แอมป์ พีรวัศ เคลียร์ข่าวดราม่าความรักในอดีต-ถูกดาราหนุ่มแย่งแฟน
ปีที่แล้วไปขับรถส่งอาหาร?
แอมป์ : ใช่ครับ ช่วงนั้นโควิดมันรุนแรงมาก ทุกอย่างสะดุดหมด ธุรกิจมันปิดตัวลงเยอะพอสมควร ซึ่งตัวผมเองยังมีรายจ่ายที่ต้องจ่ายทุกเดือน แต่รายได้เราไม่มี เราก็เลยคิดว่าเราไปขับอันนี้ เพราะผมมีใบขับขี่สาธารณะของจักรยานยนต์ และอันนี้เป็นคนขับแท็กซี่ ผมทำไว้ตอนปี 2553
ทำไมถึงจริงจังขนาดนี้?
แอมป์ : โลกนี้ไม่มีอะไรจีรัง ยั่งยืน ทุกอาชีพไม่มีอะไรแน่นอน ทุกอย่างมีขึ้นมีลง สิ่งที่ผมคิดในวันนั้นคือ ถ้าวันนึงเราไม่ได้เป็นดารา นักแสดง หรือมีข่าวอะไรที่มันรุนแรงมากๆ จนทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่มีเงิน ผมก็คิดว่าเราทำอะไรดี ผมก็คิดว่า เราขับแท็กซี่ก็ได้นิ เพราะผมพูดภาษาอังกฤษได้ ผมขับรถเก่ง หรือเป็นวินมอเตอร์ไซค์ก็ได้
บางคนก็มองว่าเป็นถึงพระเอกตกอับหรือเปล่า?
แอมป์ : มีนะครับ พอเป็นข่าวก็มีคนที่ผมรักคือ พี่หนุ่มอนุวัฒน์ โทรมาเลย แอมป์มีปัญหาอะไรหรือเปล่า เดี๋ยวพี่โอนเงินให้ก่อนนะ ติดขัดอะไรหรือเปล่า ผมไม่ได้ติดขัดอะไรเลยครับ เงินเก็บก็มี แต่ผมมีรายจ่ายทุกวัน ลูก ภรรยาก็ต้องกินข้าว ต้องใช้เงิน ผมมองว่าแทนที่เราจะอยู่บ้านเฉยๆ ผมก็ใช้เวลาตี5 ถึงบ่ายโมงออกไปหาเงิน อย่างน้อย 600-1000 มีแน่นอน คือผมคิดว่าเราแค่เตรียมตัวไว้ในวันนั้น
แอมป์ : ผมไม่อายเลย ผมเคยขายพวงมาลัย ผมเป็นลูกพ่อค้า ที่บ้านขายสุนัข คุณพ่อสอนเรื่องอาชีพค้าขายมาตั้งแต่เด็ก ผมเป็นเด็กจตุจักร สะพานควาย ผมอยู่ในแวดวงของการค้าขายมาตลอด ผมมีเป้าหมายอย่างเดียวคือทำยังไงก็ได้ให้เป็นเงินต้องหาเงินให้ได้ ถ้าเรามีอวัยวะครบ 32 นะครับ ที่สำคัญใจคุณต้องสู้ครับ คุณไม่ต้องอายใคร สิ่งที่น่าอายที่สุดคือ คุณเดินไปแล้วขอยืมตังค์ อันนี้น่าอายมาก
ก่อนหน้านี้ดังมาก เล่นละครเย็นเรตติ้งสูงกว่าละครหลังข่าวอีก แต่ก็เจอสกัดดาวรุ่ง?
แอมป์ : มันเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว ในช่วงนึงก็มีดราม่านู้นนี่นั่นกับข่าวอันนี้ กำลังจะดีแล้ว ผมคิดในใจว่าเดี๋ยวสร้างบ้านให้ป๊า มันเหมือนคนกำลังจะถูกหวย แล้วคิดว่าจะเอาเงินไปใช้อะไรดี แล้วเหมือนทุกอย่างที่วางแผนไว้พังทลายหมดเลย
เกิดอะไรขึ้น?
