น้อยคนจะรู้2นางเอกดังคบกันมานาน21ปี เปิดความลับที่ไม่เคยพูดที่ไหน
สองคนนี้เป็นเพื่อนกันมา 21 ปี?
แตงโม : "ใช่ค่ะๆ เราเรียน ม.ต้น ม.ปลาย"
สองคนนี้เรียนห้องเดียวกัน?
พิ้งกี้ : "ใช่ค่ะ ตอนนั้นหนูเข้าวงการแล้ว ส่วนโมจะเริ่มตอน ม.ปลาย"
แตงโม : "โมเริ่มประกวดมิสทีนไทยแลนด์ ก่อนหน้านั้นเราก็จะอยู่แบบคลาสร้องเพลง เราเรียนร้องเพลงมาด้วยกัน มีพี่บิ๊ก D2B ด้วย"
พิ้งกี้ : "เราเป็นเด็กกิจกรรม เวลาโรงเรียนมีประกวดอะไร อาจารย์ก็จะส่งพวกเราไปร้องเพลง"
สองคนนี้สนิทกันมาก แต่คาแร็กเตอร์แตกต่างโดยสิ้นเชิง?
แตงโม : "กี้เป็นคนเรียบร้อย กี้เป็นเด็กเรียน และเป็นเด็กขี้อาย กระเป๋านักเรียนของกี้ใหญ่มาก แต่ของโมคือแบน โมจัดตารางสอน แต่กี้ไม่เคยเอาหนังสือออกเลย"
พิ้งกี้ : "เป็นคนจัดตารางสอนอยู่แหละ แต่เป็นคนเผื่อเหลือ เผื่อขาด แล้วเวลาไปใส่กระโปรงยาวมาก จำได้ว่าโมสอนกี้ให้พับกระโปรง แต่เราก็ไม่มั่นใจ ปล่อยไปแบบนั้นแหละ คือเป็นเด็กเรียบร้อย"
ตอนนั้นให้เพื่อนพับกระโปรงเพื่ออะไร?
แตงโม : "มันจะได้ดูสั้นขึ้น ไม่ป้า แต่นี่ป้ามาก"
มันผิดกฎโรงเรียน?
แตงโม : "ผิดคะ จริงๆ มันผิดตั้งแต่สั้นครึ่งเข่าแล้ว ของกี้พับได้ไม่เป็นทรงหรอก พับไป พับมายู่ยี้ ส่วนเราเป็นตัวแทนหมู่บ้าน แล้วกี้เรียนฟรีทั้งครอบครัว เป็นเด็กดี"
พิ้งกี้ : "เป็นเด็กกิจกรรม"
แตงโม : "คนไหนที่เขารู้สึกว่าเป็นหน้าเป็นตาให้กับโรงเรียน จะได้ทุนเรียนฟรี แต่เรายังไม่ได้เรียนฟรี เพราะตอนนั้นโมยังไม่ได้มีงานแสดง โมยังเป็นเน็ตไอดอลอยู่"
แตงโม : "นานแล้ว"
ตอนนั้นที่เรียนด้วยกันใครฮอตกว่ากัน?
พิ้งกี้ : "ดูหน้าสิ คนนี้เลย ฮอตมาก จำได้ว่าไปเรียน โมเดินมาทุกคนต้องหันไปมอง เขาเป็นสาวหมวยที่แบบผิวขาว ผู้ชายในโรงเรียนจะต้องหันมามอง ส่วนเราไม่มีใครมอง"
แตงโม : "มีคนชอบเขา แต่เขาทำเบลอ 1 อาทิตย์มี 5 วันที่เราต้องเรียน พิ้งกี้จะมา 2 วันบ้าง อาทิตย์นึงมาวันเดียวบ้าง แต่ด้วยความอัจฉริยะของเขา เขาสอบได้ที่ 1 ตลอด"
มันต่างกันขนาดนี้ สนิทกันได้ยังไง?
แตงโม : "เราสนิทกันตอนที่ทำกิจกรรมเกี่ยวกับเรื่องร้องเพลง ตอนนั้นคนน้อยที่จะเรียน มันเป็นวันเสาร์ เวลาคาบเช้า เราก็จะคุยเล่นกันตามภาษาชะนี กับเพื่อนผู้ชายคงคุยไม่รู้เรื่อง"
แต่สนิทกันมากขึ้นตอนที้พิ้งกี้มานอนบ้านแตงโม?
