บุ๋มเปิดใจถึงคนปล่อยข่าวตั้งท้อง ซัดไร้จิตสำนึก
บุ๋ม : เป็นคุณแม่มือใหม่ 1 เดือนพอดีเป๊ะสำหรับน้องอเล็กซ์ เลี้ยงง่ายมากเลย ร้องอย่างเดียวคือหิว เขาคอแข็งเร็วมากเลย
น้องอเล็กซ์กับน้องอันดาห่างกัน 16 ปี ความรู้สึกที่เรามีลูกคนแรกกับตอนนี้มันต่างกันไหม?
บุ๋ม : ต่างกันเยอะมากเลย เพราะว่า 16 ปีที่แล้ว ด้วยความรู้เกี่ยวกับแม่ลูก แล้วเทคโนโลยีต่างๆ อีกเรื่อวนึง พอมาตอนนี้การดูแลตัวเองของคนเป็นแม่ อย่างเช่นน้ำหนัก แต่ก่อนเราจะรู้ว่าน้ำหนักขึ้นได้ 7-12 โล แต่ตอนท้องอันดาบุ๋มขึ้นไป 18 โล พอคลอดอันดามาคนยังทักอยู่เลย เมื่อไหร่ผ่าน้อง แต่พอมาเป็น อเล็กซ์ 16 ปีให้หลังทั้งท้องไม่ต้องเกิน 3 โลก็ได้ ในช่วง 3 เดือนท้ายที่เด็กกำลังจะโต แล้วก็ให้งดนมวัว กินได้แต่นมถั่วเหลือง กลายเป็นว่าทั้งท้องบุ๋มขึ้นมาแค่โลเดียว เพราะพยายามคุมโปรตีน คุมน้ำหนักทุกอย่าง เพราะเราอายุเยอะแล้ว แล้วกลัวว่าถ้าน้ำหนักเหลือที่เราเยอะเราจะดูแลตัวเองยาก ก็เลยพยายามหาอาหารที่ลงถึงเด็กจริงๆ น้องอเล็กซ์ออกมาก็เกือบๆ 3 โล
พอรู้ว่าตั้งท้อง อันดารู้สึกยังไงบ้าง?
บุ๋ม : อันดามารู้ตอนอเล็กซ์เข้า 4 เดือนแล้ว บุ๋มเอาผลอัลตร้าซาวด์ไปให้ อันดาก็ฮัลโหลคำเดียวแล้วไม่ได้พูดอะไร
คุณอเล็กซ์เขาน่ารักมาก ตอนนี้แย่งกันเลี้ยงไหม?
บุ๋ม : พ่อเขาดูซะส่วนใหญ่ เขาจะหอม ฟัดของเขาตลอดเวลา จนกระทั่งอเล็กซ์ติดมือก็เพราะพ่อเขานี่แหละ
ตัวพี่บุ๋มเซอร์ไพรส์ไหม เราท้อง?
