อุ๋ม-อาภาศิริ เปิดใจ...รับเล่นหนังที่ฟิลิปปินส์

          เป็นอีกหนึ่งสาวที่ได้เล่นหนังที่ประเทศฟิลิปปินส์ สำหรับ อุ๋ม-อาภาศิริ นิติพน ที่ล่าสุดเธอเปิดใจถึงเรื่องนี้ว่า “เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวกับที่มาริโอ้เล่นค่ะ เป็นหนังของประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งเรื่องนี้ก็ยาก เพราะเราต้องพูดภาษาอังกฤษ ต้องดราม่าเลย เล่นเป็นแม่ของมาริโอ้” เรื่องภาษาเราต้องทำการบ้านเพิ่มมั้ย? “ตอนแรกที่เขาส่งบทมาเราก็บอกว่าไม่เล่น เพราะมันเครียดเกิน ต่อมาผู้กำกับไปหาอุ๋ม    
           ตอนนั้นกำลังถ่ายบันทึกกรรมอยู่เขาก็รู้สึกชอบ เขาก็บอกว่ามันใช่เราเลย คุยไปคุยมา เราก็คิดว่ามันเป็นสิ่งที่ท้าทายและสนุก แต่ก่อนอุ๋มจะไม่ค่อยทำงานแปลก ๆ นะ แต่อันนี้เราโอเค ตอนนี้ก็ปิดกล้องแล้ว ถามว่าติดใจภาพยนตร์ต่างประเทศมั้ย จริง ๆ มันก็สนุกนะคะ ทำให้เรากระตือรือร้นในการพัฒนา ทำให้เรารู้ว่าศักยภาพเราทำได้นะ ถ้าเรามุ่งมั่นตัดสินใจ ถ้าเราทำก็ต้องทำ และทำให้ดีที่สุด ไม่ให้เขามาว่าเราได้ ก็เลยทำให้เรามีแรงกระตุ้นที่จะขยันตั้งใจและพอมันผ่านไปได้ มันก็มีความสุข เพราะผู้กำกับเองก็ชอบ เขาบอกว่าเลือกไม่ผิดที่มาเลือกเรา เราฟังก็มีกำลังใจ”
 
 ได้ยินว่ามีงานละครเวทีด้วย

         “ครูเงาะโทรฯมาชวนเล่นละครเวทีกุหลาบสีเลือด ละครเวทีเป็นอะไรที่เราไม่เคยคิด มันห่างมาก ต้องใช้อารมณ์ ความจำทุกอย่าง เราก็ต้องไปเรียนรู้ใหม่ เพราะการแสดงหนังกับละครเวทีมันคนละเรื่องเลย หนังมันแค่แสดงสีหน้านิดเดียวก็เห็นแล้ว เพราะจอมันใหญ่ เราก็จะชินกับการแสดงหนังมากกว่า แต่พอละครเวทีมันต้องใช้เสียงให้ดังไปถึงข้างหลัง ซึ่งสำหรับอุ๋มมันยากมาก และบทก็ค่อนข้างหนักมากด้วย ร้องไห้ทุกตอนที่ออกมา ไม่เคยเล่นอะไรยากเท่านี้มาก่อน”     
              

เห็นว่าซ้อมละครเวทีแล้ว ถึงกับเก็บไปนอนไม่หลับที่บ้าน?

           ทะเลาะกับสามี โดนตบตี กระทำให้เราแย่ พอกลับไปก็รู้สึกเหนื่อย ใจจะขาด อยากนอนมากเลย 7 โมงก็ยังไม่หลับ จนสามีถามว่าเป็นอะไร เราเป็นคนที่ขี้กังวลเวลาทำอะไรก็จะตั้งใจมาก แล้วเก็บมาคิด แล้วไม่ได้ปล่อย กลับไปก็หงอย ๆ เศร้า ๆ วันนั้นเราก็ต้องตั้งสติ หลอกตัวเองว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้แคนเซิลเลย ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องกังวลแล้ว มันถึงจะหลับได้ แต่เรื่องนี้ได้กำลังใจจากสามีเราดีมาก ๆ เลยค่ะ เพราะในเรื่องสามีเราโหดร้ายที่สุดในเรื่อง แต่ความจริงครอบครัวอบอุ่นมาก สามีก็บอกว่าไปใช้จินตนาการข้างนอกของเธอให้เต็มที่นะ ที่บ้านเราโอเคนะ (หัวเราะ)”.