อดีตตลกดัง แดนนี่ ตอบแล้วหลังโดนเมาท์ ตกอับต้องกลับไปทำนา?
แดนนี่ : "ตั้งใจหันลังเกษียณตัวเองครับ ไปอยู่บ้านภรรยาตั้งใจทำโน่นทำนี่"
หลายคนมองว่าตกอับ?
แดนนี่ : "ใช่ บางทีก็มีคนพูด บางสื่อนำเสนอ แล้วเราก็คุยกับลูกพี่เราว่าคนเราก็เหมือนปี๊ปนั่นแหละ วางอยู่เฉยๆมันไม่ดัง เค้าเขี่ยเค้าก็ปล่อยมันไปเถอะ ถ้าเราไม่ได้เป็นก็แล้วไป ผมก็มานั่งคิดว่าเวลาเรามาอยู่ต่างจังหวัด ความฝันคนในวงการบันเทิงหลายๆคนแก่ตัวไปมีที่ต่างจังหวัด มีบ่อน้ำ บ้านชายนา ผมก็ดำเนินตามความฝันผมทุกอย่างเลย ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ด้วยกำลังกาย กำลังใจ กำลังทรัพย์ที่มี ทำข้าวกินเอง ทำขายด้วยเล้กน้อยๆ แต่ไม่เยอะนะ พื้นที่ 7 ไร่กว่า"
แดนนี่ : "ตอนนั้นผมมองว่าวงการบันเทิงยังไงต้องเลิกแน่ไม่ช้าก็เร็ว ถึงแม้จะมีรับแสดงบ้างแต่เป็นพาร์ทไทม์เล็กๆน้อยๆ แล้วผมจะต่อเนื่องด้วยอะไรดี ความฝันของผมคือไปอยู่ต่างจังหวัด แล้วก็มีที่ ทำบ้านเหมือนโรงนาฝรั่ง น้องๆโฮมสเตย์ อาบน้ำตุ่ม นุ่งผ้าถุง กินข้าวริมนา"
ก่อนจะมาถึงจุดนี้มีสาเหตุมาจากซื้อบ้านแล้วต้องผ่อนบ้าน?
แดนนี่ : "ภาคที่เราเป็นนักแสดงในกรุงเทพ เรามีความรับผิดชอบ เรามีหน้าที่การงานที่ดี มีรถดีๆขับ มีบ้านหรูๆอยู่ ผมก็ทำงานส่งบ้าน โดยที่ไม่ค่อยรู้เรื่อง ส่งเงินให้คุณพ่อคุณพ่อก็ไปจ่ายค่าบ้านให้ เมื่อครบดีลสามารถที่จะจ่ายได้มากกว่านี้แล้ว คุณพ่อบอกว่าถ้าโอกาสจ่ายเยอะๆจะดี เพราะที่หนูจ่ายมาเท่านี้ดอกเท่านี้ เงินต้นเท่านี้ ถ้าผ่อนแบบนี้หืดขึ้นคอนะลูกเหนื่อยแน่ เราเลยคิดว่าถ้าผ่อนบ้านหมดแล้วหันหลังให้วงการ เหมือนเรือเดินสมุทรที่ผ่านความหรูหรามามีทุกอย่างบนเรือเมื่อถึงท่าแล้วจอดทุกคนต้องลง"
พอไม่คิดว่าจะผ่อนแบบนี้แล้ว เลยหันไปหาผู้ใหญ่?
แดนนี่ : "ตอนนั้นทำงานก็สามารถถ้าผมจะแอดวานซ์ค่าตัวรายการนี้สัก 2 ปีได้มั้ย เพื่อที่ปิดบ้าน เค้าถามที่บ้านมีรถกี่คัน เราบอก 3 เค้าบอกมีเท้ากี่เท้า 2 ครับ 2 เท้านี่สามารถขับพร้อมกันได้มั้ย ไม่ได้ครับพี่ ขายซะ เราก็ขายหมดเลย 3 คัน แล้วมาบอกว่าได้เงินเท่าไหร่ เอาเงินไปซื้อปิคอัพ 4 ประตูขี่ มันตอบโจทย์เรานี่หว่า"
เงินที่เหลือเอาไปโปะบ้าน?
