ตามข้อมูลประวัติศาสตร์ มีคนนำมาเรียบเรียง เผยถึงชาติกำเนิดของพระเจ้าเสือว่า เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระนารายณ์มหาราชกับพระสนมพระองค์หนึ่ง ปรากฏในพระราชพงศาวดารฯ ฉบับพระพนรัตน์ (แก้ว) ว่า นางเป็นพระราชธิดาพระเจ้าเชียงใหม่ โดยคำให้การขุนหลวงหาวัด ได้ออกพระนามว่า พระราชชายาเทวี หรือ เจ้าจอมสมบุญ ส่วนในคำให้การชาวกรุงเก่าเรียกว่า นางกุสาวดี แต่ในเวลาต่อมา สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้พระราชทานพระสนมดังกล่าวให้แก่พระเพทราชา เมื่อครั้งที่ดำรงตำแหน่ง (เจ้ากรมช้าง) โดยในคำให้การของขุนหลวงหาวัดและคำให้การชาวกรุงเก่า มีเนื้อหาสอดคล้องกัน กล่าวคือนางเป็นสนมลับของพระนารายณ์แต่แตกต่างกันเพียงชื่อของนาง และเหตุผลในการพระราชทานพระโอรสแก่พระเพทราชา
ไขปมชาติกำเนิดที่แท้จริง ‘พ่อเดื่อ’ ผ่านหยาดน้ำตาสุดเจ็บปวด! (คลิป)
"เมื่อสมเด็จพระรามาธิบดี พระองค์ที่ ๖ (สมเด็จพระนารายณ์) ทรงทราบว่า พระสนมนางหนึ่ง (พระราชพงศาวดารฯ ฉบับสมเด็จพระพนรัตน์ (แก้ว) ว่า "พระราชธิดาเจ้าเมืองเชียงใหม่" คำให้การขุนหลวงหาวัดว่า "พระราชชายาเทวี" (เจ้าจอมสมบุญ) คำให้การชาวกรุงเก่าว่า "นางกุสาวดี") ตั้งพระครรภ์ จึงมีพระราชดำริกีดกันให้ไกลห่างจากราชบัลลังก์ พระราชพงศาวดารฯ ฉบับสมเด็จพระพนรัตน์ (แก้ว) ให้เหตุผลว่า เพราะพระองค์ทรงละอายพระทัยที่ทรงเสพสังวาสกับนางลาว คำให้การชาวกรุงเก่าว่า พระองค์ทรงเกรงว่าพระโอรสองค์นี้จะคิดขบถชิงราชสมบัติอย่างเมื่อคราวพระศรีศิลป์ แต่คำให้การขุนหลวงหาวัดว่า พระองค์ทรงต้องรักษาราชบัลลังก์ไว้ให้กับพระราชโอรสที่ประสูติแต่พระอัครมเหสีเท่านั้น"
ขณะที่จดหมายเหตุเอนเยลเบิร์ต แกมป์เฟอร์ (Engelbert Kaempfer) นายแพทย์ชาวเยอรมัน ประจำคณะทูตของบริษัทอีสต์อินเดียของฮอลันดาที่เดินทางเข้ามาเจริญพระราชไมตรียังราชสำนักสยามใน พ.ศ. ๒๒๓๓ ได้ให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับปีประสูติของออกหลวงสุรศักดิ์ว่า เมื่อ พ.ศ. ๒๒๓๓ "พระญาสุรศักดิ์" (Peja Surusak) พระมหาอุปราชมีพระชนม์ ๒๐ พรรษา แสดงว่า พระองค์ประสูติใน พ.ศ. ๒๒๑๓
เมื่อพระนารายน์เสด็จสวรรคตแล้ว ขุนนางข้าราชการทั้งปวงเห็นว่า พระนารายน์ไม่มีพระราชโอรสที่จะสืบราชตระกูล จึงปฤกษากันว่า ควรจะยกราชสมบัติให้กับใคร พวกที่รู้ประวัติเจ้าพระยาสีห์สูจักรจึงพูดขึ้นว่า พระราชโอรสของพระนารายน์มีอยู่ คือเจ้าพระยาสีห์สูจักรบุตรนางกุสาวดี ที่พระราชทานไปแก่เจ้าพระยาสุรสีห์ ด้วยพระนารายน์ได้ตั้งสัตย์ไว้ว่าจะไม่เลี้ยงโอรสที่เกีดแต่นางนักสนม ครั้นนางกุสาวดีมีครรภ์ขึ้นจึงแกล้งยักย้ายถ่ายเทไปเสีย เพราะฉนั้นควรจะยกสมบัติให้แก่เจ้าพระยาสีห์สูจักร เมื่อปฤกษาพร้อมกันดังนี้แล้ว จึงเชีญเจ้าพระยาสีห์สูจักรให้ขึ้นครองราชสมบัติ เจ้าพระยาสีห์สูจักรไม่รับ ว่าบิดาของเรายังมีอยู่ ท่านทั้งปวงจงเชีญบิดาของเราขึ้นครองราชสมบัติเถีด ขุนนางข้าราชการทั้งปวงก็เชีญเจ้าพระยาสุรสีห์ขึ้นครองราชสมบัติ เจ้าพระยาสุรสีห์มีพระนามเปน ๒ อย่างๆ ๑ ว่า สมเด็จพระฐาธาธิบดี [สมเด็จพระธาดาธิบดี - ผู้เขียน] พระนาม ๑ ว่า พระราเมศวร...
ครั้นสมเด็จพระรามาธิบดี พระองค์ที่ ๗ เสด็จสวรรคตใน พ.ศ. ๒๒๔๖ พระญาสุรศักดิ์เจ้าวังหน้าจึงเสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติสืบแทน ทรงพระนามว่า "สมเด็จพระสุรศักดิ์๘ พระราชพงศาวดารฯ ฉบับพระจักรพรรดิพงษ์เจ้ากรม (จาด) บันทึกได้ถึงเรื่องที่สมเด็จพระสุรศักดิ์ตรัสเล่าภูมิสถานที่ประสูติของพระองค์ว่า
"ลุศักราช ๑๐๖๗ ปีระกาสัปตศก พระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินขึ้นไป ณ เมืองพระพิษณุโลก ถึงที่ประทับโพทับช้าง มีพระโองการตรัสว่า สมเด็จพระนารายเป็นเจ้าเสด็จพระราชดำเนินขึ้นไปตีเมืองล้านช้าง สมเด็จพระมารดาทรงพระครรภ์แก่ เสด็จขึ้นมาส่ง ตั้งจวนใต้ต้นมะเดื่อประสูติกู จึงให้สถาปนาพระวิหาร พระอุโบสถ พระสถูปที่จวนนั้น เสด็จขึ้นไปเมืองพระพิศณุโลกประทับแรมอยู่ ๗ เวร เสด็จกลับลงมาพระนคร ฯ"
https://www.facebook.com/teeneedotcom