงนี้เอง หนิงรักลูกแบบที่สุดและพร้อมที่ทำทุกอย่างให้เขา แม้กระทั่งบางอย่างเราต้องฝืนนะแต่ถ้าลูกเรามีความสุขเรายินดีทุกอย่าง"
เรื่องการหย่าเคยคิดไหมก่อนหน้านี้?
"ไม่เคยอยู่ในหัวหนิงเลยแต่ยอมก็ได้ (ผู้หญิงบางคนจะรู้สึกว่าถ้าเป็นอย่างนี้มันอยู่กันไม่ได้แล้วเลิกกันดีกว่า?) อ๋อ มี แล้วก็ถูกขอร้องจากทางเขาว่าคำนี้อย่าพยายามพูดบ่อยๆ เพราะพูดบ่อยๆ มันบั่นทอน ก็ไม่ได้พูดคำนี้อีกเลย"
แล้วมันมาสิ้นสุดที่การหย่าครั้งนี้ได้อย่างไร?
"ถูกเดินมาขอหย่า (การที่เขาเดินมาขอหย่าตอนนั้นเราช็อกไหม?) ช็อกนะ คือไม่คิดว่าจะมีคำนี้ออกมา"
"ความอกหัก ณ วันนั้นมันไม่มี เพราะไม่ได้ร้องไห้ ไม่ได้ฟูมฟาย ไม่ได้มีอาการแบบดิ่งเศร้า คือช็อกแค่ว่ามาเบอร์นี้เลยหรอ เล่นเบอร์นี้จริงๆ หรอ"
ตอนเซ็นรู้สึกยังไงบ้าง?
"โล่ง เพราะวันที่บอกว่าขอเซ็นเราก็ต้องมีการบอกกล่าวผู้ใหญ่อย่างเป็นทางการ ก็จะมีผู้ใหญ่ห้ามและรั้ง แล้วก็ดึง ซึ่งตอนนั้นเราก็ถอยนะเราก็โอเคยังไม่อะไรใดๆ จนมีการมาขอพูดเป็นครั้งที่ 2"
กับน้องณิรินเรามีการสื่อสารเรื่องนี้กับลูกยังไงบ้าง?
"ช่วงแรกๆ พยายามที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้รับรู้อะไรใดๆ แต่ด้วยข่าวสารต่างๆ ต่อให้หนิงปิดกั้นเขา คนอื่นก็ไปพูดกับเขา โดยเฉพาะกับเพื่อนๆ ที่โรงเรียนสุดท้ายน้องก็รู้เรื่อง"
https://www.facebook.com/teeneedotcom