แอนนา โต้หิวแสง หากินกับแตงโม ฝากถึงคนๆ นั้น ถ้าให้แฉก็ทำได้
ไม่ได้รวย ไม่ได้มีเงินขนาดนั้น พอมีพอกิน บ้านที่อยู่ปัจจุบันก็ยังเช่าอยู่ ออกรายการตีท้ายครัวก็บอกว่ายังเช่าอยู่ ถ้ารวยขนาดนั้นต้องซื้อบ้านก่อน รถที่ซื้อ ตนซื้อเพื่อเป็นความภาคภูมิใจให้ตัวเอง
ส่วนที่คนบอกว่าหิวแสง หลายคนอาจจะคิดว่าเราหิวแสง ทำไมเป็นข่าวบ่อยจัง จริงๆ ไม่อยากมีข่าวอะไรแล้ว อยากขายของ เพราะทุกครั้งที่เป็นข่าวขายของไม่ได้ วันนี้มีข่าว ไม่กล้าขาย ไม่รู้จะขายยังไง พอขายก็จะคิดอีกว่า เกาะกระแส โหนกระแส อยากมีกระแสเพื่อจะขายของ ตนไม่ทำแบบนั้น เรารู้สึกภูมิใจตอนที่คนมาดูเราน้อยๆ แล้วมาซื้อของจริงๆ มากกว่าด้วยซ้ำ
ด้านฮิปโป บอกว่า ตนทำงานฟรีแลนซ์ประจำที่บริษัทจ้าง เวลาที่เราต้องออกไปสัมภาษณ์ เราต้องเอาเวลางานของเราไปคุยกับนักข่าว เกรงใจบริษัทมาก เพราะเราทำงานประจำอยู่
แอนนา กล่าวอีกว่า แอนนากับฮิปโปเป็นนักข่าวมาก่อน กรณีที่เลี่ยงไม่ได้จริงๆ เราจะให้สัมภาษณ์ แต่เราจะพูดเสมอว่า ขอไม่พูดเกี่ยวกับคดี เพราะเราไม่อยากไปแทรกแซงการทำงานของตำรวจ เรื่องนี้เรารอคอยจับตาดูอยู่ ตนพูดเสมอว่า อย่าให้เรื่องมันเงียบนะ แล้วตนก็ดีใจที่ท่านสิระเข้ามาดูแลเรื่องนี้ อย่างน้อยเรื่องนี้จะยังเป็นที่จับตาของประชาชนมากกว่าเดิม
"วันนี้มีประเด็นว่า จะมีคนฟ้องหรือไม่ฟ้อง แอนนาไม่ซีเรียส ถ้าเราโดนฟ้องด้วยการพูดอะไรก็ตามที่ไปละเมิดสิทธิเขา เขามีสิทธิฟ้องเราได้ เราพร้อมขอโทษ แต่ถ้าอะไรก็ตามที่เราพูดแล้วเป็นความจริง หรือมีข้อสงสัยที่เราเห็นว่าสังคมก็สงสัย เราพูดในฐานะพิธีกร อันนี้เราก็สู้สุดใจเหมือนกัน เพราะเราอยากรู้เรื่องนี้"
"ถ้าแอนนาจะออกมาแฉหรือออกมาพูด แอนนาทำได้ดีกว่านั้นมาก แชตที่แตงโมคุยกับแอนนาเกี่ยวกับคนๆ นั้น แอนนาก็มีอยู่ ยังไม่เคยเอาออกมาเลย ทั้งที่เอาออกมาก็ได้ แต่ไม่เคยเอาออกมา เพราะเราให้เกียรติเพื่อนเรา เพื่อนเราระบายความในใจถึงคนๆ นั้นกับเรา เราเลยไม่เอาแชตนี้ออกมาพูดให้ใครฟัง ไม่เคยเปิดแชต"
"เมื่อวานคุณออกมาพูดกับสังคมแล้ว ถ้าเป็นเจตนาที่ดี เรายังพูดกับฮิปโปว่า เราจะขอโทษสิ่งที่ผ่านมาทั้งหมด ถ้าคุณตั้งใจออกมาพูดด้วยเจตนาอันดี แอนนาไม่ซีเรียสถ้าเขาจะดำเนินคดี เพราะเรามองว่าเราอยู่ในสังคม สังคมมีกฎหมาย และกฎหมายจะคุ้มครองเราทุกคน แอนนายังเชื่อในกฎหมายอยู่เสมอ"