บุ๋ม : ช็อกสิ เพราะว่าเราอายุเยอะแล้ว ถามว่าตั้งใจไหมก็ตั้งใจ เพราะว่าบุ๋มเตรียมฮอร์โมนตัวเองมา 2 ปี ไปหาคุณหมอเพื่อกินฮอร์โมน เรากินอยู่ประมาณ 2 ปี จนได้ผล ซึ่งหมอจะชัดเจนเลยว่ามีได้ แต่ต้องกินวิตามินนิดนึง อาจจะต้องบำรุงหน่อย แต่จะติดไม่ติดก็แล้วแต่โชคชะตา แต่วันที่ติดก็ยังสงสัยอยู่ว่าวัยทองหรือเปล่า เพราะอายุเราเยอะแล้ว คิดว่าฮอร์โมนสวิงเลยโทรหาคุณหมอประจำตัวที่ดูแลอยู่ บอกว่าคุณหมอประจำเดือนไม่มาต้องกินยาอะไรไหม เป็นคนกังวลว่าถ้าประจำเดือนไม่มาเดี๋ยวฉันจะผิวไม่สวย คุณหมอบอกตรวจครรภ์ก่อนดีกว่าไหม เราก็อะไร 46 แล้ว เขาบอกว่าตรวจไว้ก่อนดีกว่า วันนั้นเดินอยู่ห้าง ก็ไปร้านขายยา ซื้อนู้น ซื้อนี่ แล้วก็ซื้อที่ตรวจครรภ์มาอันนึง แต่ก็กลัวเหมือนกันถ้าฉันซื้อไปเดี๋ยวเขาหาว่าไปตรวจลูกหรือเปล่า เพราะลูกเราสาวแล้วไง แต่ก็ไปตรวจในห้องน้ำห้างนั่นแหละ ผลปรากฏว่า ตอนนั้นอัดวีดิโอไว้ด้วยนะ ขึ้น 2 ขีดไม่ใช่โควิดด้วย ลนลานโทรหาหมอ คุณหมอบอกไปตรวจเพื่อความชัวร์อีกทีดีกว่า แล้วเหตุผลที่ไม่บอกใคร คือเราไม่รู้ว่าท้องตั้งแต่เมื่อไหร่ อย่างที่สองคือกลัวลูกหลุด เพราะพออายุเยอะไข่ที่ไม่สมบูรณ์มันจะหลุดง่าย พอหลุดง่าย ถ้าเสียเขาไปเราจะได้เสียใจแค่ในครอบครัว อีกอย่างหนึ่งเราต้องรอตรวจผลโคโมโซม ก็ลุ้นว่าจะยังไง แต่คุยกับหมอเรียบร้อยแล้ว ถ้าน้องไม่สมบูรณ์ น้องมีความผิดปกติ เราจะเอาเขาออกเพราะเราอายุเยอะแล้ว การที่เลี้ยงเขามนภาวะแบบนั้นโดยที่เราตายไปแล้ว เขาน่าสงสารเกินไป ก็เลยขอปิดไว้ก่อนจนกว่าจะรู้ว่าชัวร์หรือไม่ จรกระทั่งผลออกมาว่าน้องแข็งแรง 99% ด้วยคุณแม่วัย 46 อีก 1% ที่เหลือมันลุ้น มันยังเครียดอยู่ก็เลยปิดไว้ก่อนดีกว่า แต่ก็มานั่งคิดว่าถ้าเราระวังมากเกินไป เราจะเครียดเกินไป ก็เลยใช้ชีวิตตามปกติ
ตอนท้องไม่บอกสามีเป็นคนแรก คุณบอกใครเป็นคนแรก?
บุ๋ม : บอกหมอ เพราะมันมีคำถาม 108 พันเก้ามากเลย จะบอกสื่อดีไหม หรือไม่บอกดี หรือจะลองเล่นดู
พอสามีรู้ว่าท้องเขาว่ายังไงบ้าง?
บุ๋ม : เขาก็ดีใจ คือเราคุยกันตั้งแต่แรกแล้วว่าเราจะมีลูกกัน
วินาทีที่บอกสามีพูดว่าอะไร?
บุ๋ม : ขอ 5 คน เดี๋ยวแค่ 1 คนฉันก็เครียดแล้ว
ตอนคลอดลูกคุณสามีพูดอะไรกับพี่บุ๋ม?
บุ๋ม : วันที่ผ่าตัดคลอดนอนอยู่บนเตียง เหมือนมีม่านสีเขียวกั้น แล้วจับมือกัน ถามว่ารู้สึกยังไงบ้าง เราตื่นเต้นมาก มันสด มันใหม่มากสำหรับเรา เขาจับมือแล้วบอกว่าเดี๋ยวรอคนต่อไป เดี๋ยวคนนี้ยังอยู่ในท้อง จะมารอคนต่อไปอะไร
บุ๋ม : เป็นสิ่งที่เขาขอ คือการคบกันต้องมีลูกได้อีกใช่ไหม เราก็นึกในใจ ตอนนั้นอายุเราตอนที่เจอเขา 42-43 ได้ แต่นึกในใจไม่ได้หรอก เพราะอายุเยอะแล้ว แต่ก็บอกว่าได้หลอก ๆ เขาไปก่อน ให้ได้เขาก่อน ตอนนี้เขาคุยทั่วบ้าน ทั่วเมืองเลย
วินาทีที่เห็นหน้าลูกคุณพ่อ คุณแม่เป็นยังไงบ้าง?