พิ้งกี้ : "แตงโมนอนบ้านฉัน"
มันมีความลับอยู่อันนึงที่แตงโมไปนอนบ้านพิ้งกี้ จนทุกวันนี้พิ้งกี้ไม่รู้ความลับนั้นเลย?
แตงโม : "ไม่ได้เหตุผลนั้นสักหน่อย แต่โมคิดว่ากี้รู้ แม่กี้ก็รู้"
โมเขาเป็นแฟนกับพี่เรา รู้ไหม?
พิ้งกี้ : "เหมือนมีข่าวสะพัดในตอนนั้น แต่ไม่เชื่อ จริงเหรอ โมจะคบกับพี่ชายเราได้ยังไง"
แตงโม : "เพราะอายุต่างกันมาก พี่ชายคนโตอ่ะ"
ตอนนั้นเป็นแฟนกับพี่ชายพิ้งกี้จริงหรือเปล่า?
แตงโม : "ไม่ถึงขั้นเป็นแฟน แต่คุย มีวันนึงไปเที่ยวเจอกัน คือเที่ยวในกลุ่มรู้จักกัน ช่วงนั้นโตแล้วล่ะ ก็ได้ยินมาว่าเขาซ่อมคอมได้ พอดีบ้านเราคอมเสีย เราก็แบบเธอมาช่วยซ่อมให้หน่อยสิ ก็มีไปเที่ยวด้วยกันเยอะเหมือนกันนะคะ แล้วก็มาบ้าน 2-3 ครั้งเอง แล้วมีโมไปบ้านกี้"
ถามจริงกี้รู้ไหม?
พิ้งกี้ : "ฉันรู้ แต่พอไม่ได้เจอโมพี่พวกนั้นมาบอกว่ารู้ไหมว่าเคยคบกับโม ตอนไหน แต่ถ้าถามว่ารู้สึกยังไง ก็บอกแล้วว่าเขาฮอตจริงๆ ผู้ชายทุกคนหลงเขา ชอบเขา เพราะเขาสวย เมื่อก่อนเขาน่ารักมาก"
เห็นว่าพอโมมาที่บ้าน กี้อยู่ พี่กานต์อยู่ เขาจะทำเป็นไม่รู้จักกัน?
แตงโม : "ใช่"
พิ้งกี้ : "อันนี้โง่ ไม่รู้"
แตงโม : "หรือว่าไปแล้วไม่เจอพี่เขาสักอย่าง คือโมตั้งใจไปนอนกับกี้ เพราะว่ากี้มีแมว"
พิ้งกี้ : "เราไม่หวง ไม่ห่วงพี่ชายเลย ถ้าตอนนั้นรู้จะไปบ้านโมแทน ห่วงเพื่อนมาก เราอยู่กับเพื่อน เรารักโมมาก"
ทำไมตอนนั้นโมไม่บอกกี้?
แตงโม : "กลัวเสียเพื่อน"
พิ้งกี้ : "เราสองคนผ่านเรื่องเพื่อนมาเยอะเนอะ"
แตงโม : "เคยเล่น 2-3 เรื่อง"
พิ้งกี้ : "สมัยก่อนเคยเล่นด้วยกันเรื่องนึง แต่เหมือนไม่ได้เล่นด้วยกัน เพราะไม่เจอกันเลย"
แตงโม : "นานๆ จะเจอกันที เพราะจะเป็นคนละบ้านกัน"
แต่ได้มาเล่นจริงๆ ที่ช่องวัน?
พิ้งกี้ : "เกือบ 4 ปี"
แตงโม : "ตอนนั้นเรื่อง เมืองมายา ไลฟ์ ที่เราพร้อมถ่ายสดกันเลย"
พิ้งกี้ : "เรื่องนี้เกือบต้องไปเช็กลำไส้"
แตงโม : "โมผิดคิวกับกี้ กี้ลงไปกลิ้งกับพื้น"
พิ้งกี้ : "กระแทก อันนี้เหมือนจะตายเลย คือโต๊ะมันอยู่สูงแล้วกี้ก็ตกลงมาพร้อมโต๊ะ"
สองคนสนิทกันขนาดนี้เวลาเข้าฉากต้องตบกัน มันทำใจ ทำอารมณ์ยังไง?
