โม อมีนา เผยสาเหตุบอกรู้หมดแล้ว - อะตอมบอกนิสัยแท้จริงกระติกเป็นคนแบบนี้....
เรื่องราวการจากไปของนักแสดงสาว แตงโม นิดา ที่เสียชีวิตหลังพลัดตกจากเรือสปีดโบ๊ทกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ตอนนี้สังคมยังคงเกิดคำถามมากมายกับบุคคลทั้ง 5 คนที่อยู่บนเรือ ก่อนแตงโมจะพลัดตกลงมาเสียชีวิต
ล่าสุด อะตอม สัมพันธภาพ เพื่อนสนิทแตงโมตั้งแต่เด็ก และ โม อมีนา ร่วมวิดีโอคอลทุกประเด็นในรายการ คุยแซ่บShow ออกอากาศทางช่อง one31 ที่มี หนิง ปณิตา, ชมพู่ ก่อนบ่าย และ พีเค ปิยะวัฒน์ เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
โม : เพื่อน ๆ หลาย ๆ คนในกลุ่มก็ต่างความคิด ต่างความรู้สึก แต่ทีนี้เนี่ยพี่โมเหลือแม่แค่คนเดียว ถ้าคุณแม่ตัดสินใจอะไรเราก็เห็นด้วยไปกับคุณแม่ แต่อย่างที่โมบอก โมแยกในเรื่องของความถูกต้องและความยุติธรรมออก ผิดไม่ผิดเดี๋ยวค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง แต่ความรู้สึกของคุณแม่ รู้สึกว่าให้อภัยได้แล้วก็ให้อภัย แต่ว่าในฝั่งเพื่อน หลาย ๆ คนรวมถึงตัวโมน่าจะยังรอความถูกต้องก่อนว่าเขาผิดจริงหรือไม่จริง รอหลักฐาน รอทุกอย่าง รอความจริงปรากฏ แล้วเราค่อยตัดสินใจอีกทีค่อยว่ากัน
ตอนแรกคุณแม่โกรธมาก แปลกใจไหมทำไมคุณแม่ใจอ่อนเร็ว ?
อะตอม : ผมไม่ได้สงสัยใครเลย ผมค่อนข้างจะทึ่งในสิ่งที่แม่แสดงออกเมื่อวาน มีความเป็นผู้ใหญ่ที่สมผู้ใหญ่พอสมควร ผมคิดว่าที่คุณแม่มีความรู้สึกมันไม่ใช่เรื่องผิดเพราะเขาเพิ่งสูญเสียลูกไป ที่เขาแสดงออกมาแบบนั้นไม่ใช่เรื่องที่ผิดหรือดูไม่ดีเลย ต้องรอฟังอีกทีว่าผลสรุปแล้วตอนท้ายมันออกมาเป็นอย่างไร
สิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนละครบทหนึ่ง ?
อะตอม : ผมไม่สามารถที่จะพูดแบบนั้นได้ว่าเป็นละครบทหนึ่งหรือเปล่า แต่ในความรู้สึกของผมผมเชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่เชื่อว่าทำไมเวลานักข่าวมาสัมภาษณ์ พวกคุณเองที่อยู่บนเรือ 5 คนเท่านั้นที่รู้ความจริง ทำไมถึงพูดไม่ตรงกันเกือบทุกครั้งที่สัมภาษณ์ มันเลยทำให้สังคมเกิดข้อสงสัยและตั้งประเด็นคำถามขึ้นมา ทั้งในโลกโซเชียลเอง รวมถึงเพื่อนของแตงโมเองด้วย ว่าทำไมมันคลาดเคลื่อนกันแบบนี้ แล้วพูดไม่ตรงสักครั้งหนึ่งมากกว่าครั
บางคนคิดว่าเป็นบทละครหรือเปล่า มีการจัดฉากหรือเปล่า โมคิดในมุมนี้ยังไง ?
โม : ตอนนี้โมยังเชื่อในความจริงที่โมรออยู่ โมรอผลและหลักฐานต่าง ๆ เพื่อให้ตัวเองแน่ใจว่าเราควรจะทำอะไรต่อในขั้นต่อไป โมมองว่าถ้ามีหลักฐานที่ถูกต้อง การสันนิษฐาน การวิเคราะห์ที่ถูกต้อง ถูกจุด เราก็จะมองกันออกเองว่าเรื่องราวต่อไปมันจะเป็นแบบนี้ ความถูกต้องมันจะไปยังไง ผลสรุปมันจะเป็นยังไง โมรอความจริงอยู่ เพราะโมเชื่อว่าตำรวจไทยแล้วเจ้าหน้าที่ทุกๆ ฝ่าย หรือแม้กระทั่งแพทย์ทุกๆ คน เขามีจรรยาบรรณที่ดีพอ สามารถรวบรวมหลักฐานได้ทั้งหมดแล้ว ที่เหลือโมว่าเราแค่รอความจริง
เมื่อวานโมให้สัมภาษณ์ว่าโมรู้หมดแล้ว และมีหลักฐานสำคัญ แต่โมยังพูดไม่ได้ ?
