‘ข้อดีที่สุดของแม่เบี้ยฉบับหม่อมน้อยคือการเตือนให้เห็นความยอดเยี่ยมของนวนิยายและความ "ล้ำ" ของวาณิชผู้ประพันธ์งานชิ้นนี้ ถัดจากนั้นคือการทำให้สรุปอย่างไม่ต้องลังเลว่าหม่อมน้อยคือผู้กำกับที่เราควรเขียนประวัติครอบคลุมแค่งานที่เคยทำก่อน พ.ศ.2533 เท่านั้น เพราะงานหลังจากนั้นวนเวียนอยู่กับการเอาวรรณกรรมุชิ้นดีมาเล่าใหม่ด้วยประเด็นซ้ำซากตั้งแต่รักซ่อนเร้น/ ปมลูกขาดพ่อ / ความริษยาของผู้ดี การกลับสู่รากเหง้าที่โดยเนื้อแท้แล้วก็เละเทะและสำส่อนหมือนกันหมด ซึ่งแม้จะน่าชื่นชมหม่อมน้อยในแง่เป็นผู้กำกับร่วมสมัยรายเดียวที่เห็นความสำคัญของวรรณกรรมชั้นเลิศอย่างต่อเนื่อง แต่หม่อมน้อยก็ทำให้วรรณกรรมุกลายเป็นร่างทรงของเรื่องเล่าอันซ้ำซากพอๆ กับฉากเซ๊กส์ที่วนเวียนอยู่กับการโชว์บั้นท้ายของนักแสดงชายและลีลาบดเอวกับนักแสดงหญิงโดยปราศจากอารมณ์
ท้ายที่สุด ความปรารถนาที่ได้จากการชมแม่เบี้ยฉบับหม่อมน้อยคือการแอบอธิษฐานว่าหม่อมน้อยจะไม่มีเวลาสนใจวรรณกรรมชั้นดีเล่มไหนอีก โดยเฉพาะงานของนักเขียนสำคัญของยุคอย่างศรีบูรพาที่หลายเรื่องมีฉากและวัตถุดิบซึ่งตรงกับรสนิยมในการแปลงเรื่องของหม่อมน้อยเหลือเกิน'
เอาเป็นว่า ต่างคนต่างจิต ต่างใจ แล้วกันเนาะ...เราไม่ชอบ แต่ คนอื่นอาจจะชอบก็ได้ อย่าเอาความรู้สึกเราไปตัดสินคนอื่นดีที่สุด
ส่วนใครที่ยังไม่ได้ชมล่ะก็... ติดตาม'แม่เบี้ย'ได้ 17 กันยายน นี้ทุกโรง ภาพยนต์ จ้า
https://www.facebook.com/teeneedotcom