เผยความสนิท ดีเจอ๋อง-ดีเจดาด้า ถึงขั้นคิดมอบมรดกให้น้องดีน
ดีเจดาด้า : หลังจากนั้นคือแยกย้ายกันเลย แล้วก็มาเจออีกครั้งที่ A-Time
ดีเจอ๋อง : ตอนนั้นอ๋องมาเป็นดีเจที่ Hotwave แล้ว ดาด้าจัดที่ EFM เราก็ทักทายกันผ่านกระจก แต่พออ๋องย้ายมาที่ EFM เราก็ไปทริปลูกค้าริมทะเลเลย ตอนนั้นที่เรามาเป็นดีเจ เราก็เริ่มเป็นตัวเองแล้ว เริ่มติดปีกแล้ว ก็ไปทำอีเว้นท์ด้วยกัน ทำงานของคลื่น พอลงเวที เราทั้งคู่ก็มองหน้ากันแล้วพูดพร้อมกันว่า "ไปอยู่ไหนมา"
ดีเจดาด้า : คือเราทำงานเข้าขากันมาก ซึ่งตอนนั้นที่เราทำงานบนเวทีด้วยกันเรายังไม่สนิมกันนะคะ แต่ทำไมเขาถึงเขาขากับเราได้ขนาดนี้ เราตบมุขอะไรไปเขาก็รับและส่งกลับมาได้หมด
ดีเจอ๋อง : มหัศจรรย์มากคือเหมือนได้เจอเนื้อคู่ พอลงเวทีมาคือตาเราเป็นประกาย เคมีมันได้ เราไม่ต้องเตี๊ยมหรืออะไรเลย
ดีเจดาด้า : หลังจากนั้นเราก็สนิทกันเลย แล้วก็เราก็ได้มาจัดรายการคู่กันยาวมาถึงตอนนี้เลย
แต่สนิทกันมากขนาดนี้ ก็มีบางอย่างเหมือนกันที่เราต้องรู้จุดอ่อนจุดแข็งของกันและกัน เช่น อ๋องจะไม่รับโทรศัพท์ด้าก่อนเที่ยง
ดีเจอ๋อง : มีวันหนึ่งตอนนั้นจัดรายการบ่ายโมงถึงบ่ายสามโมง อ๋องก็จะตื่นประมาณสิบโมงหรือสิบเอ็ดโมง แล้วมีอยู่วันหนึ่งด้าโทรมาตอนเจ็ดโมงเช้า เราก็คิดว่าต้องมีเรื่องอะไรแน่นอน แล้วคือไม่ได้โทรมาแค่หนึ่งครั้ง ตอนที่ลืมตาตื่นมาคือสี่สาย แล้วที่เขาโทรมาเราก็ตกใจเลยว่าต้องมีอะไรแน่นอน ก็รีบโทรกลับหาเขาเราเสียงเครียด แกเกิดอะไรขึ้น เราก็ได้ยินปลายสายบอกเราว่า แกตื่นยังเนี่ย!! วอลเปเปอร์ที่แกซื้อ ซื้อจากที่ไหน เราก็บอกกลับไปเรื่องนี้รอโทรมาถามตอนบ่ายได้นะ ซึ่งหลังจากนั้นไม่เคยรับโทรศัพท์ด้าก่อนเที่ยงอีกเลย
ดีเจอ๋อง : เป็นคนหน้าใหญ่ ของลดราคาขับรถไปทุกวัน
ดีเจดาด้า : ของลดราคา 80-90 เปอร์เซ็นต์ ก็จะมีพนักงานโทรมาบอกว่าของลดนะคะ มาได้เลย แล้วคือมีรองเท้ายี่ห้อหนึ่ง เราชอบมาก ซื้อประจำ ซื้อทุกปี ตอนลดราคา เราก็ไปเลย แล้วบังเอิญตอนลดราคา ประกันก็โทรมา เราก็คุยเรื่องรายละเอียดต่อประกันรถยนต์ เซลล์เขาก็ถามเราว่าเอาไหมๆ คู่นี้เราก็ได้ๆ เอาๆ ก็คุยกับเซลล์ด้วย แล้วประกอบกับคิดเรื่องรายละเอียดการต่อประกันด้วย พอคุยไปคุยมา แล้วมาตอนจ่ายเงินตรงแคชเชียร์ รองเท้าแสนกว่าบาท แต่ซื้อเยอะนะคะ ซื้อหลายคู่มาก เพราะลด 90 เปอร์เซ็นต์ มันถูก แต่เราลืมไปว่าที่เขาหยิบมาให้บางคู่ มันไม่ได้ 90 เปอร์เซ็นต์ มันมีลด 10-20 เปอร์เซ็นต์ แล้วคือพอเราไปถึงตรงที่ต้องจ่ายเงิน แล้วหน้าใหญ่ไง ดีเจดาด้าไงทุกคน ไม่กล้าคืนของ ก็รูดบัตรเลย เพราะภาพลักษณ์เราคือสาวช้อปปิ้ง ก็จ่ายไปค่ะ แสนกว่าบาทแต่ในใจเราตอนนั้นคือผ่อนกี่งวดดี (หัวเราะ) คือเพราะด้วยความที่เราเป็นคนทำอะไรไว
ส่วนอ๋องไม่ได้เป็นคนล่กอะไรขนาดนั้น??
