พระเอกดังเผย กว่าจะเป็นดาวรุ่งไม่ง่าย สู้แต่เด็ก-ทำงานทุกอย่าง
เส้นทางนักธุรกิจน้อย
"ที่บ้านอินมีวิธีการสอนที่ค่อนข้างโหดในเรื่องการทำงานหาเงิน คือท่านเลี้ยงดีมากนะ ซัพพอร์ตทุกอย่าง แต่พอจบชั้นม.6 ป๊ากับแม่ให้เงินมาก้อนหนึ่งแล้วบอกว่าจากนี้จะให้เฉพาะค่าเทอมกับค่าน้ำมันรถเท่านั้น อื่นๆต้องหาเอง ตอนนั้นอินงอแงมาก ตั้งคำถามบ่อยๆว่า ‘ทำไมต้องเป็นคนเดียวในหมู่เพื่อนที่ต้องหาสตางค์เอง' แต่ไม่เคยได้รับคำตอบ (หัวเราะ) ที่จริงอินไม่ใช่คนแรกของบ้านหรอก เพราะพี่สาวที่โตกว่า 4 ปีก็เคยผ่านจุดนี้มาก่อน แต่เขาขยันทำงานมาก ไม่เคยบ่นอะไร ตอนนั้นจึงรู้สึกเหมือนคนไม่มีพวก
"ผ่านไปสักพักได้รับการชวนไปเป็นดีเจที่คลื่น GET 102.5 จัดรายการทุกวันจันทร์- พุธ ตั้งแต่ 4 โมงถึง 1 ทุ่ม ได้ชั่วโมงละ 700 บาท ถามว่าเงินพอใช้ไหม ก็พอนะ แต่เราก็อยากได้อยากมีเหมือนเพื่อน เวลาใครขับรถคันใหม่ อินที่ ยังต้องขับรถตู้คันเก่าไปเรียนก็อยากได้แบบเขาบ้าง ซึ่งมันก็ทำให้ต้องขยันหาเงิน
"ถึงแม้ว่าวันนี้จะทำธุรกิจได้ประสบความสำเร็จแล้ว แต่กลับใช้เงินเท่าตอนเรียนเลยนะ บางครั้งน้อยกว่าด้วย (หัวเราะ) อาจเป็นเพราะพอใจในสิ่งที่มีไม่ถือกระเป๋าแบรนด์เนมแล้ว ใช้กระเป๋าย่ามแทน บางวันกินข้าวไข่เจียว บางวันต้มบะหมี่ หรือนั่งกินข้าวกล่องกับพนักงาน แต่แปลกที่มีความสุข อาจเพราะเราใช้ชีวิตแบบนี้จนชินแล้ว"
งานหนัก เรียนหนักกว่า
"นอกจากสมัยเรียนจะทำงานหนัก การเรียนสถาปัตย์ยังหนักมากขนาดที่ว่าถ้าอัพโหลดงานส่งอาจารย์ตอนตี1 ประมาณตี3 อาจารย์ตรวจแล้วส่งงาน กลับมาให้แก้ตอน 7 โมงเช้า (หัวเราะ)
"ที่อินเลือกเรียนด้านนี้เพราะที่บ้านทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ อาจเป็นแผนของทางบ้านที่อยากให้กลับไปช่วยธุรกิจ จึงผลักดันให้เรียนวาดภาพ ส่งเสริม ให้ส่งภาพเข้าประกวด ซึ่งบังเอิญว่าเราก็ชอบ จึงเลือกเรียนสาขาวิชาการออกแบบสถาปัตยกรรมศาสตร์ (หลักสูตรนานาชาติ) การเรียนสถาปัตย์สามารถปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ อย่างเรื่องกราฟิกดีไซน์ที่อินออกแบบร้านขนมก็ได้จากการเรียน ไปจนถึงเรื่องการจับคู่สี มิกซ์แอนด์แมตช์สิ่งต่างๆให้เข้ากัน แม้กระทั่งเรื่องการแต่งตัวก็ช่วยได้
"ขณะเดียวกันพอมีสถานการณ์โควิดก็ทำให้กลับมาช่วยธุรกิจที่บ้านเยอะขึ้นครับ ธุรกิจที่บ้านเราทำเกี่ยวกับโกดัง ที่จอดรถ และอพาร์ตเมนต์ให้เช่ารวมถึงการพัฒนาที่ดินด้วย หน้าที่อินตอนนี้คือหากลุ่มลูกค้าและผู้เช่ารายใหม่ กับเริ่มดูแลโปรเจ็กต์ใหญ่ๆ อย่างเรื่องการพัฒนาที่ดิน ถ้าเป็นสมัยคุณพ่ออาจสร้างอพาร์ตเมนต์ พอถึงรุ่นอินรู้สึกว่าที่ดินตรงนี้มีศักยภาพมากกว่านั้น จึงพัฒนาเป็นกึ่งๆคอมมูนิตี้มอลล์ เพื่อจะได้ต่อยอดเรื่องการค้าขาย
"เพราะฉะนั้นทุกวันนี้ชีวิตของอินก็ยังเหมือนตอนเรียน คือแอ๊คทีฟตลอดเวลา ไม่มีวันเสาร์-อาทิตย์มา 10 ปีแล้ว แต่ไม่เคยรู้สึกเบิร์นเอ๊าต์เลยนะ เพราะสนุก และเราได้อยู่กับสิ่งที่ชอบทุกวัน"
https://www.facebook.com/teeneedotcom