โม : เมื่อวานด้วยความที่โมได้ไป สภ.นนทบุรี แล้วเมื่อวานฝั่งเขาอยู่กันทั้งหมดเลย แล้วโมเนี่ยไม่ได้โดนเรียกสอบปากคำนะคะ คือพี่เบิร์ดโทร. หาโมบอกว่า โมพาเราไปหน่อย เราไม่ไหว เรายังไม่อยากคุยกับใคร ยังไม่อยากบอกอะไรใคร พี่เบิร์ดน่าจะรู้ว่ามีสื่ออยู่ตรงนั้น ด้วยความที่เราเห็นใจ โอเค ในเมื่อพี่เราไม่อยู่แล้ว พี่เบิร์ดก็เหมือนพี่ชายเรา เราก็พาไป โมตะโกนบอกนักข่าวตลอดทางว่า พี่ โมขออนุญาตไม่ให้สัมภาษณ์นะคะ ให้ความเป็นส่วนตัวพี่เบิร์ดนะ พี่เบิร์ดคุยกับเจ้าหน้าที่แป๊บหนึ่งนะคะ ก็พาเข้าไป เผอิญเจอทั้งหมดเลย หนูก็เลยขอสอบถามไปในบางเรื่องที่เราอยากจะทราบ ตอนนี้ก็ให้รอความจริงอย่างเดียวว่ายังไง แต่โมเชื่อว่าหลักฐานเนี่ย ตำรวจเก่งมาก เก็บได้หมดแน่ ๆ ชัวร์ ๆ
โม : โมบอกตามตรงนะคะ เมื่อคืนโมเห็นแค่ผ่านไปผ่านมา โมเห็นแค่ประโยคเล็ก ๆ โมรู้สึกว่าโดยพื้นฐานที่รู้จักมาก่อนหน้านี้ เขาเป็นคนที่ดีและจริงใจกว่านี้ ในความรู้สึกโม ส่วนตัวที่โมรู้จักมา แต่โมแค่รู้สึกวันนั้น...โมเป็นคุณแม่โมก็ไม่โอเคเหมือนกัน ก็เหมือนที่คุณแม่ตัดสินใจ ก็เห็นด้วยกับสิ่งที่คุณแม่ตัดสินใจ
โม : ไม่ใช่นะคะ พี่ติกเป็นคนโอเคกว่านี้ น่ารักกว่านี้
เห็นกระติกคุยกับแม่ คิดว่ายังไง ?
อะตอม : เราควรที่จะนอบน้อมมากกว่านี้ในฐานะที่เรามีส่วนอยู่ในเหตุการณ์และทำลูกเขาเสียชีวิต เราต้องยอมรับทุกอย่าง เราไม่ควรที่จะไปเถียงคุณแม่เลยหรือทำเสียงแข็งใส่คุณแม่เลยแม้แต่นิดเดียว ต้องน้อมรับถ้าเราอยู่ในสถานการณ์ที่อาจจะไม่ใช่ที่คนอื่นเข้าใจก็ได้ แต่ว่าคุณต้องครองสติดี ๆ ในการโต้ตอบกับคุณแม่ ส่วนตัวผมรู้จักกระติกมานาน ตั้งแต่อายุ 15-16
สมัยก่อนเป็นแบบนี้ไหม ?
อะตอม : ไม่ครับ เขาก็เป็นคนใจ ๆ คนหนึ่งครับ แล้วก็มันเกิดข้อสงสัยในตัวผมหลายอย่างว่าทำไมคุณถึงไม่ช่วยคนที่เขารักคุณ ทำไมคุณถึงไม่ช่วยคนที่ให้โอกาสชีวิตคุณมาก ทำไมคุณถึงไม่ช่วยเขา คุณปล่อยไปได้ยังไง
อะตอมเป็นเพื่อนกระติกตั้งแต่ 15 ยังเจอกันอยู่ไหม ตั้งแต่มีเรื่องได้คุยไหม ?