แตงโม : "มันก็ไม่ยาก"
พิ้งกี้ : "คือเรามองหน้ากัน เหมือนเรารู้ใจกัน"
แตงโม : "การเล่นละครคือการแสดง"
ความรักทั้งคู่เป็นยังไงบ้าง?
แตงโม : "ดี แฮปปี้มาก เขาชื่อ คุณเบิร์ด คบกันปีกว่าแล้ว เขาเป็นผู้ชายที่อ่อนน้อมถ่อมตน เขาเป็นคนมีจิตใจเมตตา เอ็นดูคน สงสารคน รักครอบครัว เป็นผู้นำที่ดี สำหรับโม โมชอบผู้ชายผมยาวแล้วตาหวานยิ้มสวย ตาเจ้าเล่ห์ แบบตาเจ้าชู้ เซอร์ๆ หน่อย"
ตั้งแต่โมคบคนนี้ชีวิตโมมีความสดใส ร่าเริงขึ้นเยอะเลย?
แตงโม : "ใช่ มีแต่คนทัก คุณเบิร์ดนี่แหละขุดโมขึ้นมาจากเตียง ตอนที่ป่วยมากๆ"
พิ้งกี้ : "ก็ไม่มีคนเข้ามาแล้วกัน แต่ว่ามีคนจีบแล้วกัน"
เห็นแม่เล่าให้ฟังว่าเวลามีคนมาจีบกี้ กี้จะบอกว่ามีแฟนแล้ว?
พิ้งกี้ : "ใช่ค่ะ เบลอใส่ เหมือนที่โมบอก เดี๋ยวนี้มีคนฝากมาขอเบอร์ พอเราเห็นก็บอกว่า บอกเขาไปเลยพี่ว่าหนูมีแฟนแล้ว หรือว่ามีคน DM มาแบบอยากจีบ แล้วหนูก็จะไม่อ่านก็คือเบลอใส่ เป็นคนแบบถ้าเราไม่ได้เลือกเองเราจะเบลอ"
พิ้งกี้ : "ไม่เลย เรามุ่งกับเรื่องงาน คือมันเสียเวลานะ ถ้าเกิดมันไม่ใช่ แล้วหนูรู้สึกไม่ได้รีบ เวลาคือเดินไป แต่ตัวเราไม่ได้รีบร้อน"
เห็นเพื่อนมีความสุขกับความรัก ลึกๆ มีความอิจฉาไหม?
พิ้งกี้ : "ไม่เลยแฮปปี้แทนเพื่อนมาก แล้วเราเห็นเอนนาจี้ของเพื่อนเวลาถ่ายลงอินสตาแกรม แล้วแบบ เห้ย...เพื่อนเรามีความสุข เราแบบมีความสุขแทนเพื่อน"
มันเหมือนเราเข็ดกับเรื่องความรักด้วยไหม?
พิ้งกี้ : "ไม่ค่ะ หนูเชื่อนะยิ่งประสบเจอเร็ว ยิ่งเก็ทเร็ว เราผ่านการเรียนรู้หลายๆ ขั้น ในวัย 28-29-30 ถือว่าไวมาก แล้วตอนนี้หนู 35 ซึ่งันเป็นจุดสตาร์จของเพื่อนๆ หลายคนที่เพิ่งเริ่มแต่งงานด้วยซ้ำ ซึ่งถือว่าสบาย"
แสดงว่าสมัยก่อนไม่ได้แฮปปี้ แต่ก็ไม่เสียใจที่ผ่านมันมา?
แตงโม : "ใช่ค่ะ รู้สึกขอบคุณมากกว่า เพราะว่าถ้าไม่มีวันนั้น ไม่มีคนคนนั้น ก็ไม่มีโมวันนี้ที่จะรักเป็นมากขึ้น"
รักเป็นของโมคืออะไร?
แตงโม : "คือรักที่ไม่หวังจะครอบครอง อย่าเอาความหวังไปฝากที่เขา แล้วก็ให้เกียรติซึ่งกันและกัน"
ทั้งสองคนยังไม่คิดว่าการแต่งงานจะสำคัญกับตัวเองในช่วงนี้?
แตงโม : "ใช่ค่ะ ไม่คิดเลย"
ถ้าเบิร์ดคุกเข่าพรุ่งนี้แต่งไหม?
