เอ็ม-พิ้งกี้ จับเข่าคุย เรื่องร้ายแรงในชีวิต เผยความจริงที่เกิดขึ้น
เอ็ม มีเรื่องสารภาพเพื่อนซี้ว่า ตัวเองเป็นแฟนคลับพิ้งกี้ตั้งแต่พิ้งกี้เป็นดาวพระศุกร์ ไม่เคยบอกเพราะเขินมากๆ ตอนเด็กๆ เวลาไปไหนพ่อกูก็จะบอกอยากให้กูยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนพิ้งกี้ พิ้งกี้อย่างโน้น อย่างนี้ อย่างนั้น
รู้จักกันได้ยังไง เอ็ม บอกว่า ไอซ์ ณพัชรินทร์ (เพื่อนสนิทอีกคน) แนะนำให้รู้จัก พิ้งกี้ บอกว่าต้องขอบคุณไอซ์ด้วยที่ทำให้เราสองคนได้รู้จักกัน เจอกันครั้งแรก พิ้งกี้ จำเหตุการณ์ไม่ได้แล้ว
เอ็ม เล่าว่าเจอกันที่ร้านอาหาร จริงๆไม่กล้ามาเจอมึง รู้สึกการเป็นเพื่อนดาราน่ากลัวและล่อแหลม วงการมายาอ่ะเนอะ จริงๆมึงควรจะ proud (ทำท่ากอดอก proud มาก) แต่พอกูเดินเข้ามา มึงบอกสวัสดี (เสียงเล็กเสียงน้อยทำท่าอ่อนน้อมประกอบ) กูคิดในใจมึงเล่นละครเยอะป่ะวะ
ด้าน พิ้งกี้ เปิดใจบ้างว่า เรารู้สึกว่าเอ็มเป็นลูกน้าหม่ำ (จ๊กมก) ฉันคือใคร ฉันคือ สาวิกา ไชยเดช ดาราคนหนึ่ง เอ็มเถียงว่า คนที่เกร็งควรจะเป็นกู เพราะมึงคือ พิ้งกี้ สาวิกา เลยนะเว้ย แล้วกูเป็นใคร อันนี้คือสิ่งที่กูคิด ด้าน พิ้งกี้ ก็บอกว่า กูก็คิดว่ากูเป็นใคร
พิ้งกี้ ยอมรับว่าคุยกับเอ็มแล้วเอนเอนจี้เดียวกัน ฉันอยู่กับแกแล้วสบายใจ ไม่ต้องรู้สึกว่ามีอะไร ด้าน เอ็ม ก็ยอมรับว่าคลิกกัน ไม่ต้องวางฟอร์มกัน คนจะมองว่ามันซับซ้อนแต่จริงๆมันค่อนข้างใสซื่อเลย
สิ่งที่ทำให้สนิทกันมากขึ้น คือ เอ็มจีบพิ้งกี้ให้มาเล่นหนังให้พ่อ เรื่อง ทาสรักอสูร เจอที่กองกันบ่อย แล้วก็ไปเที่ยวทะเลกัน ปัญหามากเรื่องการถ่ายรูป ต้องให้กี้คอยเทรน กูโพสต์ท่าไหนดี รูปกูไม่สวย กี้เก่งมาก อ่านบทแป๊บเดียวจำบทได้เลย ยังมีเวลาว่างมาถ่ายรูปให้เราอีก
ถามเพื่อนตอนเจอข่าวพีกที่สุดตอนนั้นรับมือยังไงพิ้งกี้ ตอบว่า ฉันมีเกราะป้องกันตัวเอง ฉันพองหนามได้เท่าที่ฉันจะทำได้ แต่ฉันไม่มีหนาม ฉันไม่มีแทคติกในการตอบ ฉันเป็นเหมือนฉันที่จะตอบกับเพื่อนหรือใครๆ แต่อยู่วงการนี้ต้องสู้ ต้องแข็งแกร่ง มองว่าคำพูดแรงๆของนักแสดงบางทีเขาก็ทำเพื่อปกป้องตัวเอง
พิ้งกี้ ยอมรับเจอข่าวแรงๆจนร้องไห้ แต่ก็ยังต้องถ่ายละครทุกวัน แต่ถ้าถามว่าวันนั้นกลับมาเป็นวันนี้ ไม่มีใครทำร้ายกูได้ ไม่มีใครทะลวงได้ เมื่อก่อนเหมือนคนไม่มีเลเยอร์ ขอบคุณการที่เราเจอโลกอะไรแบบนี้มาเยอะ ทำให้วันนี้เราโคตรเข้มแข็งเลยเอ็ม
ส่วนเรื่องหัวใจเอ็มถามเพื่อนซี้หัวใจเป็นยังไงตอนนี้
พิ้งกี้ บอกว่า ก็มีบ้างโฉบเฉี่ยวบ้าง แต่ยังไม่ได้ครองรักกัน ยังไม่ได้จริงจังเรื่องนี้ ถามว่าไม่อยากมีความรัก เข็ดแล้วเหรอ ฉันไม่เข็ด แต่ตอนฉันแต่งงานอายุ 28 เพื่อนๆทุกคนยังไม่มีใครไปไหนเลย
ตอนนั้นรู้สึกว่า 28 ไม่ทันแล้ว เราฟังคนอื่นมาก เห็นคนรอบข้างแต่งงานเร็ว ด้วยความอิ่มในวงการด้วย เราอยู่มานาน 28 ต้องมีครอบครัว ณ วันนั้นพอมีคนมาขอแต่งงาน เลยรู้สึกว่าจะช้าอยู่ไย ตอนนั้นอยากมีครอบครัว พอแล้วกับวงการบันเทิงในตอนนั้น เหนื่อยแล้ว อยากพักแล้ว อยากมีลูก ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก คนคิดว่าฉันท้อง แต่ไม่ใช่
เอ็ม ดีใจที่ได้มาคุยกับกี้ หวังว่าจะช่วยเป็นยางลบลบภาพความทรงจำของกี้ออก กับคนที่คิดว่ากี้ร้าย แรง อย่างโน้น อย่างนี้ จริงๆแล้ว กี้เป็นคนน่ารัก ซื่อ ซื่อบื้อ บางทีชอบให้คนเอาเปรียบ จนเพื่อนอย่างเราทนไม่ไหวบางครั้ง ดีใจได้มาเจอกี้ เห็นกี้เข้มแข็งขึ้น
ทำให้กูหายห่วง เมื่อก่อนกูห่วงมึง เวลามึงเจอเรื่องร้ายๆ มึงจะผ่านไปได้ยังไงว่ะ ถ้าเป็นกูคงร้องไห้ทุบอกตัวเองตายไปเลย ก่อนจะทิ้งท้ายถึงเพื่อนว่า ห่วงเพื่อนอยากให้มีผัวแล้ว
ด้าน พิ้งกี้ กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอบคุณเอ็มที่ให้มาพูดในรายการ หวังว่าจะได้เห็นแง่มุมความเป็นเพื่อนของเรา ความเรียลที่สุดและความจริงที่เกิดขึ้นมากที่สุด
https://www.facebook.com/teeneedotcom