ดีเจอ๋อง : เราเป็นคนที่ต้องค่อยๆ คิดแล้วไม่ชอบตัดสินใจเอง
ดีเจดาด้า : จริงๆ เขาจะเป็นคนเงียบนะคะ แล้วเขาก็จะเรียงลำดับ 1 2 3 4 คือมีสติหน่อย ส่วนด้าคือไปลุยเอาดาบหน้า
ดีเจอ๋อง : คือเราเป็นคนกลัวไม่กล้าตัดสินใจเอง ก็จะขอเวลาโทรหาพี่หน่อย โทรหาพี่แม่อะไรอย่างนี้ บางทีก็โทรหาด้าว่าอย่างนี้ดีไหม แต่เวลาปรึกษาเรื่องงาน เรื่องวางแผน ด้าเขาแบบปั้งๆ เลยนะครับ เอาอย่างนี้สำหรับด้า คืออย่าให้เป็นเรื่องของตัวเองเท่านั้นแหละ
ดีเจอ๋อง : รักมาก!! เราเห็นตั้งแต่วันแรกที่เขาคลอด ตั้งแต่ที่จับมือกันตอนคลอด ตอนแรกถ้าเข้าห้องคลอดได้ก็คงเข้าแล้ว แต่คิดว่าภาพมีพ่อแม่ลูกและอ๋อง คือดูไม่รู้เรื่องแล้วค่ะ ก็เลยตัดสินใจว่าไม่เข้าแล้วกัน อ๋องรอข้างนอกแล้วกัน ด้าเขารักลูกเขามาก และเขาก็เลี้ยงลูกเขาดีมาก หลายๆ อย่างที่ดีนพูดออกมา ทำให้เราเห็นได้ว่าครอบครัวมันไม่แน่นมันพูดไม่ได้คำพูดแบบนี้ อย่างเช่นในงานแต่งงานของด้า น้องดีนอายุ 7 ขวบเอง
แล้วซีนตรงนั้นมันเป็นไปตามแผนอยู่แล้วหรือเปล่า??
ดีเจดาด้า : คือไม่มีในแพลนของ อ๋องเป็นคนเตรียมงานให้ด้าทุกอย่างเลย
ดีเจอ๋อง : น้องดีนไม่มีในแพลนเลย เพราะโดยตามหลักแล้วเราจะพูดแต่เพื่อน แล้วพอจะเป็นเพื่อนคนถัดไปจะต้องผ่านโต๊ะดีนก่อน
ดีเจดาด้า : จริงๆ ในโต๊ะนั้น อยากจะให้คุณแม่พูด แต่เพราะว่าคุณแม่เขาเป็นคนขี้อาย ไม่กล้าพูดต่อหน้าคนเยอะๆ แม่ก็ขอไม่พูด ส่วนน้องสาวก็ขี้อาย ก็ขอไม่พูด แล้วน้องดีนเขาไม่เห็นมีใครพูดเลยโต๊ะนี้ เขาก็เลยยกมือ แล้วงั้นดีนขอพูด
ดีเจอ๋อง : แล้วไม่มีใครคิดเลยว่าเขาจะพูดและไม่มีใครคิดเลยว่าดีนจะพูดประโยคนี้ออกมา "ผมรู้ว่าคุณแม่รักผม เจสัน ... ช่วยดูแลแม่ผมด้วยนะครับ ความอบอุ่นจะทำให้เรามีความสุขทุกคนต้องการความอบอุ่น"
ดีเจดาด้า : ร้องไห้กันทั้งงานเลยค่ะในงานแต่งงาน เพราะทุกคนรู้สึกว่ามุมมองของเรา เรามองว่าลูกเด็กมากคงไม่ได้คิดกลั่นคำพูดอะไรออกมาได้ แบบเรียบเรียงได้ดีขนาดนี้ ดังนั้นทำให้รู้ว่าจริงๆ แล้วเด็กเขามีความคิดนะ เขามีความรู้สึกนะว่าเป็นอย่างไร ทำให้สะท้อนกลับมาว่าที่ผ่านมาที่เราเลี้ยงลูกด้วยหลักการ ด้วยเหตุผล เราจะบอกเขาว่าแม่ดุดีนเพราะอะไร และเขาก็จะเป็นเด็กที่รับรู้เหตุผลทำให้เวลาเขาคิดอะไรตอนนี้ทำให้เขาคิดเป็นระบบและมีหลักการและมีเหตุผลค่ะ
ดีเจดาด้า : ใช่ค่ะ คือด้ากับอ๋องจะคิดตรงกันเลยว่าถ้าเราจะมีรักครั้งใหม่ เราต้องผ่านลูกให้ได้ก่อน ลูกต้องโอเค ลูกต้องมาก่อนอันดับหนึ่ง ด้าก็บอกเจสัน พอเริ่มรู้จักกันก็ให้เขามารู้จักกับลูกเรา แต่ด้าก็จะบอกเลยว่าอันดับความสำคัญลูกมาที่ 1 นะแล้ว เจสันมาที่ 2 นะโอเคไหม ก่อนที่เราจะตกลงคบกันแบบจริงจัง ซึ่งเจสันเขาก็ใจกว้าง เขาก็รับกับตรงนี้ได้ แล้วเขาก็รักดีนมาก
https://www.facebook.com/teeneedotcom