แอนนา กล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นการขายของ ตนเริ่มขายของมานานมากแล้ว อยากให้ทุกคนไปดูที่เพจเฟซบุ๊กขายเอามัน ตนสร้างเพจนี้มาตั้งแต่ปีที่แล้ว ประมาณเดือน พ.ค. 64 ตนขายของมานานมากแล้ว ไม่ใช่เพิ่งเริ่มมาขายของ แต่เริ่มมาขายดีตอนเดือน ธ.ค. 64 เพราะเรามีการแจกของรางวัล ทำให้ขายดีแบบก้าวกระโดด ตนยังชวนเพื่อนทุกคนเลยว่า มีเวลามาไลฟ์กับแอนนานะ
"ถ้าใครจำได้ แตงโมก็มานั่งไลฟ์กับแอนนา มานั่งสั่งไก่กินแล้วนั่งช่วยแอนนาอยู่ รีแคปนางงามก็ให้แตงโมมาช่วย ต้องบอกก่อนว่า เราไม่ใช่คนในครอบครัวที่อยู่บ้านด้วยกันตลอดเวลา แต่ถ้าถามว่าเราคุยกันตลอดไหม เราคุยกันตลอด เราเป็นเพื่อนที่ปรึกษากันตลอดเวลา ถ้าพูดถึงเรื่องความรัก มันวัดกันไม่ได้หรอกว่าใครรักใครมากกว่าใคร อย่าไปวัด แอนนาก็ไม่ไปสู้เรื่องนั้น"
"ถ้าเขาบอกว่าเขาเป็นคนในหรือเราเป็นคนนอก เราไม่ไปสู้เรื่องนั้น อยากให้มองที่การกระทำมากกว่าว่าตอนที่แตงโมอยู่ คุณทำอะไรให้เขา ฉันทำอะไรให้เขา ใครทำอะไรให้เขา ถ้าใครที่ติดตามแอนนาอยู่ แล้วรู้สึกว่า แอนนากำลังกอบโกยผลประโยชน์จากทุกคน อันฟอลโลวได้เลย แอนนาไม่อยากได้ผลประโยชน์อะไรจากตรงนี้"
แอนนา กล่าวอีกว่า เงินที่ได้จากการออกรายการทุกบาททุกสตางค์ ตนเก็บไว้ที่หัวเตียง แล้วเอาไปบริจาคโลงศพ ก่อนหน้านี้เป็นเงิน 45,000 บาท บางคนไม่รู้จริงไปพูดต่อ ไปบอกว่ารับงานรีวิวจนรวย ย้อนไปได้เลยตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. วันที่เกิดเหตุ จนถึง 31 มี.ค. ไม่มีงานไหนที่ตนรับงานนอกเลย ตนบอกกับทุกคนว่าไม่ขอรับ เหตุผลมี 2 ประเด็น คือ 1.เราไม่อยากให้ตรงนี้มาเป็นช่องทางการหารายได้ แม้ว่าจริงๆ เราจะทำได้ และ 2. ที่ไม่รับงาน เพราะเราจะไม่หาผลประโยชน์ส่วนตัว
แอนนา บอกต่อว่า ขอบคุณเพจดอกจิก พี่ดอกจิกเป็นคนที่สงสัยในหลายๆ อย่างว่าแอนนาทำอะไร พอเขาถามมา แอนนาเคลียร์ได้ทุกอย่าง ขอบคุณเพจดอกจิก ขอบคุณเฟซบุ๊กพี่กบ ขอบคุณเพจดาร์คต่างๆ ที่ออกมาขุด ออกมารื้อ พอเราเคลียร์ตัวเองได้มันก็จบ
"คนที่เสพข่าวหรือเพิ่งเสพข่าวตอนหลัง บางคนไม่เข้าใจว่า ทำไมเธอขายของ ทำไมมาขายของ แอนนาขายของมานานแล้ว แต่เราเพิ่งมาสำเร็จตั้งแต่เดือน ธ.ค. 64 เรื่องนักข่าวก็เป็นมานานแล้ว ส่วนประเด็นหิวแสง แอนนาทำงานอยู่กับช่อง 8 พูดในรายการทีวีทุกวัน ไม่ต้องการแสง เราทำรายการเพจมันส์บันเทิง 10.10 น. เราต้องพูดข่าวดาราทุกวัน"
