ธรรมศักดิ์ เปิดปากโต้ชนแล้วไม่รับผิดชอบ ฟ้องกลับคู่กรณีเพราะเหตุนี้?
นายสุพร เล่าว่า เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 65 เวลาประมาณ 17.30 น. ตนเลิกงานกำลังจะกลับบ้านที่บางบัวทอง ใช้เส้นทางถนนราชพฤกษ์จากตลิ่งชัน มุ่งหน้าถนนรัตนาธิเบศร์ พอมาถึงทางลอดใต้วงเวียนพระราม 5 ตอนนั้นวิ่งเลน 2 ตามคลิป เพราะช่องทางแรกมาเศษทรายเกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุ ขับไปได้ซักพักรู้สึกเหมือนมาอะไรมาชนท้ายรถ ทำให้รถล้ม แต่คู่กรณีไม่ได้จอดรถลงมาดู
ระหว่างที่กู้ภัยกำลังทำแผลอยู่ที่เกิดเหตุมีพลเมืองดีมาบอกว่าตามรถคันที่ชนได้ห่างออกไปประมาณ 2 กิโลเมตร จากนั้นกู้ภัยได้พาไปเจอรถคู่กรณีซึ่งเป็นรถยนต์เบนซ์ โดยตอนนั้นมีชายคนหนึ่งเดินมาเปิดกระจกรถกู้ภัย พร้อมแนะนำตัวเองว่าเป็นดารา บอกให้แจ้งตำรวจ ให้กู้ภัยพาไปรักษาก่อน เดี๋ยวจะมารับผิดชอบภายหลัง ตอนนั้นคิดว่าเขาคงรับผิดชอบจริง เพราะเขาเป็นคนมีชื่อเสีย คงไม่หนี จากนั้นกู้ภัยได้พาตนเองส่งโรงพยาบาลเกษมราษฎร์รัตนาธิเบศ มีบาดแผลถลอกตามแขนและขา ข้อศอกกระดูกโผล่ออกมา ระหว่างที่นอนอยู่โรงพยาบาล ก็ไม่เคยเห็นเขามาเยี่ยมแต่อย่างใด
ที่มาร้องเพจสายไหมก็แค่อยากให้ออกมาแสดงความรับผิดชอบมากกว่านี้ บอกจะชดใช้ค่าเสียหาย เวลาผ่านไปกว่า 1 เดือน กลับไม่มาเยี่ยวยา ปิดเครื่องติดต่อไม่ได้ เรื่องเงินตนไม่ได้เรียกร้องมาก แค่มารับผิดชอบส่วนที่เสียไปก็พอ แต่ที่ต้องมาร้องเพราะเขาไม่เคยสนใจสิ่งที่เกิดขึ้นเลย ในส่วนคดีความเบื้องต้นทราบว่าเจ้าหน้าที่แจ้ง 2 ข้อหา ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ ทรัพสินเสียหาย และชนแล้วหนี ซึ่งในส่วนนี้ก็ปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมาย
จากนั้น ก็มีมอเตอร์ไซค์เป็นรถกู้ภัย มาคุยกับตนอีก ตนจอดรถอยู่เป็นชั่วโมง และได้พบกับคู่กรณีที่นอนมาในรถตู้ของกู้ภัย มีผ้าพันแผล และมีแผลนิดหน่อย ซึ่งเขาก็จำได้ว่าตนเป็นนักแสดง จึงคุยกันว่าถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องแจ้งความ ค่าใช้จ่ายตนจะดูแลให้ เพราะเขาเจ็บ จากนั้นก็แยกและกลับบ้าน พอตนกลับถึงบ้านก็ได้รับสายโทรศัพท์จากภรรยาของคู่กรณี ที่โทรมาบอกว่า "ลุงเมาด้วย" ซึ่งเขาไม่ได้เป็นคนเห็นว่าตนเมาหรือเปล่า และจริง ๆ แล้วตนไปกินข้าวกับลูกจะไปเมาได้อย่างไร เขาก็บอกว่าจะไปแจ้งความเพราะค่ารักษาตั้ง 20,000-30,000 บาท ตนยังบอกเขาว่าทำไมแพง สักพักก็หายกันไป ต่อมาหลังจากนั้น 4-5 วันเขาก็ไปแจ้งความ และบอกว่าตนชนแล้วหนี ซึ่งถ้าตนหนีจริงก็คงไม่ได้เจอเขา แต่ตนไม่ได้หนี ตนจอดรออยู่นาน จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้โทรมาสอบถามตนก็ได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟัง
และอีกไม่กี่วันทางตำรวจก็นัดมาไกล่เกลี่ย เขาก็บอกว่าขอค่าทำขวัญเยอะ ตนก็บอกตำรวจเลยว่าจะเอาให้รวยเลยเหรอ และพอเขาพูดเยอะ ตนก็เลยเงียบ ทางคู่กรณีก็เอาทนายมาบอกจะไปแจ้งความฟ้องศาล ตนก็โอเค ก็เซ็นเอกสารยอมรับว่าเฉี่ยวชน แต่ว่าตนไม่ได้หนี ทางตำรวจก็ขอซิมการ์ดกล้องหน้ารถไปก็ต้องรอดู ส่วนค่าเสียหายถ้าตกลงวันนั้น ก็จะให้รถซ่อมไม่ถึง 20,000-30,000 บาทตนก็จะให้ เพราะเขาไม่ได้เจ็บอะไรมากมาย เขาเดินได้แล้ว แต่จะขอเป็นแสน ซึ่งค่ารักษาประกัน พ.ร.บ. ต้องออกให้อยู่แล้ว เพราะเขาคุ้มครองวันละ 500 บาท คู่กรณีอาจจะมองว่าน้อยไป ทางประกันเขาก็ตีไม่เกิน 20,000 บาท
https://www.facebook.com/teeneedotcom