อะตอม : ได้คุยล่าสุดหลังจากที่ผมประสบอุบัติเหตุ แต่ไม่ได้คุยประเด็นอื่นกัน ถามกันว่าเป็นยังไงบ้างมากกว่า
ได้ฟังสิ่งที่คุณกระติกแสดงออกหลาย ๆ อย่าง อยากบอกอะไรคุณกระติกไหม ?
อะตอม : ต้องบอกว่าผมกับกระติกพูดกันมึงกู กูก็เสียใจมากที่มันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น อยากจะถามมึงว่าทำไมมึงถึงไม่กระโดดน้ำลงไปช่วย แตงโมมันให้โอกาสมึงทุกอย่าง หรืออยู่กับแฟนมันจนกว่าจะเจอมันแล้ว ตอนที่ไปเจอแต่น้องโม อมีนา เจอแต่เพื่อนสนิทแตงโม แต่ทำไมไม่เจอพวกมึงที่อยู่ในเหตุการณ์เลย มึงไปไหนกัน ไปทำอะไรกัน
รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ เขาว่ายน้ำเป็นไหม ?
อะตอม : ตรงนี้ต้องบอกเลยว่าไม่เคยเห็นเลยครับ แล้วเราไม่สามารถที่จะพูดได้ในสิ่งที่เราไม่รู้
กระติกบอกว่าว่ายน้ำไม่เป็นรู้สึกยังไงบ้าง ?
โม : หนูก็เห็นเขาเล่นน้ำกับอีสเตอร์บ่อยนะ แต่หนูไม่เห็นเขาว่ายน้ำแบบแข็งแรงอะไรขนาดนั้น
คุณอะตอมเล่าให้ฟังว่า แตงโมไม่ได้ให้แค่โอกาสคุณกระติก เหมือนให้ชีวิตใหม่ด้วยในการดึงเข้ามาทำงาน ?
โม : ใช่ค่ะ เมื่อก่อนพี่กระติกเป็นนางแบบ แล้วได้มารู้จักกับพี่โม เขาเป็นเพื่อนกัน แล้วมันจะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่พี่โมพูดว่าเดี๋ยวจะเอาติกมาทำงาน มาเป็นผู้จัดการส่วนตัว เพราะว่าเขารักกันอยู่แล้ว สนิทกันอยู่แล้ว มันไม่ยากที่จะดูแลกัน เขาก็ดูแลกันมาเรื่อยๆ โมว่าเป็น 10 ปีแล้วนะ ที่เขาดูแลกันมาจนมีอีสเตอร์ พี่โมรักอีสเตอร์เหมือนลูกในไส้จริง ๆ จริง ๆ โมก็อยากจะวอนชาวเน็ตว่าแบบ ต่อให้พี่โมไม่อยู่แล้ว ฝั่งเราเราก็ยังเอ็นดูอีสเตอร์ เพราะเรารู้สึกว่าเด็กไม่เกี่ยว โมก็รักอีสเตอร์มากจริง ๆ
อะตอม : เมื่อก่อนผมเห็นเขาแต่งชุดคล้ายๆ พนักงานเชียร์หรือว่าเสิร์ฟเครื่องดื่มบางอย่าง
อะตอม : นี่แหละครับคือการให้ชีวิตใหม่ จริง ๆ ต้องบอกว่ามันคนละด้านเลยนะ ระหว่างคุณเป็นพนักงานเชียร์เครื่องดื่มกับคุณเป็นผู้จัดการดารา เป็นผู้จัดการนางเอกอย่างแตงโม
ต้องบอกว่าที่เราพูดตรงนี้เราไม่ได้ดูถูกอาชีพใคร ทุกอาชีพมีคุณค่า ?
อะตอม : ถูกต้องครับ ต้องบอกว่าเราไม่ได้ดูถูก แล้วทุกอาชีพก็มีคุณค่า
คุณอะตอมเห็นว่าคุณแตงโมให้ชีวิตขนาดนั้น ทำไมวันที่เกิดเหตุถึงไม่ลงทุนช่วยให้เต็มที่กว่านี้ ?
อะตอม : ถึงไม่ลงทุนก็ไม่เป็นไร แต่ว่าทำไมคุณต้องกลับบ้าน ถ้าเป็นเราเองเราต้องอยู่ แต่ว่าเราไปจุดเกิดเหตุอีกวันหนึ่งกลับเจอแฟนแตงโม และน้องโม อมีนา แล้วพวกคุณไปไหนกัน พวกคุณบอกว่าไปพักผ่อน ไปนู่นไปนี่ คุณทนกันได้ยังไง ขนาดเรารู้ตอนเช้าเรายังรีบไปเลย
เมื่อวานแซนออกมาไลฟ์ โมได้ฟังแล้วรู้สึกยังไงบ้าง ?
