ดาราสาวน้ำตาซึมเล่านาทีเสียพ่อเพราะมะเร็งตับ เผยเรื่องหนักใจที่สุดในชีวิต
กระแต : คือเป็นคนที่เห็นรูปไม่ได้ ที่กระแตไม่ได้ลงอะไรเกี่ยวกับพ่อเยอะ เพราะพอลงแล้วเห็นไม่ได้
ตอนนั้นคุณพ่อเป็นมะเร็งที่ตับ?
กระแต : ค่ะใช่ค่ะ เราสู้กันมา 2 ปีค่ะ
พ่อบอกตลอดไหมว่าเป็นยังไงบ้าง ไปให้คีโม หรือว่าเวลาเขาไป เขาไปเงียบๆ?
กระแต : เขาอยู่ที่เชียงใหม่ แล้วเขาก็ไปโรงพยาบาลที่เชียงใหญ่ กระแตคิดว่าเขากับแม่ปิดกระแตเรื่องนี้ เหมือนกลัวเราไม่สบายใจ ทุกวันนี้กระแตก็ยังงงในคำตอบเขาอยู่ว่าสรุปเขารู้หรือไม่รู้ แต่เรามารู้จริงๆ คือระยะสุดท้ายแล้ว ก็คือเป็นช่วงปีหลังๆ
ถ้าเลือกได้อยากจะรู้ตอนเขาเป็นตอนแรกเลยไหม?
กระแต : ถ้าเลือกได้จะทำอย่างนั้นเลยค่ะ คือกระแตปรึกษาหมอแล้วว่าเรารู้ระยะ1 ระยะ2 เราแก้ไขได้ไหม เขาบอกแก้ไขได้ มีสิทธิ์ที่จะหาย แต่เมื่อระยะสุดท้ายแล้วก็ต้องสู้กันไปว่าคุณจะสู้ขนาดไหน
แสดงว่าเรารู้สุดท้ายเลย?
กระแต : ภาวะค่อนข้างเยอะแล้ว
ตอนที่คุณแม่บอกว่าคุณพ่อไม่สบาย อธิบายว่าไม่สบายด้วยเรื่องอะไร?
กระแต : เขาบอกว่ามีก้อนเนื้อที่ตับ เราก็ไม่รู้ว่าก้อนเนื้อคืออะไร เราก็ให้ไปรักษา แล้วกลับมารักษาที่กรุงเทพบ้าง จนช่วง 2 ปีหลัง ที่กระแตรู้ คุณหมอมาบอกเราว่าไม่รู้เหรอ นึกออกไหมว่า คุณหมอเวลาพูดคำว่าก้อนเนื้อกับเนื้อร้ายมันต่างกันนะคะ คือก้อนเนื้อ เราก็มองเป็นก้อนเนื้อไง แต่เนื้อร้ายคือเนื้อร้าย ตอนนั้นก็มึนๆ งงๆ พอรู้ก็รีบรักษา
สุดท้ายหมอบอกเราว่า พ่อเหลืออีก 3 เดือนใช่ไหม?
กระแต : ใช่
ตอนนั้นเชื่อหมอไหม?
กระแต : เราก็ไม่เชื่อหรอก เพราะเราคิดว่ายังไงมันก็ต้องมีทางอื่นที่เราสามารถทำได้ ตอนแรกๆ คุณหมอไม่ได้บอกว่า3 เดือน ที่กระแตบอกสู้มา 2 ปีกับพ่อ คือบินไป มา ไป มา กรุงเทพ ช่วงหลังๆ ที่พ่อเป็นหนักๆ เขาจะปวดมากจนไม่ไหวจากยาแก้ปวดธรรมดาที่หมอสั่งก็จะเพิ่มความแรงขึ้นเรื่อยๆ คือปวดมากขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายขอเป็นมอฟีนเลย
ใน 2 ปีคุณกระแตรู้หรือยังว่านี่คือมะเร็ง หรือมารู้มีหลังตอนท้ายๆ แล้ว?
กระแต : คือมารู้ทีหลังตอนท้ายๆ แล้ว ตอนพาพ่อมารักษากรุงเทพ กระแตรู้แล้ว เพราะที่เชียงใหม่ มีคุณแม่กับหลานที่คุยกับคุณหมอ เราไม่ได้ไปคุยตรงนั้น เพราะมันไม่ได้เป็นหนัก นานๆ จะไปหาหมอทีนึง แต่พอมาอยู่กรุงเทพเนี่ย เราก็จะรู้แล้ว เพราะเราคุยกับคุณหมอตรงๆ เลยว่าเป็นอะไร
กระแต : ก็จะมีคุณหมอเรียกไปคุย ตอนแรกมีการเข้าไปผ่าตัดแล้ว พอเข้าห้องผ่าตัดแล้วคุณหมอต้องเย็บกลับ เพราะตับอยู่ในภาวะที่แข็งมากๆ แล้ว หลังจากนั้นคุณพ่อก็ปวดมาเรื่อยๆ คุณหมอถึงบอกว่าอยู่ได้แค่ 3 เดือน แต่ตอนนั้นกระแตคุยกับคุณพ่อ คุณพ่อไม่ได้เป็นอะไรเยอะ ยังขึ้นเครื่องบินมาได้ ซึ่งจริงๆ กระแตอยากให้เขาอยู่ที่กรุบเทพยาวเลย แต่ผู้สูงอายุที่เป็นคนต่างจังหวัดเขาจะติดบ้านมาก เขาก็เลยยอมที่จะบินไป บินกลับ เดือนนึง 3-4 ครั้ง แต่ว่าหลังๆ เริ่มไม่ค่อยแข็งแรงแล้ว
ทำไมกระแตไม่เลือกการรักษาคีโม ฉายแสง?
กระแต : คุณพ่อไม่เอาค่ะ
ขอโทษ เขาไม่อยากหาย หรือไม่อยากทรมาน?
กระแต : เหมือนเป็นคำพูดที่พูดต่อๆ กันมาว่าสุดท้ายแล้วมันไม่ได้ช่วยอะไร แล้วมันทรมาน พ่อก็เลยขอว่าคีโมเขาไม่ทำ
แล้วใช้วิธีอะไรในการรักษาคุณพ่อ?
กระแต : เขาเรียกว่าธรรมชาติบำบัด คือไปดริปยาที่โรงพยาบาล
เห็นบอกเป็นธรรมชาติบำบัดที่ราคาสูงมาก?
กระแต : ก็สูง
มันช่วยไหม?
กระแต : ตอนแรกทำกลับไปพ่อดีเลยนะคะ
เป็นความรู้ให้คนดูทางบ้าน ถ้าเป็นมะเร็งดริปยาช่วยไหม?
กระแต : กระแตว่ามันเป็นการยืดระยะเวลา ตอนแรกพ่อเหมือนทรุดๆ เล็กๆ พอดริปยาเข็มแรก กลับมาตรวจค่านู้น ค่านี่ คุณหมอก็บอกว่าดีขึ้นนะ เราก็ชื่นใจเลยจะฉีดเข็มที่2 แต่พอฉีดเข็มที่2 ปุ๊บไม่เหมือนกัน อาการพ่อก็จะทรุดลง คือคุณพ่อเขาปวดมาก เวลาเขาปวดมากจะทานไม่ค่อยได้ ตอนอยู่กับกระแต กระแตก็จะคุมอาหารให้เขา พ่อต้องกินนะแต่พิกลับไปเชียงใหม่ เขาทานบ้างไม่ทานบ้าง
กระแต : 2 ปีเหรอค่ะ คร่าวๆ ก่อนพ่อเสีย ประมาณล้านกว่าบาท แต่ระยะ 2 ปีก็คือทีละเป็นแสนกระแตก็ไม่ได้นับว่าเท่าไหร่
เห็นว่าแตะหลักสิบด้วย?
กระแต : คือมันไม่ถึงขนาดนั้นแต่ก็สูงอยู่ 2 ปีที่ผ่านมา อย่างที่บอกคุณพ่อรักษาตลอด มีการผ่าตัด มีนั่น มีนี่ คือพ่อเป็นทั้งหัวใจ ไต แล้วก็ตับ ระหว่างนี้ก็จะมีรักษาหัวใจ ทำบอนลูนหัวใจ มีไต ผ่าตัดไต แล้วก็มีตับ
ตอนนั้นอะไรหนักสุด?
กระแต : ตับหนักสุดค่ะ ก่อนหน้านั้นคือ คุณพ่อสูบบุหรี่ เป็นลิ่มเลือดในหัวใจ ทำบอลลูนแล้วก็หาย เวลาจะทำอะไรต้องเช็กตลอดทั้ง ตับ ไต หัวใจ ว่าทำแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น มีเอฟเฟ็กต์อะไร
เห็นว่ามีความลำบากใจกับคำขอของคุณพ่อ?
