ต้นสังกัด อิงฟ้า วราหะ ฟ้องคนเกี่ยวข้อง ละเมิดสัญญา-หมิ่นประมาท
หน้าแรกTeeNee บันเทิงดารา ข่าวดารา, ข่าวบันเทิง ดาราไทย ต้นสังกัด อิงฟ้า วราหะ ฟ้องคนเกี่ยวข้อง ละเมิดสัญญา-หมิ่นประมาท
ค่ายแสงรวีเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ แถลงการณ์ผ่านเพจ Sangravee Entertainment Official เรื่อง ข้อเท็จจริงสัญญาศิลปินในสังกัดระหว่างบริษัท แสงรวีเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด กับ นางสาวอิงฟ้า วราหะ (มุก)
โดยมีรายละเอียด ดังนี้
ตามที่มีข่าวการกระทำผิดสัญญาศิลปินระหว่างค่ายแสงรวีเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ต้นสังกัด กับนางสาวอิงฟ้า วราหะ(มุก) ศิลปินในสังกัด ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ในทางเสื่อมเสียดังที่ปรากฏในสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ ในขณะนี้ ทำให้บริษัทแสงรวีเอ็นเตอร์เทนเม้นท์จำกัด ได้รับความเสียหาย สร้างความเกลียดชังและขาดความเชื่อถือในการประกอบธุรกิจ ตลอดจนการถูกใส่ร้ายดูหมิ่นเหยียดหยาม
โดยสัญญาที่ระบุไว้เป็นเวลา 12 ปีนั้นเป็นความยินยอมของทั้งสองฝ่ายตามหนังสือสัญญา
จากกรณีดังกล่าวข้างต้น ทางบริษัทแสงรวีเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัดจึงขอชี้แจงตามข้อเท็จจริง โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
(1.) บริษัท แสงรวีเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ได้ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2543 โดยมีแรงบันดาลใจมาจากการชื่นชอบและรักในเสียงเพลงของผู้บริหาร และบริษัทฯยังมีกิจการหลายประเภทที่สามารถหล่อเลี้ยงกิจการในเครือ ซึ่งมีศิลปินและพนักงานหลายชีวิต โดยที่ผ่านมาได้สร้างสรรค์ผลงานเพลงและโปรโมทให้กับศิลปินมากมาย จนศิลปินบางคนมีชื่อเสียงโด่งดังในภาคอีสาน
(2.) ข้อเท็จจริงสำหรับ นางสาวอิงฟ้า แสงรวี(วราหะ) เริ่มต้นจากการที่มีผู้นำพามาฝากทางค่ายให้ดูแลเป็นศิลปินในสังกัด ซึ่งผ่านขั้นตอนการออดิชั่น และได้รับการยอมรับเข้าค่าย โดยอิงฟ้าเดินทางมาจากจังหวัดอุทัยธานี ซึ่งขณะนั้นอิงฟ้าอายุประมาณ17 ปี บริษัทฯ จึงได้นัดหมายให้นำบิดาและมารดามาด้วย เพื่อตกลงยินยอมให้บุตรของตนเข้าสังกัด แต่มารดาของอิงฟ้า คือ นางบุญช่วย วราหะ(โบว์) ได้อ้างว่าสามีหรือพ่อของอิงฟ้าป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายเดินทางมาไม่ได้ จึงขอเดินทางไปๆ มาๆ เพื่อดูแลสามีในระหว่างนั้น อิงฟ้ายังศึกษาอยู่ที่อุทัยธานี แต่เมื่อตกลงกันแล้วทางบริษัทฯจึงได้หารือให้ย้ายมาศึกษาต่อระดับชั้นมัธยมปีที่ 4 ในโรงเรียนในเขตดอนเมือง กรุงเทพฯ เพื่อความสะดวกคล่องตัวในการทำงานเป็นศิลปิน โดยบริษัทฯได้อุปการะทั้งค่าเทอมและค่าใช้จ่ายในระหว่างศึกษา ค่าใช้จ่ายรายวันและรายสัปดาห์ ประมาณวันละ 500-600 บาท บางวันมีกิจกรรมพิเศษ สามารถเบิกซื้ออุปกรณ์การเรียนได้อีกต่างหาก และสามารถร้องขอค่าใช้จ่ายอื่นๆเพิ่มได้อีก
(3.) ต่อมา นางบุญช่วย มารดา และอิงฟ้า ได้แจ้งบริษัทฯว่า สามีหรือพ่ออิงฟ้าได้เสียชีวิตลง จึงได้มาขอความช่วยเหลือกับบริษัทฯเป็นค่าปลงศพเป็นจำนวนเงิน 45,000 บาท โดยขณะนั้นยังไม่ได้เซ็นสัญญาต่อกันเป็นลายลักษณ์อักษร หลังจากนั้นอิงฟ้าและมารดาก็ได้เดินทางเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯอย่างถาวร โดยบริษัทฯได้อุปการะไว้ทั้งสองคน