แอมป์ : คือคร่าวๆ ผมมีข่าวกับนางเอกว่าเหมือนไปเป็นแฟนน้อง ซึ่งบอกตรงนี้เลยนะครับ ผมกับน้อง เป็นพี่น้องจริงๆ ทุกวันนี้ยังมีเล่นละครด้วยกัน เดี๋ยวจะทีเรื่องขวางทางปืน
ตอนนั้นคนเข้าใจผิดเยอะมาก ทำให้คนมองว่าเราเป็นคนผิด คนไม่ดี แล้วเราก็มีอาการขึ้นต่อหน้าสื่อบ่อยๆ?
แอมป์ : ใช่ คืออย่างนี้ผมไม่ได้เกิดมาเป็นพระเอก ผมเกิดมาเป็นลูกพ่อค้า ผมก็ไม่ใช่พระอิฐ พระปูน แล้วเราก็ไม่มีผู้จัดการส่วนตัว ไม่มีใครคอยดูแล ไม่มีใครคอยสะกิดว่าเราจะต้องตอบแบบนี้ อยู่หน้าสื่อเราต้องพูดแบบนี้ ผมจะเป็นจังหวะวัยรุ่น วันนั้นผมก็เด็ก แล้วไม่มีคนคอยดึงว่าอย่าพูดอย่างนี้ คือเรื่องนี้น่าจะเกิดขึ้น 7-8 ปีแล้วมั้งครับ
พอสื่อมาถามเรื่องนี้ปุ๊บ ปรี๊ดเลยเหรอ?
แอมป์ : ขึ้นเลย แล้วผมเป็นคนตรงไง พูดปุ๊บ ผมตอบเลย ไม่คิด ไม่มีจังหวะ ไม่มีน้ำเสียงที่รู้สึกว่ามันอบอุ่น ละมุน มันไม่เป็นแบบนั้นเลย ผมพูดด้วยความรู้สึก ประเด็นคือในวันนั้นเราจัดการกับสื่อไม่เป็น คนเห็นเราเป็นแบบนี้ แต้พอเราพูดเป็นอีกแบบนึง เห้ย...ไม่ใช่ ต้องโกหกแน่เลย ต้องแถแน่เลย อะไรประมาณนั้น แต่ผมก็เข้าใจแล้วว่า จะผิด จะถูก มันต้องเป็นกานจัดการอารมณ์
แอมป์ : สายแรกเลย คุณซี ศิวัฒน์ พี่ซีโทรมาบอกว่าแอมป์พอได้แล้วใจเย็นๆ อย่าคิดมาก ผมก็ขอบคุณพี่ซีมากๆ ที่วันนั้นเตือนสติ เสร็จปุ๊บก็มีผู้หญ่อีกหลายท่านโทรมาบอกว่าหยุดได้แล้ว คุณเป็นอะไร ผมก็บอกว่าไม่ได้เป็นอะไร ผมแค่อยากบอกให้คนรู้ว่าเรื่องจริงมันเป็นยังไง
พอจะจำได้ไหม ตอนนั้นเราพูดอะไรออกสื่อไปบ้าง?
แอมป์ : มันเยอะไปหมดเลย แบบพี่จริงๆ ผมไม่ได้ทำ จริงๆ ผมเป็นเพื่อนกับแม่น้องเขา แล้วผมถามจริงๆ พี่ถ้าพี่เป็นเพื่อนผม ผมกล้าเอาลูกพี่ไหม วันนั้นผมก็เป็นเด็ก ผมพูดแบบนี้ด้วยความที่รู้สึกว่า เห้ย...ใจทำทำด้วยอะไร ถ้าคนทำอย่างนี้ได้ มันไม่น่าคบแล้ว พอเรื่องราวที่มันผ่านมา มันทำให้เราโตขึ้น เราเข้าใจแล้ว จะถูกจะผิดมันไม่ต้องอะไรหรอกเพราะความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคน แต่พอเป็นเรื่องของคนส่วนรวมแล้ว แล้วเราเอาอารมณ์ไปใส่อีก กลายเป็นระเบิดระเบ่อ สนุกสนาน
ตอนนั้นมีผลกระทบเรื่องงานไหม?
แอมป์ : มีครับ ก็งานอย่างโชว์ตัว งานที่วางไว้ จองไว้ก็โดนแคนเซิล งานพรีเซ็นเตอร์ก็มีเยอะมากๆ
ราวๆ 50 ล้าน?
แอมป์ : อันนี้ดุไป
40 ล้าน?