แดนนี่ : "ไปเทบ้าน ไม่พอโปะ ได้บางส่วน เหลืออีกระดับนึง ผมก็ทำตามที่พี่เค้าสอน ถ้าภายใน 3 ปีนี้ยังไม่หมด ค่อยมายืมใหม่ได้ แต่ตอนนี้ต้องทำแบบนี้ก่อน"
แดนนี่ : "จนขายกลับไปอยู่ต่างจังหวัดแล้ว มันหมดภาระเราแล้ว ผมคิดเลยว่าถ้าวันนึงเราเกษียณแล้วมูฟทั้งหมด มีเงินประมาณนี้ ถ้าเราไปอยู่ต่างจังหวัดเงินขนาดนี้มันทำให้เราอยู่ได้ไปถึง อายุ 75-80 ตายก็คุ้ม"
ตอนนี้ไม่มีหนี้อะไรแล้ว?
แดนนี่ : "ผมปลอดหนี้มาตั้งแต่แต่งงานกับภรรยา 10 กว่าปีแล้ว"
ชีวิตที่มีความสุขที่สุดแล้ว?
แดนนี่ : "มันมีความสุขตามครรลองที่ควรจะเป็น แต่เนื่องด้วยสถาณการณ์โรคภัยไข้เจ็บที่มันมีมาตอนนี้"
ส่วนนึงที่ได้ดีทุกวันนี้ เพราะพ่อแม่บุญธรรมด้วย?
แดนนี่ : "ใช่ครับ พอ่แม่บุญธรรมเป็นแบบสไตล์ไทยแต่ไม่เนี้ยบมาก สอนลูกๆหลานๆดีประหยัด อดออม เป็นคนกลางๆไม่ได้รวยมาก ไม่ได้จนมาก ตั้งแต่เด็กๆผมจำได้ทำไมพ่อพูดเยอะจังเลย ทำไมต้องให้เก็บตังค์วันละบาท ทั้งๆที่เราได้ 3 บาท เค้าให้เก็บเลยตั้งแต่เช้า เพราะถ้าเอาไปมีสิทธิ์ใช้"
แดนนี่ : "ตั้งแต่เบบี๋ถึง 10 กว่าขวบนี่ยังไม่รู้นะ มารู้อีกทีตอนที่เราต้องเปลี่ยนสถานะเป็นบุตรบุญธรรม ต้องยกเราให้เป็นของพ่อแม่ที่เลี้ยงเรามา เราเลยมานึกย้อนตอนเด็กๆเรียกเราว่าไอ้หรั่ง ไอ้หรั่งคืออะไรเรายังไม่รู้เรื่องเลยนะ เรารู้เพราะต้องไปโอนที่ศาลเยาวชน ปกครองเด็ก ต้องมีคำสั่งศาล"
ช็อกมั้ย?
แดนนี่ : "ตอนเด็กยังไม่รู้พ่อแม่บุญธรรมคืออะไร แต่รู้มีพ่อแม่ที่อยู่ข้างนอกด้วย ผมยังคิดในใจว่าเราเจ๋งมีพ่อแม่อยู่เมืองนอกด้วย แล้วมีพ่อแม่เมืองไทยด้วย ไม่รู้เรื่องมารู้ตอนเริ่มโต พ่อแม่จริงๆเราอยู่เมืองนอก ตอนที่พ่อแม่เราคลอดเราตอนนั้นเราเด็กมากการเดินทางขึ้นเครื่องบินก็ลำบาก บวกกับความเป็นอยู่ไม่ดีเท่าที่ควรกับพ่อแม่ที่แท้จริง พ่อแม่บุญธรรมก็บอกพ่อแม่เราว่าจะเลี้ยงแดนนี่ให้ ถ้ามีที่อยู่ที่กินบ้านช่องดีแล้วค่อยเอาแดนนี่ไปอยู่ ตอน 4-5 ขวบก็ได้"
พ่อแม่จริงๆติดต่อมาจะรับไปอยู่?
แดนนี่ : "ติดต่อครับ ส่งเงินมาให้ใช้เดือนละ 500 พ่อเราก็เก็บไว้ให้ ตอนแกเสียถึงได้รู้ พี่ๆน้องๆเอามาแจง ตังค์ที่เก็บเด็กๆแสนกว่าบาท เค้าบอกเก็บไว้ให้มันยามยากมันจะได้มีตังค์ของมัน เราก็คิดสิ่งที่พ่อแม่พร่ำสอนทำไมต้องประหยัด"
คำสอนไหนที่ทำให้เราเป็นเราทุกวันนี้?