บุ๋ม : ตอนที่เขาออกมา สิ่งแรกที่ถามคุณพ่อเขาคือ 32 ครบไหมพ่อ เขาบอกเท่าที่ดูครบ ผิวเหมือนพ่อหรือเหมือนแม่เพราะในอัลตราซาวด์ไม่เห็นสีผิว เขาบอกเหมือนคุณนะ
ตอนที่พี่บุ๋มท้อง สามีดูแลคือโปรโมชั่นที่สุดแล้ว?
บุ๋ม : คือบุ๋มหิวจัดๆ อย่างเช่นตอนตี 2 แล้วตอนน้องคลอด น้องก็หิวอย่างนั้นจริงๆ ตอนนั้นเราต้องมีสติไม่คว้าทุกอย่างกิน ต้องกินของที่มีประโยชน์ อย่างนมถั่วเหลืองไม่มีน้ำตาล เราก็จะมารองท้องของเรา เขาวิ่งลงไปเอาให้ จะดึกแค่ไหนเขาก็จะวิ่งลงไปเอามาให้ ใส่ตู้เย็นไว้ บางทีก็วางไว้หัวเตียง เป็นช่วงโปรโมชั่นที่แฮปปี้มาก เพราะปกติเขาไม่ค่อยหวานไง แต่การหวานของเขาคือการกระทำ แล้วทุกเย็นถ้าใครดูไอจีสตอรี่บุ๋ม ทุกคืนจะมีน้ำผลไม้ปั่น หลักๆ เป็นแตงโม เขาจะเดินไปในครัวทำให้แล้วเอามาวาง
เห็นว่าน้องมีการบีบตัวก่อนกำหนด?
บุ๋ม : ใช่ ๆ 37 เองกลายเป็นว่าน้องบีบตัวแล้วก็เลยต้องไปโรงพยาบาลอย่างที่เห็น แล้วมันเป็นวันใกล้ ๆ วันที่เรานัดคุณหมอไว้อยู่แล้ว พอวันที่ 22 จะคลอด แต่วันที่ 21 บีบตัวหนัก นึกว่าจะคลอดคืนนั้น อย่าเพิ่งลูก นัดหมอพรุ่งนี้
ความเห่อของคุณพ่อ คุณแม่ ระดับไหน?
บุ๋ม : บางที บางคืน ผลัดกันหอมเขา ด้วยความเอ็นดูเขา แล้วกลิ่นเด็กจะหอมมากเลย
เห็นว่าแพลนจะเลี้ยงเขาแบบลุยๆ?
บุ๋ม : ใช่ เนื่องจากเรามีลูกสาว 4 คน ก๊อต 3 คน ของบุ๋ม 1 คน ลูกสาว 4 คนที่เราพาไปสวน ไปไร่ แล้วพี่ก๊อตเขาซื้อที่ไว้เยอะ ทำสวน ทำไร่ รอลูก ๆ ตอนแก่ๆ พวกเราก็เดินเก็บผัก ผลไม้ ผลปรากฏว่าลูกสาวไป นั่นเป็ด อันนั้นนก แล้วก็ขึ้นรถเถอะ ร้อน ผู้หญิงจะไม่ค่อยทนเท่าไหร่ เราอยากได้ทนๆ ลุยๆ คุณแม่ก็สายลุย อย่างเดินป่า ดำน้ำ ยิงปืน เราเลยรู้สึกว่าจะไม่มีลูกคนไหนมาลุยกับเราเหรอ เราเลยอยากได้ลูกชายกัน แล้วก็ได้สมใจ
น้อง ๆ ฝั่งบ้านพี่ก๊อตเขาเห่อน้องไหม?
