เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตน ทรงประทานสัมภาษณ์พิเศษแก่นิตยสารดัง

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงประทานสัมภาษณ์พิเศษแก่นิตยสารฮาร์เปอร์ส บาซาร์ ประเทศไทย

ทรงเปี่ยมไปด้วยพระอัจฉริยภาพแห่งการสรรค์สร้าง อันเป็นที่ประจักษ์สู่สายตาชาวโลก

     นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ได้ทรงประทานสัมภาษณ์พิเศษถึงคอลเลกชั่นทรงออกแบบ ประจำฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว 2019-20 ของแบรนด์ Sirivannavari ที่เพิ่งเผยโฉมไปเมื่อเร็วๆนี้ การเตรียมพร้อมด้านการทรงงาน รวมไปถึงการสร้างหลักสูตร Sirivannavari Embroidery Academy เพื่อถ่ายทอดงานปัก งานฝีมือระดับกูตูร์อัน เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Sirivannavari สำหรับคอลเลกชั่นฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว 2019-20

สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ตรัสถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของแบรนด์ Sirivannavari ว่า

 "ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เราทำคอลเลกชั่นวินเทอร์ตามปฏิทินเมืองนอก ปลายปีเราจะทำวินเทอร์ แล้วก็ต้นปีหน้าก็จะเป็นซัมเมอร์ ตามรอบในการนำเสนอคอลเลกชั่นแบบเมืองนอก และพอเป็นคอลเลกชั่นวินเทอร์เป็นครั้งแรกเราก็จะมีอะไรใหม่ๆ หลายอย่างเกิดขึ้นมากมาย เช่น เรามีนิตแวร์ และนิตแวร์ของเราทำในทั้งเอเชียแล้วก็ที่อิตาลี ทั้งของผู้ชายและของผู้หญิง

 "อีกอย่างที่พิเศษคราวนี้ก็คือเราผลิตเครื่องหนังทั้งของผู้ชายและผู้หญิงใหม่ บางโรงงานที่เราใช้ เขาผลิตให้กับแบรนด์ดังๆ หลายแบรนด์ ในคอลเลกชั่นวินเทอร์นี้จะมีความเป็นกูตูร์ สามารถสวมใส่ไปงานตอนเย็นได้ แต่เราไม่อยากให้ทุกคนคาดหวังว่ามันจะดูยิ่งใหญ่ เราอยากเริ่มจากเล็กๆ ให้มันแข็งแรงก่อน แม้ว่าจะเป็น เสื้อผ้าคอลเลกชั่นวินเทอร์ แต่ก็ไม่ได้เป็นเป็นวินเทอร์อย่างจริงจัง ที่เต็มไปด้วยเฟอร์หรืออะไรประเภทนั้น เพราะว่าเรารู้ว่าตลาดของ เราคงไม่ถึงขนาดนั้น ก็เลยเริ่มจากสิ่งที่เรียกว่าเล็กๆก่อน แต่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพ"

นอกจากนี้พระองค์หญิงยังทรงเผยรายละเอียดของคำว่าเสื้อผ้าวินเทอร์แด่ทีมงานอีกว่า แม้จะไม่ถึงขั้นทำจากเฟอร์ เพราะโดยส่วนพระองค์แล้วไม่ทรงโปรดการสวมใส่ฉลองพระองค์ที่ทำจากเฟอร์ จึงเป็นเสื้อผ้าวินเทอร์สำหรับคนเอเชีย แต่ก็สามารถสวมใส่ไปเที่ยวประเทศจีน หรือไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นในช่วงฤดูกาลที่อากาศหนาวเย็นได้ อีกสิ่งหนึ่งที่ยังเป็นที่กล่าวถึงจากการแสดงแฟชั่นโชว์คอลเลกชั่นเสื้อผ้าครั้งก่อนๆ ของแบรนด์ Sirivannavari ก็คือผลงานการประพันธ์เพลงที่พระองค์หญิงทรงประพันธ์เพื่อใช้ประกอบการแสดงโชว์ด้วยพระองค์เอง โดยในครั้งนี้พระองค์ตรัสว่าในคอลเลกชั่นฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว 2010-20 พระองค์มิได้ทรงประพันธ์เพลงขึ้นมาใหม่ แต่สำหรับคอลเลกชั่นฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนปีหน้า ซึ่งถือเป็นคอลเลคชั่นครบรอบ 15 ปีของแบรนด์ Sirivannavari นั้นจะเต็มไปด้วยความพิเศษมากมาย

"วินเทอร์นี้เป็นการนำเพลงมามิกซ์เอง แต่เพลงใหม่ที่กำลังแต่งอยู่นี้เป็นของซัมเมอร์ ซึ่งปีหน้าถือเป็นปีที่พิเศษมากๆ ครบรอบ 15 ปีแบรนด์ Sirivannavari จึงอยากจะทำอะไรที่ยิ่งใหญ่และพิเศษ เพื่อให้ทุกคนจะได้ดื่มด่ำกับ 15 ปี ของ Sirivannavari ได้อย่างลึกซึ้งจริงๆ ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ต่างๆ ซึ่งทุกคนก็จะได้เห็นกันในปีหน้าค่ะ