แอนนา กล่าวอีกว่า แตงโมยังติอยู่เลยว่า จัดแบบนี้ไม่ดังหรอก เพราะจัดแล้วไม่กล้าว่าใคร ไม่กล้าด่าใคร ในชีวิตกล้าพูดเลยว่า น้อยมากที่จะวิจารณ์ดาราแบบรุนแรง ดังนั้น ไม่ต้องการแสงอะไร เพราะอยู่ในวงการนี้มานานมากแล้ว รายได้ที่มีประจำคือรายได้จากช่อง 8 ที่ได้ทุกวัน แค่รายได้จากช่อง 8 ตนอยู่ได้ โดยที่ไม่ต้องไปหาแสงเพิ่มเติม
แอนนา กล่าวต่อว่า ส่วนรายได้จากการขายของ ตนเริ่มขายของในช่วงที่งานทุกอย่างมันไม่แน่นอน แล้วขายมานานมาก พอวันนี้มีคนติดตามมากขึ้น มันเลยกลายเป็นประเด็นว่าได้ยอดโฟลโลว เอายอดฟอลโลวมาขายของ ขอให้ไปดูในหลายช่องทางได้เลย ตนรับงานวันไหน
ประเด็นต่อมา เงินจากการออกรายการ ถ้าเทียบกับความรักเพื่อน มันเทียบกันไม่ได้ เราไม่รู้จะพูดยังไงกับทุกคน เงินที่ออกรายการ 5,000-10,000 บาท รวมแล้วยังไม่ถึง 1 แสนบาทด้วยซ้ำ จากทุกรายการ แต่ที่ตนทำรถตู้ฉุกเฉิน ตนต้องหาเงินจ่าย 500,000 บาท โดยที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า จะหาเงินจากไหนมาจ่าย แต่คิดว่าขายของทุกวัน มันมีกำไร มีเงินเก็บอยู่ ถ้ามันเข้าเนื้อก็ไม่เป็นไร มีคนบอกเราว่า ทำไมไม่รับบริจาค เราไม่อยากหาผลประโยชน์จากประเด็นนี้
"ที่ไม่รับบริจาคเรื่องรถตู้ เพราะไม่อยากมีปัญหากับใคร สำหรับวันนี้ขอบคุณทุกคนมากๆ ที่ยังสนับสนุนแอนนาอยู่ สิ่งที่ทำทุกวันนี้ทุกคนไม่ต้องมาโฟกัสแอนนาก็ได้ ไม่ต้องสนใจว่าแอนนาจะทำอะไร พอมันเป็นข่าว แอนนาทำงานลำบาก ใช้ชีวิตลำบาก นอนไม่หลับ เครียด"
แอนนา กล่าวต่อว่า เมื่อวานนี้เราดีใจที่มีคนออกมาสารภาพอย่างน้อย ต่อให้หลายคนจะว่าท่านสิระ เจนจาคะ ยังไงก็ตาม แต่ตนมองว่า เขาเข้ามาดีแล้ว อย่างน้อยคนเข้ามาสนใจคดี เข้ามาจับจ้องมากขึ้น เทรนด์ทวิตเตอร์กลับขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ว่ามันจะออกมารูปแบบไหน อย่างน้อยคนกลับมาสนใจ
"ขอบคุณทุกคน ขอบคุณทุกการสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงาน หรือใครก็ตาม ซึ่งหลายหน่วยงานบอกว่า ไม่ต้องกลัวนะ คดีนี้จะออกมาโปร่งใส และยุติธรรมอย่างแน่นอน เพราะคดีนี้มันดังเกินกว่าจะมีใครสักคนหรือมือมืดเข้ามาปิดมันได้แล้ว มันเป็นเรื่องที่ใหญ่มากแล้ว เป็นคดีที่คนต่างชาติให้ความสนใจมาก"