แตงโม : "หนูแต่ง แต่ไม่มีงานให้จัดนะคะ หนูก็จะแต่งกันเงียบๆ 2 คน"
พิ้งกี้ : "คำว่าแต่งงาน มันเป็นแค่คำจำกัดความเฉยๆ เราเชื่อว่าความรักมันเกิดขึ้นได้ แต่ความเข้าใจคนที่อยู่ข้างๆ สำคัญที่สุดเลยคือชีวิตเรามันยังเดินทางอีกยาวไกล บอกสาวๆ เลยว่า ถ้าวันนี้เราไม่สามารถประคองตัวเอง มีความแข็งแกร่งในตัวเอง เราจะไม่สามารถหาคู่ได้ที่เราจะไปซัพพอร์ตดูแลกันและกัน"
คู่ที่เราอยากได้ต้องเป็นแบบไหน?
พิ้งกี้ : "ต้องการคนสบายๆ แต่ขอผู้ใหญ่กว่า แบบสบายๆ ทำอะไรก็ได้ อยู่กับธรรมชาติที่สุด ไม่ปรุงแต่ง เพราะชีวิตเราเรียบง่าย เอาให้มันอยู่ในความสมดุลของธรรมชาติสุด"
พิ้งกี้ : "มันต้องเจอสิ"
แสดงว่าชีวิตจะไม่มีทางโสด?
พิ้งกี้ : "บ้าเหรอ ใครจะโสดไปถึง 40-50"
แต่แม่เราอยากให้เรารีบแต่งงาน?
พิ้งกี้ : "แม่ไม่ได้บังคับ ไม่ได้อะไร ปล่อยไปตามวิถีชีวิต แต่แม่บอกว่าปีหน้าแม่นัดหมอไว้แล้ว เก็บไข่ แม่อยากมี แต่แม่เป็นคนไม่ก้าวก่ายชีวิตเลย แม่แบบลูกเผื่อไว้ อนาคตไม่แน่นอนนะ เก็บไว้หมอนี้ดี"
โมอยากมีลูกไหม?
แตงโม : "ณ ตอนนี้คือไม่พร้อมเลย เพราะว่าโมเลี้ยงอีสเตอร์ ถามว่าอยากฝากไข่ไหม ก็สนใจนะคะ อนาคตคิดว่าน่าจะอยากมี เพราะว่า อีสเตอร์ ก็อยากมีน้อง"
คนที่มาจีบตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?
พิ้งกี้ : "คนที่เข้ามาอยู่ใน DM เราก็เข้าไปดูโปร์ไฟล์ เขียนมาซะยาวเลย เป็นภาษาอังกฤษ เราก็ไม่ตอบ"
แตงโม : "ของกี้เป็นหรือเปล่าไม่รู้ ส่วนใหญ่เป็นคนเกาหลี ฮ่องกง จีน เป็นทหาร คือเยอะมากที่แปลกๆ"
พิ้งกี้ : "พวกนั้นก็มี พวกนั้นแยกไป แต่อันนี้ไม่รู้ว่าเป็นใคร น่าจะเป็นนักธุรกิจ"
เพื่อนแนะนำเพื่อนมีไหม?
พิ้งกี้ : "เพื่อนไม่ยุ่ง เพราะเพื่อนแต่งงานมีลูกแล้ว แต่จะมีแบบใครก็ไม่รู้ แบบพี่เคยรู้จัก เคยเจอน้อง เราก็หม่ได้สนิทกับเขามาก เออ...มีเพื่อนพี่เขาอยากจีบน้อง พอจะเปิดใจไหม พอเขาบอกใครอะพี่ อ่อหนูมีแฟนแล้วค่ะ"
วันนี้โสดหรือไม่โสด?
พิ้งกี้ : "โสดค่ะ"
พิ้งกี้ : "ไลฟ์ขายของมา 6 เดือนเอง จริงๆ มันเริ่มจากเราว่าง เพราะว่าโควิด มันไม่มีอะไรเลย มันเริ่มจากอยู่บ้านก่อน ดื่มชา แล้วขายไปมันเกิดจากของวินเทจที่หนูสะสม แล้วมันก็ขยายไปเป็นของอื่นๆ เริ่มต้นขายไม่ได้คิดอะไร เมื่อประมาณ 6-7 เดือนที่แล้ว แต่ก็ทำไปเรื่อยๆ ทำไปทุกวันจนกระทั่งวันนี้มันเติบโตขึ้น"
ตอนแรกเราคาดหวังไหม?