"เราอยู่ในโลกแฟชั่น แล้วก็เราเข้าใจคำว่าแฟชั่นชัดเจนมาก เราชอบฟังเพลง เรามีไอพอดสองเครื่อง เป็นคนชอบทดลองอะไรใหม่ๆ ไม่หยุดนิ่ง แต่เพลงมันต้องใช้หู มันต้องใช้สปิริต มันต้องใช้ ทักษะค่อนข้างมาก กว่าจะแต่งอะไรได้แต่ละอย่างต้องใช้เวลาค่อนข้างมากเลย แล้วเราก็ต้องรู้ก่อนว่าตัวเองต้องการดนตรีแบบไหน ต้องการจินตนาการอย่างไร อารมณ์ตัวเองเป็นอย่างไร แล้วก็ต้องไปหาเมโลดี้ที่เป็นตัวของตัวเองจริงๆ หลังจากนั้นก็ให้ผู้เชี่ยวชาญ ใครต่อใครมาช่วยดูว่าเราจะเริ่มต้นจากตรงไหนอย่างไร จะทำ วงใหญ่ วงเล็ก แค่ไหน ประมาณนี้"

นอกจากนี้พระองค์หญิงยังคงประทานคำแนะนำแก่นักเรียน ที่สนใจในดนตรีคลาสสิกว่า

"ต้องชอบก่อน ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรเลย ชอบแล้วมีความสุข แล้วค่อยๆเรียนไป เรียนอย่างมีความสุข เรียนอย่างที่ตัวเองชอบ หลังจากนั้นค่อยถามตัวเองว่า ตัวเองสนใจชิ้นไหน อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจว่าตัวเองเป็นอย่างไร เล่นอย่างมีความสุขไปก่อน หลังจากนั้นก็ค่อยๆเรียนรู้แล้วก็ค่อยๆไต่ระดับขึ้นไป แต่บางครั้งนักเรียนดนตรีคลาสสิก เขาจะติดความเป็นคลาสสิกค่อนข้างมาก แต่เราก็อยากให้เด็กรุ่นใหม่ที่เรียนดนตรีคลาสสิกเปิดกว้างในการฟังแนวอื่นๆด้วย เพื่อพัฒนาตัวเอง พัฒนาหู พัฒนาความรู้ อย่าอยู่ในโลกของความเป็นดนตรีคลาสสิกอย่างเดียว"

อีกหนึ่งความพิเศษในปีนี้ของแบรนด์ Sirivannavari ก็คือการสร้างหลักสูตร Sirivannavari Embroidery Academy เพื่อสอนและถ่ายทอดงานปักในรูปแบบงานเสื้อชั้นสูงกูตูร์อันเป็นเอกลักษณ์ ของแบรนด์ Sirivannavari ซึ่งผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าอบรมในหลักสูตรนี้ ยังมีโอกาสจะได้ฝึกงานกับแบรนด์ Sirivannavari อีกด้วย โดยผู้ที่จะสมัครเข้าอบรมนั้นควรจะมีพื้นฐานทางด้านการปักมาก่อน ซึ่งอาจจะมีตัวอย่างผลงานยื่นประกอบการสมัคร และการทดสอบ ทักษะ เทคนิคพื้นฐานการปักเพื่อคัดเลือกอีกที เนื่องด้วยหลักสูตร Sirivannavari Embroidery Academy เป็นหลักสูตรระยะเวลา 3-6 เดือน รับเพียงไม่เกิน 10 คน โดยหลังจากจบหลักสูตรแล้วจะได้รับใบประกาศนียบัตรจาก Sirivannavari Embroidery Academy อีกด้วย

นอกจากการทรงงานในด้านต่างๆ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ยังมีพระราชประสงค์ในการส่งเสริม และการสนับสนุนศิลปะและบุคคลากรที่มีทักษะด้านศิลปะแขนงต่างๆ เพื่อให้มีการพัฒนาและเผยแพร่ผลงานด้านศิลปะให้เป็นที่ประจักษ์ อันนำมาซึ่งประโยชน์ต่อประเทศชาติในเชิงศิลปกรรม สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา จึงพระราชทานพระดำริให้จัดตั้ง "มูลนิธิอารยศิลป์ สิริวัณณวรีนารีรัตน์" หรือ Princess Sirivannavari Cultivated Arts Foundation และทรงดำรงตำแหน่งเป็นองค์อุปถัมภ์มูลนิธิ โดยพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นทุนเริ่มแรกให้แก่มูลนิธิอารยศิลป์ สิริวัณณวรีนารีรัตน์ อีกด้วย

มูลนิธิอารยศิลป์สิริวัณณวรีนารีรัตน์ มีเป้าหมายสำคัญในการสงเคราะห์ช่วยเหลือ นักเรียน นิสิต นักศึกษา และบุคคลทั่วไปผู้ที่มีความสามารถทางด้านศิลปะ โดยการสนับสนุนทุนการศึกษาและให้ทุนการวิจัยสร้างองค์ความรู้แก่ นักเรียน นิสิต นักศึกษา รวมไปถึงครู อาจารย์และบุคคลากรผู้มีความสามารถทางด้านศิลปะ ตลอดจนจัดหาอุปกรณ์เครื่องมือเกี่ยวกับศิลปะประเภทต่างๆ

นอกจากนี้มูลนิธิฯ ยังส่งเสริมพัฒนา สร้างสรรค์ผลิตผลงาน รวบรวม นำเสนอและเผยแพร่ผลงานด้านศิลปะ เพื่อเป็นเครื่องมือให้เกิดสาธารณประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติ