อดีตนางเอกดังตอบชัด! ออกจากวงการเพราะได้สามีเป็นมหาเศรษฐี ?
ราโมน่า : ใช่ คือตอนที่แต่งงานใหม่ ๆ อยู่นิวยอร์ก คุยกับสามีเรื่องชื่อลูก แต่ก็ไม่เคยได้ลูกสาวสักที พอปีที่แล้วย้ายบ้านจากนิวยอร์กออกมานอกนิวยอร์กนิดหนึ่ง ตอนแรกเริ่มจากหมาก่อน คุยกับสามีว่าเลี้ยงหมากันไหม สามีบอกว่าเดี๋ยวว่ากันอีกที แต่สุดท้ายเราบอกว่าอย่าหมาเลย ลองมีลูกเลยไหม ตอนแรกสามีบอกว่าหยุดที่ 2 คน คงไม่เอาแล้วแต่เราก็อ้อนไป อ้อนมา เขาก็บอกว่าได้
เห็นว่าตอนที่โนลิเกิด มีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นด้วย ?
ราโมน่า : คือคุณพ่อนาเสียไปเมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว เราเสียใจมากบินกลับมาดูคุณพ่อ 10 วันสุดท้ายของชีวิตเขา เรานั่งข้าง ๆ ร้องไห้ตลอดเวลา เขาจากไปต่อหน้าเรา เราก็บอกว่าช่วยแสดงปฏิหาริย์ให้เราได้ไหมว่ายังอยู่ อยู่ ๆ ก็มีไฟแปลบ ๆ เหมือนไฟช็อต เราก็แบบว่าพ่อแน่ ๆ แล้วเราก็เชื่อมาเรื่อย ๆ มีอยู่ครั้งหนึ่งเราอ่านหนังสือเขาบอกว่าให้ลองเลือกสัตว์แล้วให้เขามาหาสิ เราก็บอกว่ามาเป็นเต่าทองให้เห็นได้ไหม อยู่ ๆ ก็มีเต่าทองบินมาเกาะหนังสือ ซึ่งวันนั้นเราเห็นเต่าทองเกาะที่หน้าต่างบ้าน เราคิดว่าวันนี้ต้องเป็นวันพิเศษแน่ ๆ เลย เราน่าจะพร้อม เราเลยเอาเครื่องตรวจมาตรวจดูว่าไข่ตกไหม สรุปไข่ตก เลยถ่ายรูปหาสามีบอกว่าขึ้นมาเดี๋ยวนี้ แล้วก็ได้ลูกสาว เหมือนคุณพ่อพามาให้
ราโมน่า : ไม่ทองค่ะ ลูกชายบอกว่า ใช่ครูสอนเทนนิสหรือเปล่า ลูกล้อ คือพ่อโมนาผมบลอนด์ ตาเขียว ส่วนแม่สามีผมบลอนด์ตาฟ้า อย่างว่ายีนส์ด้อยของ 2 คนมาเจอกัน ได้ลูกฝรั่งมาตาเขียว ตาออกเทา ๆ
ที่นู้นเพื่อนแซวไหม ?
ราโมน่า : แซว แต่ละคนแกล้งแซวกันทั้งนั้นเลย โมนาเลยบอกว่านั่นมันช่วงโควิดนะคะ อยู่บ้านทั้งวัน
ลูกชายสาวเยอะไหม ?
ราโมน่า : สาวเยอะมาก คืออยู่บ้านโทรศัพท์จะมาละ แล้วเขาจะวางทิ้ง ๆ เราก็ถามว่าใคร เขาบอกว่าผู้หญิงโทร. มาแล้วก็มีสาว ๆ มาหาถึงบ้าน เปิดประตูไปผู้หญิงมา 4 คน นี่อายุ 13 นะคะ
แล้วคนกลางเริ่มมีสาว ๆ หรือยัง ?