บุ๋ม : โอ้โห มะรุมมะตุ้มเลยค่ะ ล้อมรอบแล้วถ่ายรูปกัน
มีผู้ใหญ่ใจดีมอบเงินรับขวัญหลาน 1 ล้านบาท?
บุ๋ม : อะไรดีบุ๋มก็ว่าดีนั่นแหละค่ะ เขารับขวัญหลาน 1 ล้านบาท แต่เขาก็เกรงใจ อันดามัน เขาเลยเขียนว่า มอบให้น้องอันดามัน และน้อง อเล็กซ์ 1 ล้านบาท แล้วสักพักอันดาก็แคปอันนั้นมาบอกว่าของหนูครึ่งหนึ่งใช่ไหม สุดยอดอันดา
บุ๋ม : ถ้าขนาดปรี๊ดแตกไม่มีนะ เพราะว่าเราอยู่ตรงนี้เราแกร่งพอ แต่บุ๋มแค่รู้สึกว่าถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นที่ท้อง ฮอร์โมนด้วยเนาะ แล้วถ้าเขาไปเจอคำพูดพวกนี้บุ๋มว่ามันไม่ดีกับเขาเลย กระทบกระเทือนจิตใจแม่มากเลย
อย่างเช่นคำว่า?
บุ๋ม : ด่าว่า เคอรี่ ทำตัวเป็นเคอรี่มาก ทำตัวสำส่อนมาก สำส่อนตรงไหนฉันมีลูกกับผัวตัวเอง ก็เลยงงทำไมต้องด่ากันแรงขนาดนั้น แล้วเราแต่งงานครั้งนี้โอเคบุ๋มแต่งงานเป็นครั้งที่ 3 เขาก็เขียนว่าต่อไปก็ต้องมีผัวคนที่ 4 แล้วไงอะ
โกรธไหม?
บุ๋ม : แค่รู้สึกว่าการเป็นดาราก็ไม่ใช่ว่าจะโดนใครดูถูกกันอย่างนี้นะ เราเป็นคนเหมือนกัน อีกอย่างบุ๋มไม่ได้ทำอะไรผิดบุ๋มแค่มีลูกกับผัวตัวเอง การมีลูกมันควรจะเป็นโมเมนต์ดี ๆ ของแม่คนหนึ่ง ไม่ใช่จะมาเป็นดราม่าวิกฤตขนาดนี้ แล้วดราม่าหนักมาก คืนนั้นในโซเชียลกระหน่ำบุ๋มหนักมาก ต้องมีคำด่าเกิดขึ้น บวกกับคำว่ายินดี เราเลยรู้สึกทำไมการแสดงความยินดีมันยากตรงไหน
พี่บุ๋มคิดจะจัดการไหม?
บุ๋ม : บุ๋มเองเป็นโรคขี้สงสารแล้วชอบให้อภัย ที่ผ่านมา โดนมาก็ให้อภัยทั้งหมดเลย ไม่เคยได้ฟ้องใครเลย แต่รอบนี้ทีมงานทุกคน คนรอบตัวบุ๋ม โทร.มา พี่ ๆ ในวงการ บุ๋มไม่เคยเจอพี่ ๆ ในวงการโทรมาเยอะขนาดนี้มาก่อน บอกว่า บุ๋มอย่ายอม ต้องฟ้อง กลายเป็นว่าทีมทนายขององค์กรทำดีจัดการฟ้องเรียบร้อยแล้ว
ฟ้องเท่าไหร่?
บุ๋ม : รู้สึกทีมงานแจ้งไปคนละ 1 ล้านบาท
พอไปถึงศาลแล้วพี่จะใจดีไหม?