แอมป์ : มันมีหลายตัวมาก มันเยอะมาก ทุกอย่างรุม พอมีข่าวปุ๊บ ทุกอย่างเหมือเบรกหมด 1 เดือนคือแบบ ปึ้ง ผมงงเลย วันนั้นเสียใจ ทางลูกค้าบอกว่าพี่ต้องขอโทษด้วยนะ ข่าวในภาพลักษณ์ของเรามันลบมาก ผมก็บอกว่าไม่เป็สไรครับ ผมเข้าใจ ผมก็คิดว่าโอเคไม่เป็นไร เริ่มใหม่ เพราะผมไม่ได้กลัวการเริ่มใหม่
แอมป์ : ผมร้องไห้เสียใจ คือผมไม่ได้เสียใจที่ผมไม่ได้เงิน ผมเสียใจว่าเราจะไปบอกคนอื่นว่าเราเป็นคนอย่างนี้ยังไง ผมว่าคนเสพก็คืออยากรู้ในสิ่งที่เขาอยากฟัง พอเราเสิร์ฟในสิ่งที่เขาไม่อยากฟังก็เหมือนกับแก้ตัว วันนั้นกลับบ้านไปเสียใจมาก วันนั้นเหมือนโดนรุมทำร้ายทุกคนก็เข้ามาว่า แล้ววันนั้นเราจัดการอารมณ์ไม่เป็น เราเคลียร์ไม่ได้ หน้าหมอง จิตตก แต่พอมันผ่านเรื่องราวร้ายๆ แบบนี้ วันนี้ผมเข้มแข็งมาก ถ้ามีคนว่าเรา เรามาพิจารณานะว่าสิ่งนี้เราเป็นไหม ถ้าเราเป็น เราแก้ไข ปรับปรุง ปรับเปี่ยน แต่ถ้าสิ่งที่เขาพูดมาเราไม่ได้เป็นก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ มันก็จะไม่เกิดการเสียใจหรือผิดหวัง หรือคาดหวัง
เราเดินผ่านจึดดราม่ามาได้ยังไง?
แอมป์ : มันเป็นเรื่องความรักของคนสองคน ผมก็เคลียร์กับเขาแบบดี จบ มันเกิดจากความรักนั่นแหละ แต่มันไม่เข้าใจกัน ก็เลยแยกกัน แล้วที่มันข้ามมา มันก็เงียบไปเรื่อย เงียบไปเลย มันไม่ได้มีแก้ตัว แก้ข่าวอะไร ให้มันเป็นเรื่องจบไป วันนั้นที่คิดคือสงสัยเป็นเจ้ากรรม นายเวรเรา ก็ใช้กันให้หมด ผมก็ถือว่ามันเป็นเรื่องของธรรมะไป
บทเรียนที่เราได้จากเรื่องนี้?
แอมป์ : ผมได้รู้ว่าการจัดการอารมณ์สำคัญ ไม่ว่าคุณจะเจอเรื่องร้ายหรือเรื่องไม่ดีขนาดไหนคุณต้องตั้งสติ วันนั้นผมไม่มีสติจริงๆ ผมพูดจากความรู้สึก แล้วพอพูดออกมามันก็กลายเป็นคนเสียสติ แต่ตอนนี้ถ้ามีข่าวอะไรอีกผมก็ไม่เป็นแบบนั้นแล้ว เพราะผมเข้าใจโลก วันนั้นเรายังโตไม่พอ
สมัยก่อนเจ้าชู้ไหม?
แอมป์ : ก็ไม่นะ ถ้าสมมติใครดูอยู่แล้วผมไปทำให้เสียใจก็อโหสิให้ผมด้วยนะ
ในความคิดคุณความเจ้าชู้เป็นยังไง?
แอมป์ : จีบหลายคนในครั้งเดียว อาจจะคบหลายคนในครั้งเดียวในวันที่เราเป็นเด็กเราไม่รู้ แต่พอวันนึงผมเคยโดนแบบใจสลายเลย หมายถึงว่าปมเคยโดนหักอกที่มันดาวน์มาก จนแบบใจจะขาด
คุณไปโดนใครสวมเขามา?
แอมป์ : ผมเคยมีแฟนคนนึง คบเขาแล้วมีคนอื่นไปเรื่อย เรียกว่าเป็นของตายดีกว่า
แอมป์ : เป็นสิบเลยอะ ในตอนเย็น
สาวคนที่บอกว่าเป็นของตายคนในหรือนอกวงการ?