แดนนี่ : "อดทน อดกลั้น อดออม นี่คือพ่อ ส่วนแม่เป็นห่วงอย่างเดียวถ้ามีครอบครัว มีลูก รักกันให้มาก เพราะลูกเป็นโซ่ทองคล้องใจระหว่างบุคคล 2 คนถ้ามีไรเกิดขึ้นให้หันไปมองลูกแล้วชีวิตคู่จะอยู่ยาวเหมือนพ่อกับแม่"
แดนนี่ : "พ่อผมจะเป็นคนชอบพูดว่าจดจำ จดจริงๆ เขียนใส่สมุดบันทึก เค้าเป็นคนละเอียด ผมติดเขียนแบบเค้า เพื่อนๆมาที่บ้านบอกว่ามีนิทรรศการกระดาษไทยหรือยังไง แม้กระทั่งบนรถก็แปะ ผมได้อันนี้มาจากพ่อเลย"
แม้กระทั่งวันสุดท้ายฝากฝังเรื่องมรดกให้ด้วย?
แดนนี่ : "พอถึงอายุขัยท่าน บ้านที่พ่อแม่ไม่มีคนอนู่ ทำยังไง พี่ๆบอกขายแล้วแบ่งตังค์กัน ซึ่งผมพึงสังวรณ์ลูกบุญธรรมไม่ต้องไปยุง่กับเค้า ไม่ต้องเอ่ยปากใดๆทั้งสิ้น พอเสร็จงานพ่อแม่จะลพี่ๆกลับ พี่สาวบอกว่าแดนนี่ต้องอยู่ด้ย แม่กับพ่อได้สั่งไว้ว่าอย่าทิ้งน้อง สงสารมัน เลี้ยงมันมาตั้งแต่เด็ก ที่สำคัญมันตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ดีพอสมควร มันก็ไม่ได้มากตามอัตราส่วนเพราะมีหลายคน แต่มันเป็นความภูมิใจที่ว่าพี่ๆรักเรา"
มีโอกาสได้เจอพ่อแม่แท้ๆของตัวเองบ้างมั้ย?
แดนนี่ : "ได้เจอครับ พอเราโตขึ้นรู้ความว่าต้องเปลี่ยนเป็นบุตรบุญธรรม สมัยก่อนเขียนจดหมาย ถ้าโทรศัพท์บ้านดังเที่ยงคืนคือแม่โทรมา เพราะมันสว่างที่โน่น ตอนที่แม่กลับมาผมอายุประมาณ 17-18 วัยรุ่นเต็มตัว แม่กลับมาเพราะมีเหตุผลตอนนั้นไม่บอก แม่กลับมาเพราะทุพพลภาพตอนนั้นแม่ผ่าตัดสมองที่เมืองนอก ถ้าไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้นก็ไม่ได้โอนเป็นบุตรบุญธรรม เพราะการผ่าตัดสมองโอกาสรอด 10-15 เปอร์เซนต์ แต่เนื่องจากวิวัฒนาการของเมืองนอก แม่ผมเป็นคนปรกติแต่ทุพพลภาพตั้งแต่ผมอายุ 13-18 กลับมาอยู่กับผม จากน้นอีก 2 ปีแม่ถึงได้เสียในอ้อมกอดผมเลย"
ช่วงเวลาที่กลับมาอยู่ด้วยกันเป็นยังไงบ้าง?
แดนนี่ : "มีความสุขมาก ไทยคำอังกฤษคำเพราะเค้าอยู่ที่โน่นนาน จูนกันยากพอสมควรแต่มีความสุข อย่างน้อยแม่ก็ได้กลับมาอยู่กับผมช่วงสุดท้าย ถึงแม้มันจะสั้นนัก แค่นี้ผมดีใจแล้ว"
แดนนี่ : "จำได้ เค้าบอกฉันไม่ได้ทิ้งแกนะ มันมีความจำเป็นตั้งแต่เด็ก ฉันต้องไปทำงานหาเงอนเพื่อที่จะเอาแกกลับไปอยู่ที่นั่น ถึงแม้จะเอาแกกลับไปไม่ได้ แต่ฉันกลับมาแล้วนี่ไง"
อยากบอกอะไรกับคุณแม่?
แดนนี่ : "ไม่เคยลืมแม่นะ สักวันนึงเมื่อเอวาลูกผมโตขึ้นรู้ความ ผมจะพาไปเยี่ยมแม่ที่สุสาน ถึงแม้จะเป็น 2 ปีสั้นๆที่แม่กลับมาอยู่กับผม แต่มันคุ้มแล้ว 18 ปีแม่หายไปทำงานหาเงิน ให้เงินตากับยายดูแลผม ถึงแม้จะไม่มาก แต่มันก็เป็นน้ำพักน้ำแรงเท่าที่พ่อแม่คู่นึงจะทำให้ได้"
https://www.facebook.com/teeneedotcom