ราโมน่า : เวลามีงานที่โรงเรียนก็จะมีสาว ๆ วิ่งมาทักทาย
ราโมน่า : พ่อไม่พูดแม่เลยจัดเลย จะพูดกับเขาว่าเนี่ยสาว ๆ เยอะแบบนี้เราไปจุ๊บเขาหรือยัง เขาบอกไม่ แล้วเขาก็ไม่อยากพูดกับแม่เลย เราก็บอกว่าเนี่ยโตแล้วนะ ที่โรงเรียนเรียนเพศศึกษาแล้ว ก็บอกว่าให้ระวังไว้นะ จะอะไรขึ้นมาจะต้องปกป้องตัวเอง พยายามอธิบาย แล้วเขาจะบอกให้เราเงียบเดี๋ยวนี้ เขาเขิน แต่เราจะพูดให้เขาได้ยินเอาไว้เดี๋ยวเขาโตไปเขาได้ยินเสียงเราเข้ามาในหัว หวังว่ามันจะแว่วเข้ามาเอง คือถ้าไปทำอะไรมา ถ้าต้องการความช่วยเหลือต้องมาคุยกับแม่นะ ไม่ต้องไปถามเพื่อน
ถ้าคุยเรื่องเพศศึกษาอยากคุยกับพ่อหรือแม่ ?
มาลาคาย : ไม่ทั้งคู่ เพราะที่โรงเรียนสอนอยู่แล้ว รู้เบสิคที่ต้องทำยังไงถึงจะปลอดภัย
คนโตเราสอนแล้ว คนกลางอีกหน่อยเราก็ต้องสอน ?
ราโมน่า : ก็คงต้องสอน แต่เขาถามพี่ได้
ราโมน่า : เด็กไปค่ะ แต่ว่าเราว่าเราพูดก่อนที่ว่าเขาจะไปอะไรแล้ว เราว่าเราพูดตอนที่เขาเริ่มรู้ และโรงเรียนก็เริ่มสอนแล้ว มันไม่ใช่ว่ามันไม่รู้ เราพูดให้เขารู้ ดักคอไว้ก่อน ไม่ใช่เขาไปทำอะไรมาก่อนแล้วค่อยมาพูดมันไม่ทัน
แต่เชื่อว่ามีคนเมาท์ว่าที่ออกจากวงการ เพราะได้สามีเป็นมหาเศรษฐี ?
ราโมน่า : คือตอนที่แต่งงานกันเขาไม่ได้เป็นมหาเศรษฐี เขามีงานดี มีเงิน แต่ไม่ใช่มหาเศรษฐีตอนคบกันเมื่อ ปี 2001 เขาทำงาน มีเงิน อยู่ฮ่องกง แต่ทุกวันนี้เขาเป็นตำแหน่งใหญ่ ทำงานเก่ง หาเงินเป็น เขาใช้เงินเป็น
อพาร์ตเมนต์ใจกลางนิวยอร์กขายไปแล้ว ?
ราโมน่า : ขายตอนโควิดเลย พอโควิดปุ๊บเราไม่อยากอยู่แล้วนิวยอร์ก เพราะมันแออัด คนเยอะ เราลองขายดู ไม่คิดว่าจะขายได้ช่วงโควิด ขายได้ภายในเดือนเดียว ก็ขายเลย คงไม่กลับไปอยู่ในนิวยอร์กซิตี้แล้ว บ้านใหม่มันอยู่นอกนิวยอร์ก ครึ่งชั่วโมงถึง เพื่อลูก ๆ จะได้มีพื้นที่
ราโมน่า : ก็มีบ้านชาญี่ปุ่น เป็นคนชอบดื่มชา เลยสร้างบ้านชาญี่ปุ่นมา สวนผึ้งคือโมนาชอบ อยากเป็นชาวนา อยากทำสวนเลี้ยงผึ้ง เลี้ยงไก่
ที่ไป-กลับเมืองไทยบ่อยขึ้นเพราะอะไร ?
ราโมน่า : เพราะไม่มีโควิดแล้ว คือแม่กับพี่สาวอยู่ พอพ่อเสียตอนนั้นเรามีความรู้สึกว่าชีวิตนี้มันไม่มีอะไรสำคัญเท่าครอบครัว เราอยากเจอแม่ พี่สาวให้มากที่สุดก่อนที่สักวันเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันอีก
https://www.facebook.com/teeneedotcom