อั๋น เทียบมาตรการฟู้ดเดลิเวอรี่ ตปท.-ไทย ขยี้ปมค่าส่งแพง
" "ภูวนาท จ๋าอยากกินสเต๊กร้านนี้มากเลย แต่ค่าส่งตั้ง 200กว่าบาท เห็นราคาแล้วโกรธเลย มันเวอร์ไป ไม่กินละ!" เสียงของภรรยาที่เคารพนี้ ลอยผ่านหูผมไปหลายชั่วโมงแล้ว แต่ยังติดค้างอยู่ในใจผมจนตอนนี้
ผมนั่งมองดูโลกวันนี้กับวิถีชีวิตใหม่ที่อาจจะอยู่กับเราไปตลอดกาล วันที่ "บ้าน" นอกจากกลายเป็น "ที่ทำงาน" ยังแปลงร่างเป็น "ร้านอาหาร" จำเป็นไปแล้วด้วยนั้น ถูกขับเคลื่อนด้วยฟู้ดเดลิเวอร์รี่สารพัดสี และไรเดอร์จำนวนมหาศาลเฉียดครึ่งล้านทีเดียว
ซึ่งจะว่าไปไม่ใช่แค่คนสั่งหรอกนะที่รู้สึกแบบนี้ คนขี่มอเตอร์ไซด์ส่งเองก็มีไม่น้อยที่คิดเหมือนกัน ในขณะที่ฝั่งร้านอาหารเองก็รู้สึกเหมือนโดนขูดเลือดขูดเนื้อจากค่า GP ที่ถูกเรียกเก็บร่วม 30%
บริษัทฟู้ดดิลิเวอร์รี่พวกนี้เสือนอนกินชัดๆ โคตรเอาเปรียบเลย รวยอยู่คนเดียวน่ะสิ!!! ตลกไหมถ้าผมจะบอกว่า เกือบจะทุกบริษัทกำลังขาดทุนอย่างหนักเช่นกัน แต่มันคือเรื่องจริง! ในภาวะโควิดธุรกิจอัมพาตนี้ ร้านอาหารเกือบจะเป็นลมหายใจสุดท้ายที่ยังขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ เพราะคนส่วนใหญ่ยังยอมใช้จ่ายกับเรื่องนี้กันอยู่ แต่กลับไม่มีคนรู้ว่าระบบนิเวศน์นี้กำลังแข่งขันกันอย่างหนัก จากการฟาดฟัน แย่งกันลดแลกแจกแถม ส่งฟรีตัดราคาห้ำหั่นกันหน้ามืด
คำตอบก็อยู่ที่ค่าGP ที่ร้านอาหารต้องยอมจ่ายหลายสิบเปอร์เซ็นต์นั่นไง ที่ทางแอพใช้เอาไปจ่ายเป็นค่าส่งให้ไรเดอร์แทนลูกค้า ซึ่งลองคิดดูดีๆบางทีซื้อน้ำแก้วสองแก้ว ค่า GP ยังได้น้อยกว่าค่าส่งที่ต้องให้ไรเดอร์ซะอีก และนั่นคือคำอธิบายแบบเห็นภาพได้ง่ายๆเลยว่าทำไมแอพทั้งหลายเหล่านี้ถึงได้ขาดทุน
จะว่าไป GP ก็ไม่ต่างอะไรกับที่ร้านทั้งหลายต้องยอมจ่ายค่าเช่าให้ห้าง ต่างกันตรงที่ค่าเช่านั้นเราคุ้นชินกับมันมากกว่า เลยคิดว่าคุ้มค่า เข้าใจได้ จ่ายได้ แต่พอโดน App เหล่านี้หักหัวคิวบ้าง กลับเผลอใจไปรู้สึกว่าถูกขูดรีดซะงั้น ทั้งที่มันเกือบจะเป็นรายได้เดียวของบริษัทเหล่านี้ที่ใช้พัฒนาแอพเพื่อมาให้บริการทั้งพวกเรา ไรเดอร์ รวมถึงร้านอาหารต่างๆอยู่นี่แหละ รวมถึงสวัสดิการต่างๆ ที่แต่ละบริษัทกำลังพยายามแข่งขันเพื่อเพิ่มการดูแลให้กับคนในอีโคซิสเท็มนี้ด้วย
บังเอิญไปอ่านเจอข่าวการแก้ปัญหาแบบเดียวกันนี้ในหลายประเทศที่คล้ายคลึง แต่วิธีคิดมันต่างกันอย่างน่าทึ่งจนทนไม่ไหวต้องขอตั้งใจเอามาเล่าให้ฟังแบบย่อๆ เผื่อจะได้ยินไปไกลถึงหูใครหลายคนบนนู้นนนนบ้าง...
รัฐบาลสิงคโปร์ เมื่อประกาศล็อกดาวน์ ร้านอาหารไม่สามารถขายหน้าร้านได้ ทางรัฐบาลจึงขอให้แพลตฟอร์มต่างๆ ช่วยลดค่า GP ลงมา โดยที่รัฐบาลสิงคโปร์ให้เงินอุดหนุนกับทางแพลตฟอร์ม ในส่วนต่างที่หายไปจากค่า GP เกือบ50% ซึ่งเป็นวิธีที่เวิร์กมาก เพราะวินๆ ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ลูกค้า ไรเดอร์ หรือแพลตฟอร์ม
หรือแม้แต่ไต้หวันตั้งกองทุนอุดหนุนลดค่า GP ให้เกือบ 6 ล้านเหรียญเพื่อต่อลมหายให้ทั้งบริษัทดิลิเวอร์รี่ ไรเดอร์ และร้านอาหารไปต่อได้ไม่ขาดใจตายจนต้องลอยแพให้คนต้องตกงานอีกมหาศาล
ผมก็เหมือนทุกคนแหละที่อยากได้ของดีราคาถูกกันทั้งนั้น
แต่หากแม้ว่าการสั่งอาหารดิลิเวอร์รี่จะกลายเป็นวิถีชีวิตใหม่ สั่งอาหารครั้งต่อไป หากมันจะแพงในความรู้สึกของคุณหรือใคร อย่าลืมลองบอกกับตัวเองกันอีกที ว่าทุก1ครั้งที่เราสั่งอาหารกันผ่านApp Food Delivery นี้ มีอีกหลายแสนคนได้มีงาน มีอาชีพ มีอีกหนึ่งมื้อที่อิ่มไปกับเราด้วยเช่นกัน
ยิ่งศึกษา ยิ่งคิด ยิ่งเข้าใจก็ยิ่งสงสัยว่า หรือบางทีจริงๆแล้วเสือนอนกินใจดำตัวจริง อาจไม่ใช่ใครที่ใส่เสื้อกั๊ก..แต่เป็นคนใส่เสื้อสูทผูกไทด์ที่ไม่ค่อยทำอะไรที่ควรจะทำเพื่อช่วยคนไทยมากกว่า....รึเปล่า อุ๊บส์! ไปก่อนดีกว่า.. ไรเดอร์มากดออดหน้าบ้านได้เวลาพอดี"
https://www.facebook.com/teeneedotcom