แอนนา กล่าวอีกว่า คนไทยในอเมริกาส่งข้อความมาเยอะมากเรื่องคดีแตงโม เขาเห็นใจแตงโม ตนเชื่อว่าวันนี้ที่มันมีประเด็นเกิดขึ้น ตนขอนำคำพูดนี้กลับมาใช้ "อะไรที่เกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ" วันนี้สิ่งที่เกิดขึ้น ตนมองว่าเป็นเรื่องดีที่มีคนมาสงสัยในตัวเรา แล้วเรารีบออกมาพูด อย่างน้อยดีกว่าการที่ไม่มีใครพูดแล้วเขาสงสัยเงียบไป แล้วเข้าใจผิด
แอนนา ย้ำอีกว่า เรื่องรายได้ ตนได้มาจากช่อง 8 และการทำธุรกิจต่างๆ ตนทำงานเยอะมาก ตื่น 8 โมงเช้า นอนตี 2 ส่วนของฮิปโป เป็นครีเอทีฟรายการทีวีหลายรายการ ตนจ้างฮิปโปมาแต่ละวัน รวมกันแล้วยังมากกว่าฮิปโปไปทำงานประจำด้วยซ้ำ ดังนั้น ใครที่มาบอกว่าพวกเราไปออกรายการทีวีเพราะอยากได้เงิน เราหยุดตั้งแต่วันที่แม่บอกให้หยุด เราไม่พูด ยกเว้นรายการที่เรารับไว้ก่อนหน้านั้น เราถึงไป
แอนนา กล่าวต่อว่า เราต้องยอมรับว่า เราไม่ได้อยู่กับ 5 คนบนเรือ ข้อเท็จจริงเราไม่รู้ลึกขนาดนั้น สิ่งที่เราสงสัย เราพูดไปในรายการทีวีหมดแล้ว ตนเคยพูดไปครั้งหนึ่งว่า สงสารคนๆ นั้น เพราะรู้สึกว่าเราก็ถามคำถามที่แรง แต่ถ้าวันนี้ เขาจะฟ้องเรา เราบอกแล้วว่าเราไม่โกรธ เพราะเรามองว่าการกระทำใดเมื่อทำออกไปมันก็มีผลกลับมา เหมือนเราโยนก้อนหินออกไป เราจะหวังว่าจะได้ดอกไม้กลับมา มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
"ถ้าวันนี้เขาจะโยนก้อนหินกลับมาหาเรา มันก็ไม่ผิด แอนนาไม่โกรธ ขอบคุณทุกคน ขอฝากดันแฮชแท็กคดีแตงโมด้วย ทุกครั้งถ้าแอนนาออกมาพูดเรื่องข่าว แอนนาจะบอกเลยว่า ขอฝากดันแฮชแท็กคดีแตงโมด้วยในทวิตเตอร์ ฝากเพื่อนๆ ชาวเฟซบุ๊กเข้าไปในทวิตเตอร์ และขอขอบคุณชาวทวิตเตอร์ทุกคนที่ไม่เคยละทิ้งจากการให้ความสนใจในคดี"
แอนนา กล่าวอีกว่า ขอขอบคุณพี่ๆ นักข่าว ไม่ว่าสื่อไหนก็ตามที่ทำข่าวอยู่ทุกวันนี้ เข้าไปเกาะติดสถานการณ์ และไม่เคยปล่อยข่าวแตงโม ตนขอขอบคุณมากๆ เราต้องยอมรับตอนนี้ทุกอย่างมันขับเคลื่อนด้วยกระแสังคม แฟนคลับทุกคน ตนจะไม่ลืมบุญญคุณที่ทุกคนออกมาช่วย ออกมาทำเพื่อแตงโม นี่คือสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับผู้หญิงคนหนึ่งที่จากเราไปแล้ว
"ถ้าพูดกันตรงๆ แฟนคลับหรือคนหลายคนจะทำเป็นนิ่งเฉยไปเลยก็ได้ แต่หลายคนเลือกที่จะไม่นิ่งเฉย เพราะมองว่านี่คือบรรทัดฐานของประเทศไทย นี่คือบรรทัดฐานที่จะบอกว่า ในประเทศเรามีความยุติธรรมแค่ไหน"