แอมป์ : นอกวงการครับ ผมคิดว่ายังไงเขาก็รักเรา ผมใช้คำนี้ดีกว่า คำว่าของตายของใครหลายๆ คนจะรู้สึกว่าจะทำยังไงก็ได้เขาก็รักเรา ยังไงเขาก็อยู่รอเรา ผมคิดอย่างนั้นในวันนั้น แล้วมีอยู่วันนึงอยู่ดีๆ ผมก็ตามหาไม่ได้เลย ตามไม่เจอเลย ผมหงุดหงิด รอยันเช้า มันคือข้ามวันเลย เสร็จปุ๊บยามวอล์มาเลย พี่แอมป์มาแล้ว ผมก็วิ่งลงไปเปิดประตูรถฝั่งคนขับ เออ..หล่อดี วันนั้นใจผมสลาย มันเหมือนขวดน้ำที่โดนบีบ
แฟนคุณอยู่ในรถด้วยไหม แล้วเขาทำยังไง?
แอมป์ : เขานั่งอยู่ เขายังไม่ลง แต่พอผู้ชายคนนี้ลงมา เขาก็เหมือนพยายามจะลงมา เพราะเพื่อนผมล้อมไว้หมดแล้ว คือคนแถวนั้นเขารักเรา เขาก็เป็นห่วงเราว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น
ตอนนั้นแฟนทำยังไง?
แอมป์ : อึ้ง ผมก็ขึ้นไปเก็บของออกจากห้องเขา ก็จบวันนั้นเลย วันนั้นออกมาหัวทิ่ม หัวตำเลย แต่ก็ต้องขอบคุณเขานะครับที่หล่อหลอม ทำให้ผมเป็นคนคนนี้ผมเข้าใจแล้วครับว่าการที่คนโดนแบบนี้มันน่าสงสาร มันใจสลายเหมือนจะขาดใจตาย มันเสียใจมาก แล้วผมจะไม่ทำกับใครอีก
แต่คุณก็ต้องเจอกับคู่นี้เรื่อยๆ ผู้ชายคนนี้ตอนนี้ยังอยู่ในวงการไหม?
แอมป์ : ยังอยู่ๆ แต่มั่นใจได้เลยว่าผมจะไม่เอ่ยชื่อออกมา ขอบคุณจริงๆ ขอบคุณมากๆ เขาก็ยังรักกันดี และอยู่กันดี
ปัจจุบันนี้คู่นี้เขาแต่งงานกันแล้วด้วย?
แอมป์ : ครับ เคยเจอตามงานนานมากแล้ว ผมก็ครับ สวัสดีครับ เพราะเราโตมาแล้ว เรื่องแบบนี้อะไรที่มันผ่านไปเราก็จะปล่อยผ่านไป บาดแผลเป็นสิ่งที่ทำให้เราแข็งเกร่งขึ้น เรื่องราวแบบนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นกับเราอีก เพราะเราจะพัฒนาตัวเอง ทำในสิ่งที่คนอื่นบอกว่าอันนี้ไม่ดี ไม่ถูกต้อง
แอมป์ : คือวันนั้นผมไปทำงาน เขาไปเที่ยวก็ไปเจอกันบนเครื่องบิน สเปคผม ผมชอบคนพูดภาษาไทยไม่ได้ เพราะเวลาเราพาเขาไปไหนเขาจะตื่นเต้น คือผมชอบต่างชาติ
เจอเขาครั้งแรกเข้าไปคุยเลยไหม?
แอมป์ : คุยครับ แว๊บแรกผมคิดในใจต่างชาติแน่เลย เรานั่งข้างกัน ผมก็เลยลองถามว่ามีลูกอมไหมครับ เขางงมาก แล้วบอกว่าไม่มี อ่าว...คนไทย ผ่านไปชั่วโมงนึงลงเครื่องก็แยกย้าย แต่ขากลับเจอกันอีก ผมก็อ้าวเลย แต่วันก่อนแบบทำไมไม่ขอเบอร์ พอมาเจอกันอีก ผมก็ถามเลยบ้านอยู่ไหน สรุปอยู่ใกล้กันอีก ไปดูหนังไหม พอไปดูหนังกฌไม่ได้อะไร แยกย้ายกันกลับบ้าน อันนั้นถือเป็นเดทแรก คือบางสิ่ง บางอย่างถ้าเราไม่เริ่ม ไม่นับ1 มันก็ไม่มี 2,3,4,5 คือผมปักธงตัวเองไว้ว่าผมอยากมีลูกแล้ว พอเราผ่านความผิดหวังมาแล้ว คนต่อไปผมต้องแต่งงานเลย
มันก็มีข่าวว่าคุณคบไม่เท่าไหร่ ภรรยาคุณท้อง?