บุ๋ม : บางคนเขาส่งคลิปขอโทษมาบ้างแล้ว แต่ทีมงานไม่ยอมส่งให้บุ๋ม กลัวบุ๋มใจอ่อน ทีมงานบอกยังไงให้ไปอยู่ต่อหน้าบัลลังก์ก่อน
บุ๋ม : ตอนที่เห็นข่าว บอกเลยว่าตัวชา มันเย็นวูบไปหมดเลย อ่าว มันไม่ใช่เวลาของเราเหรอ เราตั้งท้องมาตั้ง 9 เดือนให้เราเป็นคนประกาศหน่อยก็ไม่ได้ แล้วอีกอย่างมันมาพร้อมกับคำด่า คำพูดต่างๆ ซึ่งมันไม่ได้แค่ประเด็นข่าว มันมาพร้อมกับคำแย่ๆ อีกหลายอย่าง แทนที่เราจะได้มีโมเมนต์ดี ๆ ความรู้สึกดี ๆ กลายเป็นว่ามีคำพูดแย่ๆ มาใส่เราในช่วงเวลานั้น อยากจะบอกเขาว่าคุณไม่ควรขโมยโมเมนต์ของแม่คนหนึ่ง แต่ละคนเขามีเหตุและผลว่าเขาจะประกาศหรือไม่ประกาศมันเป็นสิทธิส่วนบุคคล แล้วหลายคนอาจจะอยากประกาศในช่อง ยูทูบของตัวเอง อย่างบุ๋มอยากให้น้องแข็งแรงที่สุดในวินาทีที่เขาออกมา ถ้าเขาไม่สมบูรณ์แล้วมีความเสียใจเกิดขึ้น คุณแบกรับความรับผิดชอบตรงนั้นไหวไหมนี่คือสิ่งที่ถามกลับ คุณไม่ได้มาเสียใจกับเรา สิ่งหนึ่งก็อยากจะรณรงค์เหมือนกัน บุ๋มว่าแสดงความยินดี มันไม่ได้ยากนะคะกับคนที่เขาท้อง ดังนั้นใครท้องเราควรจะแสดงความยินดี ไม่ใช่มานั่งว่าเขา หรือถามว่าท้องกับใครยังไง มันเรื่องส่วนตัวของเขา
ก็เลยมีโปรเจกต์ขึ้นมา?
บุ๋ม : ก็เป็นการรณรงค์เรื่องนี้ ในเรื่องของการแสดงความรัก ความเข้าใจ อย่างน้อยให้กำลังใจ แล้วกล่าวคำว่า กล่าวแสดงความยินดี มากกว่าคำนินทาหรือว่าคำบูลลี่อื่น ๆ ที่จะเกิดขึ้นกับคนเป็นแม่ เพราะในโซเชียลวันนี้สิ่งที่อเล็กซ์จะเจอในอนาคต มันจะมีคำฟ้องร้อง นู้นนี่นั่นเกิดขึ้นกับตัวเขาไปแล้ว มันแย่ไปแล้ว
แสดงว่าพี่บุ๋มเตรียมความพร้อมในอนาคตเมื่อลูกถาม?
บุ๋ม : ถามก็ต้องอธิบายว่าอาจจะเป็นหน้าที่การงานของแม่ในจุดยืนในสังคม ในบทบาทของการเป็นดารา ซึ่งอาจจะทำให้เขารู้สึกไม่อยากเป็นดาราเหมือนอย่างน้องอันดามันก็ได้ เพราะอันดาจะรู้สึกแย่กับวงการ ทำไมคนในวงการต้องโดนอะไรขนาดนี้
โกรธไหมกับข่าวที่ออกมาทำให้คนมานั่งด่า?
