ส่องชีวิตหลังแต่ง จอย ชลธิชา เผยโฉมหน้าพ่อสื่อแม่สื่อที่หาสามีให้
"ไม่ต่างกันเลยค่ะ ด้วยความที่เราเป็นแฟนกันมานาน ตอนนี้เปลี่ยนสถานะจากแฟนเป็นสามี แต่ก็จะเขินหน่อยตรงที่เราไปทำบัตรประชาชนแล้วไปเปลี่ยนนามสกุล ไม่คุ้นเลย"
เมื่อนึกถึงจอย จะต้องนึกถึงบทนางร้าย แต่ใครจะรู้ว่าเป็นนางเอกในอดีตมาก่อน ?
"ตอนนั้นอายุประมาณ 13-14 ค่ะ เรื่องอันดากับฟ้าใส เป็นเรื่องแรกเลย ใสมากตอนนั้น แต่ก็โดนด่าทั่วบ้านทั่วเมืองเหมือนกัน โดนว่าทำไมแรดอะไรแบบนี้ เพราะสมัยก่อน การที่มีเด็กๆ มาใส่ชุดว่ายน้ำ มีบทจูบกับผู้ชาย คือสมัยก่อนยังไม่มีแบบทุกวันนี้ เราต้องย้อนกลับไป เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว แล้วก็อยู่ในภาพยนตร์ ทุกอย่างมันดูใหญ่ไปหมด แล้วคนก็จะมองว่าเราแรดแต่เด็ก เวลาไปไหนคนก็จะแบบว่า ทำไมถึงยอมจูบจริง แม่ให้เล่นบทแบบนี้ได้ยังไง แต่หลังจากนั้นจอยก็รับบทใสๆ มาตลอด จนมาถึงบทร้าย อย่าง น้องนก"
"คือทุกคนในเรื่อง แรงหมด ไม่มีใครเป็นเกียร์ถอยหลังเลย ทุกคนใส่เกียร์เดินหน้าทั้งหมด ซึ่งเราก็ได้คุยกับผู้กำกับมาตั้งแต่ทีแรกแล้ว ว่าละครอ่านแล้วสนุกๆมากๆเลย เป็นบทที่เราอ่านแล้ว อยากติดตาม อยากอ่านไปเรื่อยๆ อยากรู้ว่าตัวละครแต่ละตัวมันจะเป็นอย่างไรต่อไป หลายๆคนก็จะพูดถึงความแรงของละครเนี่ยแหละ จนมีคนมาถามจอยว่า สรุปแล้วเรื่องนี้มีใครเป็นคนดีบ้าง แล้วกระแสตอบรับก็ดีมากจริงๆ เพราะละครมันก็แซ่บจริงๆ"
บทร้ายส่งผลต่อสุขภาพจิตของเราด้วยจริงหรือไม่ อย่างไร ?
"อย่างตอนที่เล่นเป็นตัวละครน้องนก เราเอาตัวละครนั้นกลับมาบ้านด้วย ทั้งต้องเล่นเป็นความใสด้วย ร้ายด้วย โรคจิตด้วย มันทำให้เราเอาออกไปไม่ได้ง่ายๆ เพราะถ้าเอาออกไปแล้ว บางทีจะเอากลับมา มันก็ยาก ทีนี้ก็เลยเอาติดกลับบ้านไปด้วย เอานิสัยไปใช้ที่บ้าน"
"อย่างยืนอยู่เฉยๆ เราก็จะรู้สึกว่า มันไม่ใช่ตัวเรา เวลาเราพูดคุยกับน้อง จังหวะการพูดทุกอย่างคือ เปลี่ยนหมด ปกติจะเป็นคนพูดเร็ว แต่พอกลับบ้านก็จะกลายเป็นคนช้า พูดถึงตัวละครนั้น มันก็จะมีติดกลับไปบ้าง อีกหนึ่งอาการก็คือ การนอนไม่หลับด้วย"
"ก็ต้องใช้สติค่ะ อยู่กับตัวเองก่อน แล้วบอกกับตัวเองว่า เราเลิกงานแล้ว หรือไม่ก็หากิจกรรมทำ ดูหนังหรือว่าไปออกกำลังกาย ที่มันจะทำให้สลัดตัวละครออกไป ทุกวันนี้ปัญหานี้ก็น้อยแล้วค่ะ บทกัทลีตอนนี้ก็ไม่ได้เอากลับบ้านแล้วค่ะ เพราะถ้าเอากลับบ้าน สามีที่บ้านอาจจะตกใจ"
เพิ่งลั่นระฆังวิวาห์ไปเมื่อวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา แต่ฤกษ์จริงๆ แล้วต้องก่อนหน้านั้นจริงหรือไม่ ?