แอมป์ : 1.เรามุ่งมั่นตั้งใจแล้วว่าเราจะสร้างครอบครัว แล้วคำว่าพร้อมเนี่ยปมบอกเลยว่าไม่มีในโลกนี้ ถ้าคุณกำลังลังเลว่าเดี๋ยวเราจะมีเงินเก็บให้ลูกสัก 10 ล้านแล้วค่อยมีลูก หรือเราจะมีบ้านใหญ่ๆ แล้วค่อยมีลูก ไม่มีวันนั้นครับ ผมก็ไม่พร้อม แต่ว่าถ้าคุณพร้อมที่จะเริ่มต้น ความพร้อมจะค่อยๆ มาระหว่างทาง พอเราทุ่งมั่นผมก็คุยกับภรรยาว่าพร้อมไหม โอเคไหม เขาก็บอกว่าอยากมี ผมก็พาไปตรวจที่โรงพยาบาล ก็มาเลย
ตอนนั้นจัดงานแต่งยัง?
แอมป์ : ยังไม่ได้จัด แค่คบกันเฉยๆ แต่ก็คุยกันว่าเราตะอย่างนี้ แล้วพอเราเริ่มปุ๊บผมไปจดทะเบียนสมรสเลย
จดก่อนที่ข่าวจะออกว่าท้อง?
แอมป์ : จดก่อนอยู่แล้ว ในวันนั้นผมคิดแค่ว่าเงินที่จัดงานแต่ง ผมเอาไว้ส่งลูกเรียน หรือเดาไว้เป็นค่าผ่าคลอด ผมก็บอกภรรยาว่าถ้าเราพร้อมเดี๋ยวเราจัดดีๆ สักทีนึง เรียกเพื่อนฝูง เรียกคนที่เรารักมางานเล็กๆ ของเรา เราไม่ได้ต้องการซอง ไม่ต้องเรียกแขกอะไร ในวันนั้นผมคิดแบบนี้พอมันติดผมก็ประกาศว่าผมมีภรรยา กำลังจะมีลูกแล้ว
แอมป์ : มันเป็นความคิดส่วนตัวของผมเอง ผมมองว่าเด็กเขาไม่รู้หรอกว่าเขาอยากเป็นอะไร ปล่อยให้เด็กเขามีจินตนาการไปเลย ปมก็ไม่ไม่ห้าม เขาอยากเป็นอะไร อยากเล่นอะไร อยากดูอะไร ผมปล่อยเลย
ก็มีคนเข้ามาติดตามเรา แล้วบอกว่าเราเลี้ยงลูกไม่ถูกวิธีหรือเปล่า?
แอมป์ : จริงๆ วิธีของผมก็อาจจะไม่ถูก หรือวิธีของคุณอาจจะถูก หรือว่าของใครก็แล้วแต่ อย่าไปเปรียบเทียบกันเลย เลี้ยงให้เป็นธรรมชาติครับ เพราะลูกจะเป็นใครอยู่ที่คุณทำ ถ้าคุณเป็นคนยังไง ลูกคุณเป็นคนแบบนั้น เขาใช้พฤติกรรมเลียนแบบ แล้วไม่มีสูจน์สำเร็จ ไม่มีคำภีร์ไหนที่บอกว่าต้องเลี้ยงลูกแบบนี้
เห็นว่าอยากมีลูกคนต่อไป แต่แท้งถึง 3 ครั้งแล้ว?
แอมป์ : ครับผม ผมมองในตัวผมเองอาจจะเป็นเพราะว่าโครโมโซมมันไม่ครบ ทุกอย่างมันไม่ดี ธรรมชาติขับออก ผมมองไปในเรื่องนี้ คุณแม่เขาก็เสียใจ ครั้งแรก ครั้งสองไม่ได้อยู่ด้วย แต่ครั้งที่สาม อยู่ด้วยกัน คือถ้าได้เห็นภาพนั้นคุณจะเข้าใจเลยว่าสงสารผู้หญิง คือออกมาเป็นกลมๆ เลย
VV
V
https://www.facebook.com/teeneedotcom