บุ๋ม : เสียใจมากกว่า แต่เสียใจยิ่งกว่าเมื่อโทรไปหาเขาถามว่าเอามาจากไหน เราถามเขาตรงๆ เพราะเราจำได้ว่าเราบอกอยู่ 2 คน เขาก็อ้างอย่างอื่นไป โกหกซ้ำ ยิ่งรู้สึกแย่ว่าทำไมต้องโกหกขนาดนี้ พออีกวันที่ต้องพูดข่าวจริง เขาบอกว่าแค่พูดข่าว คนไปพูดกันเอาเองว่าชื่ออะไร เขาไม่ได้เป็นคนเฉลย มันเป็นการแสดงความไร้ความรับผิดชอบมากๆ ไร้จรรยาบรรณ ไร้จิตสำนึกมากๆ จนเรารู้สึกว่า แค่แสดงความยินดีมันยากตรงไหน แค่นั้นเอง
ทุกวันนี้ได้เจอคนนั้นไหม?
บุ๋ม : ไม่เจอค่ะ เขาไม่คิดจะมาเจอด้วย เขาเป็นผู้ยิ่งใหญ่มั้ง ไม่สนใจความรู้สึกเรา
เขากลัวคุณปนัดดาหรือเปล่า?
บุ๋ม : ไม่กลัวหรอก ถ้ากลัวคงไม่พูดจาอย่างนี้หรอก
ถ้าเจอจะคุยอะไรกับเขา?
บุ๋ม : ไม่คุยแล้วค่ะ ถ้าโกหกสองสามรอบขนาดนี้ก็ไม่จำเป็นต้องคุยกับคนขี้โกหก
มีอะไรอยากบอกเขาไหม?
บุ๋ม : ไม่มีแล้วค่ะ เรารู้สึกว่ามันจบแล้ว วันนั้นเราพูดจบแล้ว แล้วผลของการกระทำของเขามันจบแล้ว เรารอดูด้วยนะครั้งต่อไปเขาจะพูดอะไร เขากลับพูดว่า ก็คนไปพูดเอาเอง แค่ทำหน้าที่ของเขา ก็โอเคถ้าทำได้แค่นั้นก็คือจบ
บุ๋ม : ค่ะ ก็ยังงง ๆ กันอยู่ ก่อนจะมาเป็นเฟรนก็คือได้สัมภาษณ์กันในรายการ 6 ปีก่อนหน้าที่จะมานั่งเป็นเพื่อนกันสัมภาษณ์ในรายการด้วยความที่เขาเป็นแชมป์โลกเพาะกายมา แล้วเราสัมภาษณ์เขา โดยที่เราไม่ได้ใส่ใจเขาเท่าไหร่แต่รู้ว่าเขาโกหกอายุเราว่าเขา 30 กว่า เราก็คิดว่าเด็ก แต่ก็ไม่ได้อะไร เพราะเขาดูเด็กจริงๆ แล้วลืมไป เพราะตอนนั้นเรามีคนที่เราคบอยู่ จนกระทั่งเลิกกัน แล้วเราก็โสดของเรามา แล้วเพื่อนเขาที่รู้จักกับเราติดต่อมาว่าเพื่อนผมคนหนึ่งปลื้มคุณบุ๋มมาก เคยสัมภาษณ์กัน เราก็เอ๊ะใคร ก็เลยได้คุยกัน ก็เลยกลายเป็นเพื่อนที่คุยได้ทุกเรื่อง กลายเป็นว่าเขาไม่ได้มาจีบเหมือนคนอื่นๆ ตอนนั้นฮอตมาก โทรศัพท์เข้าตลอด แต่เขามาเพื่อพูดคุยทำให้เรารู้สึกว่าทำไมมุมนี้ไม่มีใครพูดกับเราเลย กลับกลายเป็นว่าเขามองในความเหนื่อยของเรา ทุกคนจะมองในมุมของความแรง ความสำเร็จหรือว่าสิ่งทีาบุ๋มทำ หรือว่าชื่อเสียงที่บุ๋มมี หรือว่าอะไรต่างๆ แต่เขากลับมองว่า บุ๋มทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว เพื่อลูกเพื่อทุกๆ คน เพื่อสังคม เพื่อประชาชน แล้วบุ๋มทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง ทำไมบุ๋มไม่ได้ทำอะไรเพื่อตัวเองเลย จนเขาพูดว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวจากนี้พี่เข้ามาในชีวิตหนูแล้ว พี่จะเป็นคนสร้างอนาคตให้หนูเอง
แล้วตอนเจอครั้งแรกรู้สึกว่าคนนี้ใช่ไหม?
