ลูกชายพูดครั้งแรก ความรู้สึกวันที่พ่อแม่หย่ากัน
เชฟป้อม : 3 คน ชายล้วน
3 คน คุณแอร์คิดว่าใครสนิทกับคุณแม่ที่สุด?
แอร์ : ไม่สนิทเลย ล้อเล่นครับ สนิทพอๆ กัน
เชฟป้อม : สำหรับลูก 3 คน วิธีพูดกับวิธีคุยบางเรื่องไม่เหมือนกัน
เรื่องสาวคุณแอร์คุยกับคุณแม่ได้ไหม?
แอร์ : ได้ครับ ไม่เคยรู้สึกว่าอันไหนต้องคุยกับแม่ หรือคุยกับพ่อ ใครอยู่ตรงนั้นก็คุย
มีเหตุการณ์หนึ่ง ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญของครอบครัว เป็นการตัดสินใจที่จะแยกทางกับคุณพ่อ ตอนนั้นคุยกันกับลูกไหม?
เชฟป้อม : ตอนนั้นคุยกับลูก 3 คนไม่เหมือนกัน 1 กับ 3 ค่อนข้างต่างกับพี่ แต่คนที่2 เหมือนพี่ คือแรงเหมือนกัน เพราะฉะนั้นจะพูดอะไรเราจะต้องตะล่อมก่อน 1 กับ 3 คุยด้วยกันเลย แล้วเอา 1 กับ 3 เป็นพวกไปคุยกับคนที่ 2 มันก็จะเข้าใจง่ายขึ้น แต่ลูกก็เข้าใจเหตุการณ์ไม่ได้มีปัญหาอะไร
แอร์ : จริงๆ ไม่มีอะไรให้ไม่เข้าใจ แค่คนสองคนเขาไม่อยากอยู่ด้วยกัน เขาก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกัน ในความคิดของเราคือ ตราบใดที่มีคนจ่ายค่านู้น ค่านี้ ชีวิตทุกอย่างมันยังเหมือนเดิม แต่ก็ไม่ค่อยสนใจว่าใครเป็นคนจ่าย แต่ชีวิตเราไม่เปลี่ยน แต่ชีวิตเขาเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นในการที่เขาเลิกกันมันก็เป็นเรื่องที่ดี และเป็นโบนัสของเรา เราไม่ต้องฟังคนทะเลาะกันในบ้านอีกแล้ว
เชฟป้อม : ที่ลูกพูดก็ถูกนะ เราไม่ตั้งใจให้ลูกเปลี่ยน ให้ลูกมีผลกระทบน้อยที่สุด ลูกเคยอยู่อย่างไงก็อยู่อย่างนั้น ได้อะไรก็ได้อย่างนั้น แล้วพอดีพี่เลือกจะกระทำการนี่ตอนที่คนเล็กอายุ 15 แล้ว ซึ่งค่อนข้างโตมาระดับนึงพูดรู้เรื่อง ลูกต้องเปลี่ยนแปลงน้อยสุด อยู่ที่เดิม เรียนที่เดิม
ต้องเลือกไหม คุณพ่อ คุณแม่ แยกทางกัน ลูกต้องอยู่กับใคร?
แอร์ : ไม่มี เพราะเหมือนเขาน่าจะทำการบ้านมาอยู่แล้ว คือให้คุณแม่อยู่ในบ้านเพื่อดูแล ในบ้านที่เราอยู่เพื่อดูแลลูกๆ คุณพ่อก็อยู่บ้านเดียวกัน แต่อยู่คนละตึก
เชฟป้อม : เราก็ขีดเส้นมีอาณาเขตกันอยู่ก็โอเค แล้วลูกก็แฮปปี้เหมือนเดิม
ความเป็นเชฟป้อมดูผ่านหน้าจอทีวีดุมาก ที่บ้านคุณแม่เป็นแบบไหน ตลกไหม?
แอร์ : จริงๆ ก็เป็นแบบนั้น เขาปล่อยมุข เราก็ขำตามมารยาทอะไรอย่างนี้ มุขมันคนละยุคไงเลยตามไม่ค่อยทัน ในทีวีดุ ชีวิตจริงก็เป็นอย่างนั้น
เชฟป้อม : ก็เป็นเรื่องๆ ไป คือเตือน สอนแล้ว ดี ชั่วรู้เอง พอถึงเวลาที่จะโตต้องตัดสินใจเอง ผิดถูกไปลองเอา แต่อยู่ด้วยกันอย่าโกหก เพราะว่าพี่เคยบอกถ้าลูกทำผิด แม่จะเป็นคนที่เสียใจที่สุด แต่แม่จะเป็นคนแรกที่ให้อภัย ถ้าลูกโกหกปุ๊ป เราไปไม่ถูกแล้ว การที่แม่ช่วยไม่ถูก ไม่ได้ช่วยให้ผิดเป็นถูก แต่เราจะช่วยและผ่านมันไปด้วยกันให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
สเปคลูกสะใภ้วางตั้งไว้ยังไง?
เชฟป้อม : ไม่มี ถามเขาได้เลย เพราะคนนี้คนเดียวที่มีแฟนจริงจังมาเป็นเวลานาน ถามว่ามีเรื่องแม่ผัวลูกสะใภ้ไหม พี่ไม่มีจริงๆ เพราะพี่จะคุยกับลูกว่าเธอจะอยู่ อยู่เองนะ ไม่เกี่ยวกับแม่ เธอเลือกใคร เธอต้องอยู่กับเขาได้ แล้วไม่ต้องมาลุกขึ้นแต่งงาน เพราะแม่อยากมีลูกสะใภ้ ลุกขึ้นมีลูก เพราะบอกว่าแม่อยากมีหลาน ไม่เลย ไม่ได้อยากสักอย่าง มันอยู่ที่ลูกทั้งนั้น เคยสอนเขาว่าทำอะไรก็จฝตาม ต้องรับผิดชอบการกระทำของตัวเอง เช่น ถ้ากินเหล้า อย่าขับรถนะ ถ้าโดยจับ โดนปรับจ่ายเองนะ แม่หม่ยุ่งเลยนะ ดังนั้นการที่เขาจะเลือกใครมาเป็นคู่ชีวิตเขา เขาก็ต้องรับผิดชอบและเรียนรู้ในสิ่งที่เขาเลือกมา เลิกก็เลิก อยู่ไม่ได้แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรชีวิตเขาอะ
แอร์ : ไม่มีครับ
เชฟป้อม : ไม่มีเป็นแฟนขนาดนั้น แต่ว่าเคยมีครั้งหนึ่งจำได้ว่าดึกมากแล้ว เสียงวิ่งลั่นบ้านเมื่อก่อนเกือบประมาณตี2 หรือตี4 ประมาณนั้น พี่ก็ตกใจเปิดประตู พอได้ยินเสียงเปิดประตูก็มีเสียงวิ่งบันไดไม้หนีพี่ไป ก็เลยเดินตามไป เป็นเด็กผู้หญิงกลุ่มหนึ่งเพื่อนของลูกชาย คือไปเที่ยวกันมาแล้วเข้ามาที่บ้านก็คือมีการดื่มอะไรมา แต่ยังไม่ใช่แฟนใครนะ เพียงแต่หงุดหงิดอะฉันตื่น ฉันก็โกรธ ถามว่ามาทำไรตอนนี้ เขาก็บอกว่าไปเที่ยวกลับมาจากผับ เที่ยวขนาดนี้แล้วบุกบ้านผู้ชาย อย่าเอามาทำเมียนะ แล้วพี่ก็ขึ้นไปนอน แต่ไม่ได้มองหน้าว่าเป็นใครนะ ง่วงแล้วเห็นว่าเด็กผู้หญิง ถ้าจะมาก็เดินเบาๆ ได้ไหม ไม่ต้องดังขนาดนั้น คือไม่ได้มีเหตุอะไรเลยที่ไปว่าเขา เราก็แค่หงุดหงิด
แอร์พาแฟนมาหาแม่ครั้งแรกเป็นยังไง?
แอร์ : ก็ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น
เชฟป้อม : ก็เหมือนกินข้าวเพื่อนลูก อย่างคนนี้ก็น่ารักดี ดูเข้ากันได้ดี ดูเป็นผู้หญิงไม่มาง๊องแง๊งกับเขา
แล้วเวลาคุณแม่มีความรักช่วยกันแสกนไหม?
แอร์ : ไม่แสกนครับเอาจริงรู้สึกโตแล้ว เลือกเองได้แล้ว เราไม่ได้ไปร่วมบ้าน ร่วมเตียงกับเขา เอาจริงขายออกก็ดีแล้ว
เชฟป้อม : มันมีโมเมนต์ประทับใจ เขาเป็นลูกคนเล็ก ตอนนั้นเขาอายุ 25 ได้ เขาเรียนจบแล้ว เขาก็มีงานของเขาเรียบร้อยแล้ว วันนึงเขามาคุยกับพี่เอง เขาบอกว่าคุณแม่ไม่ต้องห่วงพวกผมนะ ผมอะเป็นลูกคนเล็ก ถ้าผมบอกว่าอยู่ได้ พี่สองคนก็ต้องอยู่ได้ เพราะฉะนั้นคุณแม่ไปมีชีวิตของตัวเองได้แล้ว อยากทำอะไรก็ทำ พอพูดเสร็จหวานหมู
คนมาจีบคุณแม่เยอะไหม?
แอร์ : ไม่เห็นตอนจีบ ถ้าได้เจอก็ตอนที่เขารู้สึกโอเคกับคนนี้แล้ว
เวลาแม่มีความรักเขาเป็นสาวกุ๊กกิ๊กไหม?
แอร์ : คงไม่ทำให้ผมเห็น
แอร์ : ไม่คลั่งนะ ถ้าคลั่งรักก็ต้องยอมทุกอย่างถูกไหม แต่เขาอยู่ในจุดที่ว่าถ้าอีกฝ่ายอยู่ในจุดที่ไม่โอเคก็ไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนหรือต้องทน
เชฟป้อม : แต่รู้ไหม ปรึกษาลูกจ้า ที่รู้สึกต้องทนก็ปรึกษาลูก เอาไงดี ถึงได้บอกว่าคุยกันทุกเรื่องจริงๆ
ปรึกษาครบ 3 คนไหม?
เชฟป้อม : ก็ชวนกินข้าวก็ถามๆ แล้วแต่บางครั้งคุยในบางเรื่องไม่ว่าจะเป็นธุรกิจหรืออะไรก็อาจจะต้องคุยเป็นคนๆ
ความรักนี่ปรึกษาทั้ง 3 คนเลยไหม?
เชฟป้อม : จริงๆ ตัดสินใจมาแล้ว แค่แจ้งให้ทราบ
แอร์ : คบก็แจ้งให้ทราบ เลิกก็แจ้งให้ทราบ อย่างช่วยดูคนนู้น คนนี้ เราก็ไม่มีใครตัดสิน เราไม่รู้จักเขาดีเท่าที่แม่รู้จัก ถ้าจะเลือกพลาดก็คือพลาดเอง แต่มันไม่ควรที่เราไปบอกเขาว่าคนนี้ไม่ดี อย่างนู้น อย่างนี้ มันไม่แฟร์ต่อใครเลย
เชฟคลั่งรักไหม?
เชฟป้อม : ไม่ แก่แล้วไง พออายุเยอะแล้วเหตุผลมันมากกว่า มันไม่ใช่เด็กสาวๆ เอางี้ดีกว่า สาวๆ นี่รักใครก็ยอม จริงๆ ไม่เป็นอย่างนี้ตลอด รับได้ก็รับ แล้วเป็นตัวของเราเอง
ลูกๆ ชอบให้มีความรักหรือไม่มีความรักมากกว่ากัน?
แอร์ : ไม่ต่างครับ
เชฟป้อม : ถ้ากับลูกก็คือเหมือนเดิม
เวลาแสดงความรักต่อกันเป็นแนวหวานเลยใช่ไหม บอกรักกันทุกวันเลยใช่ไหม?
แอร์ : ไม่มี
เชฟป้อม : ไม่มี ไม่หวานเลย มากสุดก็กอดลูก แต่กอดอะทำ แต่ไม่ต้องแบบแม่รักลูกนะ ไม่จำเป็นต้องบอก หนึ่งในสัมผัสและที่ทำมาทั้งชีวิตลูกก็รู้อยู่แล้ว เวลาลูกทำอะไรให้เราภูมิใจ แค่กอดแน่นๆ มันก็รู้แล้วว่าแม่ภูมิใจนะ
คุณแม่ภูมิใจในตัวลูกคนนี้ขนาดไหน?
เชฟป้อม : เขามีความเป็นตัวเอง มีการตัดสินใจที่ดี ก้าวเดินในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นอาชีพการงานหรือชีวิตส่วนตัวที่ดี แล้วเหมือนเตรียมพร้อมทุกอย่าง จะก้าวหนึ่งก้าวก็จะไปดูว่าจะไปเหยียบอะไรที่มัน้ป็นอุปสรรคไหม เขาจะค่อยๆ เดินของเขาไปเรื่อยๆ แต่ก้าวของเขามั่นคง ซึ่งเราเห็น
มีคุณแม่เป็นเชฟป้อม ภูมิใจคุณแม่ขนาดไหน?
แอร์ : จริงๆ ก็นับว่ามากเลย เรามีแม่ที่ปล่อยให้เราเลือกทางของเราเอง จัดการเอง มีอะไรก็คอยช่วย เราเกิดมาก็เลือกแม่ไม่ได้เนาะ แต่ทีนี้เราได้แม่ที่ดีแบบนี้โชคดีมาก
https://www.facebook.com/teeneedotcom