ในระหว่างที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพ บริษัทฯได้จัดหาที่พักอาศัยให้อยู่อย่างดี กล่าวคือ มีบ้านพัก มีห้องนอนปรับอากาศและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีแม่บ้านดูแลความสะอาดในห้องและรอบที่อยู่อาศัย บางครั้งมีบริการซักเสื้อผ้าให้ และได้สนับสนุนซื้อเสื้อผ้าอย่างดีให้สวมใส่
ในส่วนของอาหารก็ดูแลกันเสมือนบุตรและสมาชิกในครอบครัว โดยมีแม่ครัวทำอาหารให้กิน และได้อาศัยอยู่ในบริเวณบ้านเดียวกันและไม่เคยให้กินบะหมี่สำเร็จรูปแทนมื้ออาหารตามที่เป็นข่าว เพราะบริษัทฯให้การอุปการะเลี้ยงดูเหมาะสมเป็นอย่างดี
(4.) เมื่อได้อยู่อาศัยในช่วงเวลาหนึ่งจนพร้อมและมั่นใจกันและกันแล้ว บริษัทฯจึงได้เรียกนางบุญช่วยมารดาของอิงฟ้า เข้ามาเซ็นสัญญาคู่กับอิงฟ้า เพราะอิงฟ้า ยังไม่บรรลุนิติภาวะตามกฎหมาย ต้องให้มารดาให้การยินยอมลงลายมือชื่อในสัญญาซึ่งระบุไว้อย่างชัดเจน โดยในสัญญานั้นไม่มีการระบุว่า ให้ยกเลิกสัญญาฝ่ายเดียวแต่ประการใด การยกเลิกสัญญาต้องได้รับรู้กันทั้งสองฝ่าย ดังนั้นการที่อ้างว่า ยกเลิกฝ่ายเดียวนั้น จึงไม่สามารถทำได้ตามที่เป็นข่าว ทำให้สังคมไม่รู้ความจริง และ มองภาพบริษัทฯเสียหาย
(5.) ในช่วงที่อิงฟ้าเป็นวัยรุ่น บริษัทฯพยายามทำความเข้าใจและปรับเข้าหากัน แต่บางครั้ง การที่ศิลปินหายตัวไป กลับบ้านมาหลังเที่ยงคืนอยู่บ่อยๆ บริษัทฯ มีความเป็นห่วง จึงได้มีจดหมายตักเตือนอิงฟ้าไปหลายครั้ง
จนกระทั่งอิงฟ้าจบม.6 ทางบริษัทฯได้สนับสนุนให้เข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาที่มหาวิทยาลัยราชภัฏวลัยลงกรณ์ อีก 4 ปี โดยอุปการะทั้งค่าเดินทางไปเรียนโดยรถแท็กซี่ (ไม่ใช่รถประจำทาง) ค่าเทอม ค่าใช้จ่ายต่างๆ ตลอดระยะเวลาที่ศึกษา อีกทั้งได้ส่งเสริมและฝึกฝนการร้องเพลง เพื่อเตรียมตัวสำหรับการเป็นมืออาชีพ เมื่อมีความพร้อมก็ได้เข้าห้องบันทึกเสียงและว่าจ้างครูมาสอนเต้น สอนรำไทย
ในขณะนั้นมีงานร้องเพลงเข้ามาบ้างประปราย เพราะอยู่ในช่วงเริ่มต้น โดยบริษัทฯได้ผลิตเพลงให้อิงฟ้าทั้งอัลบั้ม และซิงเกิล อย่างน้อย 15 เพลง ทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์ตามสื่อ แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด และอิงฟ้าได้หายตัวออกไป บริษัทฯจึงหยุดทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์
(6.) ตลอดเวลาที่ทำงานด้วยกัน บริษัทฯตระหนักดีว่า การเป็นศิลปินนั้นจะต้องมีภาพลักษณ์ที่ดี และมีบุคลิก หน้าตาสวยงาม ทางบริษัทฯจึงลงทุนให้ไปทำศัลยกรรม เช่น เสริมจมูกหลายครั้ง ดัดฟัน ฉีดแฟตหน้าเรียว ลดแก้ม เขียนคิ้วถาวร ฯลฯ
(7.) ความเป็นจริงเรื่องการทำขวัญนาค ทางบริษัทฯได้ว่าจ้างวงปี่พาทย์ดนตรีไทยมาสอนเพื่อเพิ่มเติมทักษะ โดยอิงฟ้าได้เรียนทำขวัญนาคจากครูเพลงซึ่งเป็นศิลปินในค่ายเดียวกันมาสอนให้จนเกิดความเชี่ยวชาญ สามารถต่อยอดมีชื่อเสียงในโซเชียลเรื่องการทำขวัญนาค และสามารถออกรับงานทำขวัญนาคได้ โดยรายได้จากการขวัญนาคนั้น ทางบริษัทมอบให้เป็นรายได้ส่วนตัวทั้งหมดโดยไม่มีการหักค่าเปอร์เซ็นต์ใดๆ ซึ่งตรงกันข้ามกับที่อิงฟ้าให้ข่าวแต่ในทางลบกับบริษัทฯ