"ใช่ค่ะ ฤกษ์จริงๆ คือ วันที่ 14 พฤศจิกายน เพราะตอนนั้นอยู่ๆ คุณพ่อก็จากไปอย่างกะทันหัน ช่วงเดือนตุลาคมค่ะ ก็เลยต้องเลื่อนงานแต่งงานไปก่อน"
ตอนนี้สภาพจิตใจเป็นอย่างไรบ้าง ?
"ก็ยังคิดถึงอยู่ค่ะ เพราะมันก็ยังไม่ได้นาน มันก็ค่อนข้างกะทันหันอยู่เหมือนกัน ก็คือเหมือนเพิ่งคุยกันเมื่อวาน แล้วก็บอกเขาอยู่เลยว่า งานแต่งงานยังไม่เลื่อนนะ เพราะว่าตอนนั้นโควิดมันก็กำลังดีขึ้น แล้วก็จะจำกัดจำนวนคนตามที่รัฐบาลกำหนดทุกอย่าง ประมาณ 50 คน บอกแพลนทุกอย่างเรียบร้อย พออีกวันก็ได้ทราบข่าวว่าคุณพ่อเข้าโรงพยาบาล"
"คบกันมาประมาณ 8 ปีแล้วค่ะ เจอกันเพราะเพื่อนแนะนำให้รู้จัก ก็คือคุณปูไข่ กับคุณเจี๊ยบ ชมพูนุช ก็คือเขาเป็นพ่อสื่อแม่สื่อในตอนนั้น เพราะเขาก็เดทกันอยู่ แล้วเขาก็เห็นว่าเรายังโสด เขาก็เลยเหมือน หาแฟนให้เพื่อนด้วยเลยดีกว่า เนื่องจากสองคนนั้นเขาก็ไปทะเลกัน แล้วเขาก็เลื่อนเปิดดูไอจีของคุณปูไข่ว่า คนไหนดี เหมือนเปิดแคตตาล็อก คุณเจี๊ยบเขาก็หาให้เรา พอเขาเลื่อนๆ ไป เขาก็เจอคนนี้ ดูการแต่งตัวว่าเข้ากับเราไหม ก็ดูได้อยู่ เพื่อนก็ตัดสินใจแทนเลย เขาก็ไปสืบว่าคนนี้ยังโสดไหม คุณปูไข่เขาก็เลยไปถามพี่โต้ง ว่าโสดไหม สรุปผู้ชายเขาก็ยังโสดอยู่ ก็เลยว่ากลับไป ขอนัดเจอกันหน่อย"
"มันไม่ได้เรียกว่าเป็นมรสุมหรอก แต่มันเป็นเหมือนอาถรรพ์ 7 ปี เป็นแบบนี้สองคนแล้ว พอถึง 7 ปีแล้วเลิก พอมาคนที่สามก็กลัวแล้ว กลัวว่าบวกไปเรื่อยๆ เราอายุ 50 แล้วจะไปหาสามีที่ไหน เราก็เลยพูดกับเขาไปตอนนั้น เพราะอยากให้เขาจริงจังกับเราจริงๆ"
"จริงๆ เราเป็นคนที่ชอบเด็กอยู่แล้วด้วยกันทั้งคู่ แต่ว่าโลกมันก็ค่อนข้างที่จะโหดร้ายช่วงนี้ โควิดเราก็ไม่รู้จะจบเมื่อไหร่ เราก็คาดการณ์และคาดหวังว่า อีกสัก 2 ปีถ้าโควิดมันดีขึ้น ก็อาจจะค่อยคิดอีกที แต่ถ้ามีตอนนี้ เราไม่อยากให้ลูกอยู่แต่ในบ้าน ใส่แต่หน้ากากแบบนี้ เราสงสารเด็ก"
ฝากผลงานละคร ?
"ฝากละคร เพลงบินใบงิ้ว กันด้วยนะคะ ต้องบอกว่า เข้มข้นทุกสัปดาห์จริงๆ ไม่อยากให้พลาดนะคะ ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ สามารถรับชมกันได้ เวลา 21.30 น. ค่ะ ทางช่องอมรินทร์ทีวี"
https://www.facebook.com/teeneedotcom