พิ้งกี่ : "อันนี้เป็นน้ำหอมที่มีอยู่ หนูเป็นคนสะสมน้ำหอม หนูเอาที่มีอยู่ก่อน แล้วหนูค่อย้อาของคนอืานบ้าง แล้วค่อยขยายเป็นของเยอะ เวลาหนูมีวันว่างหนูไม่ปล่อยให้มันว่าง หนูก็จะไลฟ์ขายทุกอย่าง ตอนนี้ขายขนมญี่ปุ่น เกาหลี ที่หาที่เมืองไทยไม่ได้ แล้วมันค่อยๆ มีแสง มีระบบขึ้นมา จากไม่มีอะไรเลย จนวันนี้มันเริ่มมีระบบดูด"
สมัยก่อนแค่เอามือถือตั้ง แล้วตอนนี้มีทีมงานกี่คน?
พิ้งกี้ : "ใช่ค่ะ ตอนนี้ทีมงานก็เริ่มเป็น 2-3 คนขึ้น เมื่อก่อนหนูแพ็คเอง เขียนเอง เมื่อก่อนมันไม่มีแปะใช่ป่ะ หนูเขียนเอง ทำทุกอย่างเองกับน้องอีกคน แล้วหนูรู้สึกว่าทำไมมันเหนื่อยขนาดนี้ ปกติถ่ายละครเหนื่อยแล้วนะ แต่นี้มันเหนื่อย แล้วพอเรารู้สึกว่าเราทำเองทุกขั้นตอน แล้ววันนี้เราบอกว่ากว่าเขาจะเติบโตในการค้าขายมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย"
ไลฟ์นานสุดกี่ชั่วโมง?
พิ้งกี้ : "ช่วงแรกๆ หนูไลฟ์ 6 ชั่วโมง ตั้งแต่ 22.00-02.00 น. แล้วหนูก็ไลฟ์ แล้วแฟนๆ ก็บอกแม่อย่าเพิ่งไป อยู่กันก่อน"
แล้วรายได้มันดีจริงๆ ใช่ไหม?
พิ้งกี้ : "จริงๆ รายได้หนูไม่ได้เท่ากับคนอื่นที่เขาขายจริงจัง หนูเป็นแบบพอมี พอไปเรื่อยๆ เท่าที่เห็นหนูไม่เคยบูทโพสต์เลย เพราะฉะนั้นคนที่เข้ามาจะเป็นฐานแฟนทั้งหมด ก็จะได้เงินจากส่วนที่เห็น ไม่ได้เป็นโรงงาน"
ตอนนี้เปิดบริษัท เข่าตึกเลย?
พิ้งกี้ : "เช่าตึกเพราเว่าเก็บของไง มีน้องแอเมิน จริงๆ ตอนนี้ต้องขยายอีก เพราะของมันมีอยู่เยอะ แล้วหนูก็ไลฟ์ในนั้นเลย"
ถ้ามันดีขนาดนี้ วันนึงจะเลิกเล่นละคร ขายของไลฟ์อย่างเดียว?
พิ้งกี้ : "มีคนบอกว่าพิ้งกี้จะลาออกจากวงการไปขายของ หนูก็เลยบอกว่าบางคนทำอาชีพเดียวไม่พอ เราต้องเป็นมนุษย์ 10 อาชีพ เป็นแม่ค้า เป็นดารา เป็นนักร้อง เป็นทุกอย่าง คือจะบอกว่าอย่าปล่อยวันว่าง ถ้าเราว่างต้องหาอะไรทำที่มีประโยชน์"
แตงโมก็ขายของเหมือรกัน มีคนบอกว่าแตงโมไม่มีงานเลยมาขาย?
แตงโม : "ไม่เกี่ยวกับงานเลย การออกไปเป็นแม่ค้าเนี่ย โมว่ามันเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับคนอื่นด้วยซ้ำ ที่เขาไม่มีหนทางในการทำงานยุคนี้ สถานการณ์แบบนี้ คือลงไปอยากจะให้เป็นแรงบันดาลใจของคนอื่น แต่ว่าข่าวที่ออกมา มันค่อนข้างที่จะพาดหัวแรงไปนิดนึง แล้วก็เราได่คุยกับทางที่เขาพาดหัวมาแล้ว เขาก็ได้ขอโทษกันมาแล้ว ของหนูขายเน้นเป็นเสื้อผ้าแล้าก็เครื่องประดับ"
https://www.facebook.com/teeneedotcom