โม : โมบอกก่อนนะคะว่าโมไม่รู้จักคนคนนี้ แต่โมแค่รู้สึกว่าเขาควรมีความสำนึกได้มากกว่านี้ อันนี้มันดูแบบ...จริง ๆ เขาไม่ต้องไลฟ์ก็ได้ เขาไลฟ์เหมือนเขาฆ่าตัวเองเลย
พวกเราช่วยกันวิเคราะห์ อย่างคนที่อยู่บนเรือ 5 คน ไม่ใช่คนในวงการ เขาอาจจะตื่นตกใจ ประหม่ากับกล้อง พวกเราเองเวลาเจอเรื่องหนัก ๆ เวลาตอบคำถามยังแย่เลย มันเป็นไปได้ไหมว่าเขาก็ไม่รู้ว่าเขาจะทำตัวยังไง เขาก็พยายามออกมาพูดในมุมของเขา ?
โม : แต่ว่าอันนั้นเขาไลฟ์ส่วนตัวนะ นึกออกไหมเวลาเราอยู่หน้ากล้องกับไลฟ์ส่วนตัว มันก็จะคนละอย่าง ทีนี้โมไม่ได้มองว่าเขาพูดอะไร โมมองพฤติกรรมสายตาของเขามันดูไม่จริง โมก็ไม่รู้หรอกนะว่าเขาพูดจริงหรือไม่จริง เพราะสุดท้ายมันไม่มีพยานอื่น จะหาพยานอื่นได้ก็คือพยานสิ่งแวดล้อมกับพยานวัตถุที่พอจะชี้ได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ทีนี้พอเป็นพยานบุคคล มันมีแค่คนบนเรือ เพราะฉะนั้นตอนนี้เขาจะพูดอะไรกันก็ได้ ใครอยากพูดอะไรพูดเลย เพราะมันไม่มีใครรู้เรื่องกับพวกคุณอยู่แล้ว
โม : ใช่ค่ะ แค่อย่างเมื่อวานไลฟ์ โมอยากเห็นเขาแสดงความจริงใจสักนิดสักหน่อยก็ยังดี
โม : ใช่ค่ะ อย่างน้อย ๆ พี่ปอเขายังมีความนอบน้อม เข้าหาอย่างถูกวิธี แต่ว่าพี่กระติกกับแซนเนี่ยโมโนคอมเมนต์จริง ๆ
ชาวเน็ตบอกว่าการไลฟ์ของคุณแซนมีบางคำที่พูดไม่รู้เรื่อง มีการมองตาคนอื่นเพื่อบอกสคริปต์ มีความไม่มั่นใจ ไม่จริงใจ อันนี้อะตอมรู้สึกยังไง ?
อะตอม : ต้องบอกว่าผมไม่ได้ดูไลฟ์เลย ดูแค่คุณแซนสัมภาษณ์ข่าวถึงกู้ภัย แล้วตัวผมก็เป็นกู้ภัยด้วย แล้วมีเพื่อนผมที่เป็นกู้ภัยเหมือนกันที่เป็นชุดที่ไปดำเจอร่างแตงโม ผมไม่โอเคตรงที่ว่าคุณแซนไปพูดถึงกู้ภัยไม่ค่อยดี
โมคิดว่ามีคนคอยบอกบทหลังกล้องไหม ?
โม : โมไม่ทราบหรอกว่าเขาจะเตี๊ยมกันยังไง โมแค่รู้สึกว่าโมเห็นสายตาก็ไม่ใช่แล้ว
ตอนนี้ความคืบหน้าในเรื่องของคดีไปถึงไหนแล้ว ?
โม : ตอนนี้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่เขารวบรวมหลักฐาน แล้วก็พิสูจน์ในเรื่องต่าง ๆ โมว่าจากเมื่อวานที่โมไปเห็นด้วยตา อยากจะขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุก ๆ คนที่พยายามช่วยกันทำงานในแบบที่หนูไม่เคยเห็นมาก่อน คือโมไม่อยากให้ชาวเน็ตพูดว่าหลักฐานมีให้เอามาใช้อย่างนั้นอย่างนี้ แต่หนูว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานอย่างดีที่สุดแล้ว
เมื่อคืนกระติกไปจำลองเหตุการณ์ลงเรือ มันมีอะไรผิดปกติไหม ?
