หลังจากสร้างความฮือฮาโดยการโมดิฟายตัวเองจากอาแปะ กลายเป็นอาเจ้ จนเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ "แอน จักรพงษ์ จักราจุฑาธิปดิ์" ก็นำบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด(มหาชน) เข้าตลาดหลักทรัพย์หุ้นพุ่งพรวดทะลุหมื่นล้าน กลายเป็น CEO หมื่นล้าน มีชีวิตที่ใครๆ ก็อิจฉา แต่ใครจะรู้ว่า CEO หมื่นล้านคนนี้จะมีอดีตอันขมขื่น โดนครูชั่วข่มขืนตอนอายุ 12 !!
เปลือยชีวิต CEO พันล้าน! แอน จักรพงษ์ ตอนอายุ 12 โดนครูข่มชืน สลบ เลือดโชก!
เพราะเราไม่สามารถมีเหมือนเกย์ได้ เราไม่ใช่ตุ๊ดไม่ใช่เกย์ เราเป็นผู้หญิงที่เกิดผิดร่างมันคือ Transgender คือคนที่เกิดผิดร่าง ไม่ใช่เรื่องรสนิยมทางเพศ แต่เราเป็นผู้หญิงที่อยากมีแฟนเป็นผู้ชายไม่ใช่ตุ๊ดเกย์ แต่ร่างเรามันไม่ได้ สมัยก่อนยิ่งไม่ต้องคิด เพราะคุณพ่อคุณแม่ไม่มีทางอนุญาต และรับเราไม่ได้เลย ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดเลย เราก็เลยต้องเดินหน้าทำงานให้ประสบความสำเร็จอย่างเดียว นั่นคือสิ่งที่เราสามารถทดแทนบุญคุณพ่อกับแม่ได้"
ได้รับความยอมรับจากครอบครัว และมีอีกเรื่องหนึ่งที่เป็นจุดเป็นแรงผลักที่ทำให้เรามีวันนี้ ทำให้เราต้องอดทนไม่ยอมแพ้ เรื่องนี้ต้องบอกว่ารอมานานมาก ไม่เคยกล้าเล่าให้ใครฟัง และมันก็คือแรงบันดาลใจนะคะ คือแอนเคยถูกละเมิดทางเพศตั้งแต่อายุ 12 ตอนป.6 และคนที่ทำเราก็คือครูสอนดนตรี"
"เนื่องจากเราก็เป็นตุ๊ดที่อ้อนแอ้นอยู่ในโรงเรียนและทุกครั้งที่เรียนวิชานี้ เวลาเรานั่งเรียนอยู่เขาก็จะมานั่งข้างๆ มากระชากกางเกง ดึงกางเกงในของเรา เราก็พยายามเบี่ยงตัวหนี แต่ไม่ได้โวยวาย ไม่กล้ากระโตกกระตากเพราะว่ากลัว แต่เพื่อนๆ เห็นหมดนะ คือเราเป็นเด็กที่ไม่สู้คนกลัวว่าจะมีเรื่อง
"พอวันหนึ่งมีงานแสดงของโรงเรียน เราก็ได้รับเลือกให้เล่นโขน เล่นเป็นหนุมานด้วยนะ เขาเป็นคนเลือกให้เราเล่นด้วยนะให้บทเด่นเลย และคือก่อนที่จะแสดงด้วยความที่บ้านก็อยู่ไกลจากโรงเรียน คือบ้านอยู่แถวตลาดบางแค และโรงเรียนก็อยู่ต่างจังหวัดเลย โรงเรียนไม่ได้อยู่ในกรุงเทพฯ นะคะต้องบอกไว้ก่อน
ก็เลยต้องไปนอนที่บ้านเขาเพราะเราก็คิดว่าเพื่อนๆ คงไปกันหลายคนนะ แล้วเราเป็นตัวนำด้วยกลัวไปไม่ทัน ก็เลยบอกพ่อกับแม่ว่าไปนอนคืนนึงนะ ซึ่งก็มีเด็กๆ ไปกัน 4-5 คน แต่ปรากฎว่าพอเริ่มค่ำปุ๊บทุกคนแยกย้ายกลับบ้านหมดเลย เราก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ แต่ก็คิดอีกว่ากลับตอนนี้มันก็จะวุ่นวายต้องมีคนมารับอีก แล้วต้องตื่นไปโรงเรียนตั้งแต่ตี 5 ก็เลยตัดสินใจนอนค้าง"
สิ่งแรกที่ทำคือเข้าห้องน้ำและสิ่งที่เห็นในชักโครกก็คือเลือดเต็มไปหมด มันคือความแค้น (เสียงสั่น) แต่เราก็ต้องเก็บเอาไว้ แล้วก็ยังต้องนั่งรถมากับเขาไปที่โรงเรียนอีก กลัวนะว่าเขาจะทำร้ายอะไรเราอีกก็ไม่กล้าพูดไม่กล้าบอกใครเพราะกลัวที่บ้านจะรู้ กลัวคนจะรู้ แล้วถ้าแอนไม่ขึ้นเวที โชว์ทุกอย่างมันจะล่มหมด วันนั้นเราก็ไปแสดงแต่ตีลังกาไม่ได้ เราทำอะไรไม่ได้เลยเพราะขามันกางไม่ได้ แอนกล้าพูดเลยว่านั่นคือครั้งแรกของแอน และมันคือการถูกบังคับข่มเหงข่มขืนเราที่มันนานเหลือเกินจนเราหลับไปเลย"
แอน ก็จะเล่าหมดเลยตั้งแต่ตอนอายุ 12 ขึ้น 13 เขียนระบายความในใจ ความแค้น ความคาดหวังในชีวิต ความเสียใจ ความสมหวัง มันอยู่ในนั้นหมด เรียกว่าไดอารี่คือเพื่อนคนเดียวของเรา บางครั้งนั่งกอดไดอารี่แล้วร้องไห้ (เสียงสั่น) เพราะเราไม่รู้ว่าจะเล่าให้ใครฟัง ก็ต้องกอดเอาไว้และเขียนๆ และพอเขียนเสร็จก็จะเอาไปเก็บไว้ในตู้ และใส่ไว้ในหีบอีกชั้นหนึ่ง เพราะกลัวพ่อแม่มาเห็น เราไม่อยากให้ท่านสะเทือนใจ ไม่อยากให้น้องเห็น ไม่อยากให้ใครมาเผลออ่าน"
"เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้แอนเปลี่ยนเป็นคนละคน แอนไม่ไว้ใจใครอีกแล้วในชีวิต กลายเป็นคนระวังรอบคอบ เวลาที่เห็นอะไรที่เราไม่ชอบหรือเวลาถูกเอาเปรียบมันจะมีการปะทะกลับแบบอัตโนมัติเลย และมันก็เป็นความรู้สึกผิดนะ เพราะเราเขียนแต่ไดอารี่โดยที่เราไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใคร และเรามารู้ทีหลังว่ายังมีเด็กคนอื่นโดนแบบเราอีก 4-5 คน พ่อแม่เขาก็ไม่ยอมและมาขับไล่เขาออกไป ซึ่งเราก็ไม่ทราบว่าเขายังไงต่อหรือยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า
https://www.facebook.com/teeneedotcom