บุ๋ม : ไม่ใด้แบบนั้นเลย คือครั้งแรกที่เจอกันคือบุ๋มล้างปืนอยู่ แล้วลูกสาวหันมาบอกว่า หนูอยากเรียนยิงปืนบ้าง เราเลยโอเค ถามพี่ก๊อตว่ามีครูสอนยิงปืนในกรุงเทพไหม เพราะตอนนั้นเขาอยู่ภูเก็ต เขาบอกเดี๋ยวพี่บินขึ้นมาสอนให้เองเราก็โห ใจดีจังเลย คือเขามาแบบเป็นเพื่อน เป็นพี่อย่างนี้มากกว่า ไม่ได้มารุกจิตใจเราว่าต้องบีบบังคับ จะต้องแต่งงาน ไม่ใช่
เขาหยอดทีละนิดไหม?
บุ๋ม : ไม่ใช่ผู้ชายหวานเลยค่ะ แต่เป็นผู้ชายที่คำพูดจริงจังมาก และใช้การกระทำมากกว่าคำพูดจริง ๆ
อะไรที่ทำให้พี่บุ๋มตัดสินใจว่าคนนี้แหละ?
บุ๋ม : เนื่องจากเขาไม่ค่อยพูดอะไรหวาน ๆ แล้วก็ไม่ได้รุกอะไรเรามาก เราเลยอยากทดสอบว่าตกลงมายังไง ก็เลยมีอยู่ครั้งหนึ่งบุ๋มไปทำงานที่เชียงใหม่ เราก็เลยคุยกัน ถามว่ามาไหม มาจริง ๆ บินจากภูเก็ตตรงขึ้นเชียงใหม่ แล้วหลังจากวันนั้นเลยคบกันเลย ก็เลยถามเขาว่า พี่คะ หนูยังมีโอกาสเลือกไหม เรียกตัวเองว่าหนูเพราะเขาอายุเยอะกว่า เขาบอกไม่มีแล้ว เราเป็นพวกเชื่อคนง่ายไง เขาบอกไม่มีแล้วก็เลยไม่ได้เลือกใคร
แล้วโมเมนต์การขอแต่งงาน?
บุ๋ม : ไม่มีอะไรเลย อยู่บนรถ แล้วก็เขาพูดแค่ว่าถ้าจะคบกันจริงจัง ถ้าคบแล้วต้องมีลูกนะ ไม่ได้พูดเรื่องแต่งงาน จะเอาลูกอย่างเดียว เห็นฉันเป็นแม่พันธุ์อย่างเดียวเลย
แสดงว่าคนนี้เอาพี่อยู่?
บุ๋ม : ใช่
จากเมื่อก่อนพี่เป็นผู้นำ แต่คนนี้นำพี่ได้?
บุ๋ม : นำทุกเรื่อง แล้วพี่รู้สึกสบายใจที่ได้อยู่กับเขา เพราะเราได้เป็นตัวของตัวเอง จะทำอะไร จะลงพื้นที่ เขาไม่ว่าอะไรเลยสักคำ ยิ่งช่วงโควิดที่หนักๆ แล้วเราต้องโทรศัพท์ตี 2-3-4 เพื่อหาอ็อกซิเจนให้คน หาเตียงให้คน แล้วเขาคือคนที่อยู่ตรงนั้นแล้วไม่ว่าอะไรสักคำ ถ้าเป็นผู้ชายบางคนเขาอาจจะด่าไปแล้ว
https://www.facebook.com/teeneedotcom