โม : อย่างที่หนูบอกแหละพี่ คนที่รู้เรื่องมีอยู่แค่นี้ เพราะฉะนั้นต่อให้เขาลงเรือไปเพื่อบอกจุดนี้อย่างนั้นอย่างนี้ จริงไม่จริงเขารู้อยู่แก่ใจ โมหรือคนอื่นไปตัดสินไม่ได้ว่าใช่หรือไม่ใช่ เพราะสุดท้ายแล้วก็ต้องฟังจากคนบนเรือ มันจะโชคดีมากถ้าเกิดว่ามีสิ่งแวดล้อมข้าง ๆ ที่เห็นแล้วมาบอก มาค้านได้ แต่อันนี้มันมีแต่คนตรงนั้นจริง ๆ โมและคนอื่นก็รอฟังว่ามันจะออกมาเป็นยังไง
พูดถึงคำพูดของคนบนเรือ อะตอมบอกว่าไม่เชื่อ รอพิสูจน์อย่างเดียวเลย ?
อะตอม : ใช่ เพราะต้องบอกว่าส่วนตัวผมมีความเชื่อในตำรวจและคุณหมอมาก เราก็รอฟังอยู่ว่าจากการที่เขาได้หาหลักฐานมาพิสูจน์ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง เราก็จะเชื่ออย่างนั้น เราจะไม่ปักใจเชื่อ
ได้มีโอกาสคุยกับหมอพรทิพย์ด้วย ?
อะตอม : ใช่ครับ มีโอกาสได้คุยกับคุณหมอผ่านทางเฟซบุ๊ก ท่านบอกว่ามีรุ่นน้องที่ตรวจสอบอยู่ หรือมีประเด็นอะไรไม่เข้าใจให้แจ้งท่านได้ แต่ส่วนตัวผมอยากให้คณหมอพรทิพย์ท่านมาดูเอง เพราะเราก็เชื่อมั่นในตัวของเขา เพราะเขาหาข้อมูลมาหลายคดี
โม : จริงค่ะ ทุกคนต้องยอมรับในจุดนี้ว่าพี่โมรักกระติกและอีสเตอร์มากจริง ๆ
โม : โมได้มีการพูดคุยกับพี่เขา ช่วงเดือนมกราคมเราเจอกันบ่อยมาก แล้วเราก็คุยกันว่าพี่โม เดี๋ยวพี่รับปริญญาวันนี้ ตัวโมจะรับวันนี้ อยากให้พี่มาจริง ๆ ถ้าพี่ไม่อยากตื่นเช้า พี่มา 4 โมงเย็นก็ได้ หนูออกจากห้องประชุมแล้ว เรารู้ว่าพี่เป็นคนชอบนอน เป็นคนไม่ตื่นเช้าถ้าไม่ได้ทำงาน หนูไปงานพี่ พี่มางานหนูนะ ก็ตกลงอะไรกันไว้เรียบร้อย ปรึกษาแม้กระทั่งพี่เขาอยากทำยูทูบ เราก็บอกว่าสโคปมันเท่านี้พอ อมีนาวาเลนไทน์เราถ่ายแบบกันสัก 1 เซตไหม นู่น นี่ นั่น หนูยังคุยกันอยู่เลย
อะตอมมีแพลนจะบวชในช่วง 20 มีนาคม แล้วได้มีการคุยกับโมไว้ ?
อะตอม : ใช่ครับ โมจะเป็นคนมาถือร่มให้ อันนี้เพิ่งคุยกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเองว่าหลังจากที่ผมไปหาหมอครั้งสุดท้ายแล้วจะรู้ว่าจะได้บวชเมื่อไหร่ ก็ได้ฤกษ์บวช 20 มีนาคม นี้ แล้วสัปดาห์นี้มีการนัดเจอกันด้วย แล้วให้ผมมาอัปเดตเรื่องบวชว่าต้องเตรียมอะไรยังไงบ้าง
แต่ตอนนี้โมไม่อยู่แล้ว ?
อะตอม : อยากให้ดวงจิตวิญญาณของมันมาอยู่ในงานด้วย หรือว่ามาดูความปลื้มปีติของเราและครอบครัวด้วย เหมือนกับที่มันเคยช่วยเรามาเมื่อก่อน แล้วตัวผมเองตั้งใจจะแผ่บุญให้มันในทุกวัน ครั้งนี้บวช 1 เดือน แล้วทุกวันผมจะแผ่บุญให้มัน
https://www.facebook.com/teeneedotcom