แอนนา กล่าวต่อว่า ตนรู้สึกขอบคุณท่านสิระที่ออกมาพูด ออกมาขับเคลื่อนคดีนี้ อย่างน้อยเรื่องจะได้ไปถึงคนที่มีอำนาจ มีแสง แสงมันก็จะส่องไปต่อ สำหรับรายการต่างๆ ตนจะไม่ไปออกแล้ว นอกจากเป็นรายการที่เกี่ยวกับชีวิตตัวเองเป็นหลัก แต่เรื่องของแตงโม เราไม่พูดมานานมากแล้ว และจะไม่พูดต่อไป
แอนนา กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องของคนๆ นั้น ตนขอโทษ ถ้าตนไม่สามารถเก็บอารมณ์ตัวเองอยู่ แล้วพลั้งเขียนข้อความอะไรบางอย่างออกไป เพราะเราเขียนข้อความที่เราสงสัย แต่ถ้าอยากให้เราพูด ขอให้พูดซึ่งหน้าด้วยกันเลยก็ได้
"เมื่อวาน พี่หนุ่ม กรรชัย โทรมาหา บอกแอนนามาออกรายการให้หน่อย พี่มีเรื่องอยากให้แอนนาพูด พี่มีเรื่องสงสัยอยากถาม แอนนาเลยบอกว่า แอนนาไม่อยากให้ใครมองว่าเราหิวแสง แล้วไม่อยากได้แสงเหล่านี้อีกแล้ว อยากจบ อยากขายของ อยากใช้ชีวิตปกติ เพราะแอนนามีลูก มีลูกน้อง มีหลายคนต้องดูแลในชีวิต ยังต้องใช้ชีวิตต่อไป เลยไม่ได้ไปออก"
"ขอขอบคุณรายการพี่หนุ่ม กรรชัย ที่ช่วยเหลือเราตลอด ฝากทุกคนไปดันแฮชแท็กทวิตเตอร์คดีแตงโม ส่วนเรื่องของแอนนา ถ้าใครสงสัยอะไรถามได้ แอนนากับฮิปโปอยู่ตรงนี้ตลอด ถามได้ตลอด ไม่หนีไปไหน"
แอนนา กล่าวต่อว่า อยากขอบคุณทุกหน่วยงานที่ทำงานอย่างเต็มที่ อยากจะบอกทุกคนว่า อย่าว่าหน่วยงานที่เขากำลังทำงาน เพราะบางหน่วยงานเขาอาจจะท้อใจได้ คนในสังคมมีทั้งคนดีและไม่ดี เราอย่าเพิ่งตัดสิน เรารอดูตอนสรุปว่าเขาจะสรุปออกมาแบบไหนดีกว่า แล้วเราค่อยมาบอกว่าอันนี้โอเคหรือไม่โอเค"เรื่องคุณแม่ แอนนา ฮิปโป และเพื่อนทุกคน เคารพคุณแม่เสมอ ดังนั้น ไม่ว่าใครจะว่าอะไร เราก็ยังเคารพเสมอ เพราะนั่นคือแม่ของเพื่อน เราจะไม่พูดอะไรที่ไม่ดีทั้งต่อหน้าและลับหลัง เราคิดว่าแตงโมคงไม่โอเคถ้าใครจะมาพูดถึงแม่แบบนั้น เราเลยไม่พูดกัน เราเลือกที่จะไม่วิจารณ์"
"ขอบคุณทุกคน ขอบคุณทุกกำลังใจ ขอบคุณแฟนคลับทุกคนที่ยังเข้าไปดันแฮชแท็กในทวิตเตอร์อยู่ ขอบคุณชาวทวิตเตอร์ทุกคน ขอบคุณชาวโซเชียลที่ขับเคลื่อนไปด้วยกันกับคดีนี้ แอนนาขอบคุณมาก ขอโทษถ้าพูดอะไรไม่ถูกต้องหรือผิดพลาดประการใด" แอนนา ทิ้งท้ายติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
https://www.facebook.com/teeneedotcom
https://twitter.com/teeneecom
ดูดวงเลขบัญชีธนาคารฟรี เลขศาสตร์ เลขมงคล
https://www.facebook.com/teeneedotcom