กระแต : วันที่กระแตเจอพ่อ ก่อนหน้านั้นคุณพ่ออยากกลับบ้าน แต่ก่อนหน้านั้นคุณพ่ออยู่ไอซียูมา 10 วันแล้ว วันแรกบอกว่าไม่อยากกลับอยากอยู่ต่อ พอวันที่ 2 บอกอยากกลับ ตอนนั้นคุณพ่อทรุดเยอะมากๆ ตอนนั้นเราเป็นหัวหน้าครอบครัว เราเป็นคนตัดสินใจอยู่คนเดียว ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยลำบากขนาดนี้มาก่อนเลย
นี่คือเรื่องลำบากใจที่สุดในชีวิตก็ว่าได้?
กระแต : สุดๆ เลยค่ะ
จัดการยังไง ช่วงสุดท้ายของคุณพ่อแล้ว คุณพ่ออยากกลับบ้าน?
กระแต : จริงๆ กระแตอยากให้มันผ่านๆ ไป ตรงนั้นมันเป็นเรื่องของการตัดสินใจคือจะยื้อให้พ่ออยู่มากกว่านี้กับการตามใจพ่อให้พ่อกลับบ้าน ตอนนั้นคุณหมอมาบอกกระแตว่าถ้าให้คุณพ่อกลับมันจะมีขั้นตอนแบบนี้ๆ นะ จะต้องไม่ให้ยาต่อแล้ว ไม่เตืมเลือดแล้ว ไม่ให้ยากระตุ้นความดัน คุณหมออยากให้เราทำดีที่สุด ยืดไปเรื่อยๆ คือพ่อเขาไม่เอาแล้วพ่อมาขอเรา เราก็เลยตัดสินใจตั้งแต่เที่ยงถึง 2 ทุ่ม นั่งอยู่ในห้องโรงพยาบาล ตอนแรกบอกหมอว่าโอเค เราจะสู้ พอนั่งไปสักพักรู้สึกเราก็ขอพ่อมาเยอะแล้ว พ่อสู้หน่อย เราเลยรู้สึกว่าในช่วงสุดท้าย ทำไมไม่ลองทำให้เขาสักทีนึง เลยตัดสินใจวิ่งไปเปลี่ยนตอน 2 ทุ่ม ตอนแรกบอกหมอประมาณ 1 ทุ่มว่าจะยื้อ สักพักตัดสินใจบอกหมอว่าขอพาพ่อกลับบ้าน เราอยากให้คุณพ่อไปเสียที่บ้าน เราไม่อยากให้เสียระหว่างทาง เพราะจากเชียงใหม่มากรุงเทพ กรุงเทพไปเชียงใหม่คือไกลมาก เราก็เลยคุยกับคุยหมอว่าทำยังไงก็ได้ให้พ่อถึงบ้านก่อน
กระแต : นี่แหละค่ะ คุณหมอบอกด้วยว่าเราจะยอมรับสภาพที่บางทีอาจจะมีการเฮือกสุดท้าย ตรงนั้นเราจะรับได้เหรออันนี้เป็นจุดสำคัญเลยที่กระแตกลัวมากว่าเราจะทำถูกไหมเราจะทำอย่างนี้ต่อได้ไหม แต่เราก็ตามใจพ่อ พอกระแตไปกระซิบบอกพ่อว่าพรุ่งนี้เช้าพ่อกลับบ้านนะ พ่อยิ้มดีใจ
ระหว่างที่นั่งรถพยาบาลเป็นไงบ้าง?
กรแต : ตอนเช้ากระแตให้คุณแม่นั่งรถพยาบาล แล้วกระแตขับรถตามไปกับสามี ก่อนขึ้นรถกระแตกระซิบบอกพ่อว่าพ่อเข้มแข็งไว้นะ พ่อกลับบ้านนะ พ่อฮึบแข็งแรงนะ สู้ๆ นะให้เราไปถึงบ้านนะประมาณ 7 ชม.ก็โทรเช็กตลอด
สุดท้ายก็เสียที่บ้าน?
กระแต : ไปถึงบ้านปุ๊บเขาก็มองด้วยสายตาแบบเหมือนดีใจที่ได้มาอยู่เตียงตัวเอง มองแต่คือไม่ไหวแล้ว ตัดสินใจจะให้แม่เป็นคนถอด แล้วก็เอาพระมาให้คุณพ่อถวายสังฆทานในวาระสุดท้าย กระแตโล่งมากที่สุดคือคุณพ่อค่อยๆ หายใจรวยรินแล้วหลับไป เพราะตอนแรกเรากลัวอย่างที่คุณหมอเขาบอก
https://www.facebook.com/teeneedotcom