(8.) เรื่องการรับงานแสดงนั้น หลังจากอิงฟ้ามีอัลบั้มและซิงเกิลแล้ว แต่ยังไม่มีชื่อเสียงโด่งดัง จึงรับงานได้เล็กน้อย ทางบริษัทฯไม่เคยหักเปอร์เซ็นต์หรือมีรายได้จากงานของอิงฟ้าเลย ตรงกันข้ามทางบริษัทฯ ได้หารือกันเพื่อเพิ่มรายได้ให้อิงฟ้า โดยให้เข้ามาช่วยงานบริษัทเป็นครั้งคราว และจ่ายเงินเดือนให้ทุกเดือน (นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายที่ให้ตามปกติ)
ในขณะเดียวกันทางบริษัทฯได้ยื่นมือช่วยเหลือและดูแลการเงินให้กับมารดาอิงฟ้าเป็นพิเศษต่างหากอีกหลายครั้ง ตลอดเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯได้ให้ความรักและความผูกพันกับอิงฟ้าเสมอมา จนกระทั่งอิงฟ้าได้เคยเขียนส่งในแอพพลิเคชั่นไลน์ว่า รักเจ้าของบริษัทเหมือนเป็นแม่ โดยกล่าวว่า "ไม่มีเงิน ก็ไม่ขายแหวนของแม่ (เจ้าของบริษัทซื้อแหวนให้) และประโยคที่ว่า "รักแม่" (คำเรียก อิงฟ้าเรียกเจ้าของบริษัท) จะไม่มีวันทรยศ"
(9.) เมื่ออิงฟ้าเรียนจบปีสุดท้าย ได้ขอลางานบริษัทฯเพื่อไปหาพี่สาว หลังจากวันนั้นก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย และได้ทำการบล็อกไลน์ บล็อกเบอร์โทรศัพท์ เพื่อไม่ให้ใครสามารถติดตามได้ จนกระทั่งได้ไปออกรายการประกวดร้องเพลง "เดอะว๊อยซ์ ไทยแลนด์" ซึ่งฝ่ายประสานงานของบริษัทได้โทรแจ้งรายการว่าอิงฟ้ายังติดสัญญากับค่ายฯ
หลังจากนั้นอิงฟ้าได้มาเจรจาที่บริษัทฯ โดยนำกลุ่มบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง มาร่วมเจรจา บริษัทเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ควร จึงปฏิเสธการเจรจา ซึ่งอิงฟ้าทราบเป็นอย่างดีว่า ตนเองยังอยู่ในสัญญา แต่หลังจากนั้นก็ยังประพฤติผิดสัญญาอีก โดยได้ไปสมัครประกวดมิสแกรนด์สุพรรณบุรี ฝ่ายประสานงานบริษัทจึงโทรเข้าแจ้งกองประกวดว่า อิงฟ้ายังติดสัญญากับบริษัทฯ โดยทางบริษัทฯไม่ได้มีเจตนาขัดขวางการทำงาน แต่ควรขออนุญาตให้ถูกต้องตามสัญญา
(10.) อนึ่ง การเซ็นสัญญา 12 ปีนั้น หลังจากการเซ็นสัญญาแล้ว ด้วยความพร้อมของอิงฟ้า ทำให้ยังไม่ได้เป็นศิลปินทันที เพราะบริษัทให้ความสำคัญเรื่องการศึกษาเล่าเรียน โดยส่งเรียนในระดับมัธยมศึกษา - อุดมศึกษา รวมระยะเวลา 7 ปี หลังจากนั้นเมื่อพร้อมแล้ว จึงเริ่มมีผลงานเพลงเผยแพร่ ซึ่งหลังจากนั้นตรงกับช่วงสถานะการณ์โควิดอีก 3 ปี ทำให้ต้องชะลอการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ในระหว่างนั้นหากอิงฟ้ามีความประสงค์ดี โดยบอกกล่าวบริษัทเพื่อให้ส่งเสริมสนับสนุน เช่น การเข้าประกวดร้องเพลง ประกวดความงาม หรืออื่นๆ บริษัทฯ สามารถยินยอมยืดหยุ่นให้ทำงานดังกล่าวได้
จากการชี้แจงนี้ บริษัทฯ ยืนยันว่า เป็นความจริงทุกประการ สาเหตุที่ บริษัทฯ ไม่ได้ออกมาตอบโต้ก่อนหน้านี้ เพราะไม่ต้องการให้เกิดกระแสในแง่ลบทั้งสองฝ่าย แต่ที่ผ่านมาบริษัทฯได้รับผลกระทบในทางลบจากกระแสโซเชียลมีเดียเป็นจำนวนมากเพียงฝ่ายเดียว
บริษัทฯจึงขอเรียนชี้แจงต่อสื่อมวลชนและสังคม เพื่อความเป็นธรรม โดยจากนี้บริษัทฯจะดำเนินการทางกฎหมายต่อบุคคลที่มีส่วนร่วมในการละเมิดสัญญา, ละเมิดสิทธิ์, หมิ่นประมาทหรือสร้างความเสียหายใดๆต่อทางบริษัทฯ
บริษัทแสงรวีเอ็นเตอร์เทนเม้นท์จำกัด
https://www.facebook.com/teeneedotcom