หน้าหนัง หน้าด่านสำคัญหนังเจ๊งไม่เจ๊ง?

"หน้าหนัง" หน้าด่านสำคัญหนังเจ๊งไม่เจ๊ง?

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 30 สิงหาคม 2548 20:33 น.

ถือเป็นกรณีที่น่าสนใจทีเดียวสำหรับการไม่ทำเงินของหนังไทยฟอร์มดีอย่าง "มหา´ลัย เหมืองแร่" และ "วัยอลวน 4 ตั้ม - โอ๋ รีเทิร์น" เพราะมองกันถึงคุณภาพของหนังทั้งสองเรื่องนี้แล้วก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ หรือไร้สาระชวนให้น่าสมเพชแต่อย่างไร

ยิ่งพอยกเอาเรื่องรายได้ไปเปรียบเทียบกับหนังไทยอย่าง "หลวงพี่เท่ง" หรือ "พยัคฆ์ร้ายส่ายหน้า" แล้ว ต้องบอกว่าน่าเห็นใจกับอาการเจ็บตัวของนายทุนอย่างบริษัทจีทีเอชอยู่พอสมควรทีเดียว

เมื่อตัวหนังไม่ใช่ปัญหา แล้วอะไรคือปัจจัยที่ทำให้หนังทั้งสองเรื่องขาดทุนย่อยยับ?

ผลสรุปที่ออกมาจากปากผู้บริหารของจีทีเอช "วิสูตร พูลวรลักษณ์" คงเป็นสิ่งที่ตรงกับในความคิดของใครหลายๆ คน นั่นก็คือความไม่ชัดเจนของ "หน้าหนัง" รวมทั้งในส่วนของการทำโฆษณา การตลาด การเลือกใช้สื่อ ซึ่งคำตอบที่ถูกต้องก็คือ อาจจะเป็นส่วนหนึ่ง แต่ไม่ใช่สาเหตุทั้งหมดอย่างแน่นอน...

"มันไม่มีอะไรบ่งบอกชัดเจนหรอกครับว่าเรื่องไหนจะได้เงินหรือไม่ได้เงิน อย่างเราก็คือมีหน้าที่แค่ว่า ทำยังไงถึงจะดึงจุดเด่นของหนังออกมาขายให้ได้ ดึงเสน่ห์ของมันออกมาให้ครอบคลุมที่สุดภายในเวลาจำกัด..." คำบอกเล่าจาก "บดินทร์ บุญมี" กรรมการผู้จัดการ บริษัทด็อกเตอร์เฮด จำกัด ที่ผ่านงานหนังดังมาแล้วมากมายกว่า 400 เรื่อง ที่รู้จักกันดี อาทิ สุริโยไท, แฟนฉัน, ชัตเตอร์ฯ, หลวงพี่เท่ง, พยัคฆ์ร้ายส่ายหน้า ฯลฯ

รับจ้างทำโฆษณาหน้าหนังที่มีรายได้สูงทั้งนั้น แต่ทางด็อกเตอร์เฮดบอก รายได้แต่ละชิ้นงานยังไม่ถึง 1% ของงบสร้างแต่อย่างไร แถมเวลาหนังเจ๊งก็ยังถูกด่าเป็นคนแรกอีกต่างหาก
รายได้จากการทำโฆษณาหน้าหนังมันไม่เยอะหรอกครับ ที่เราอยู่ได้ทุกวันนี้เพราะรายได้จากสื่อสิงพิมพ์ มือถือ และอย่างอื่นมากกว่า จากหนังเนี่ยไม่มากเลย ไม่ใช่ว่าหนังเขาได้ 100 ล้าน แล้วผมต้องได้มากขึ้น ผมเคยเสนอกรณีแบบนี้ให้เจ้าของหนัง แต่เขาไม่เอา คือรอให้รายได้หนังออกมาแล้วค่อยตกลงราคากัน แต่ก็ไม่มีใครเอานะ(หัวเราะ)"

ส่วนเรื่องหน้าหนังไม่ขาย หรือไม่ทำเงิน ตรงนี้เราบอกก่อนว่า ก่อนที่ชิ้นงานจะออกสู่สายตาคนดูไปเราเคาะกันแล้วว่าเออ เราอยากให้งานออกไปทางไหน ส่วนเมื่องานออกไปแล้ว หนังมันไม่ทำเงิน แต่ก็มีคนโทษว่าหน้าหนังไม่ดีบ้าง โบ้ยมาให้เรา เราก็รับไว้ แต่ผู้กำกับคนไหนที่พูดแบบนั้นที แบบนี้ที โทษหน้าหนังอย่างเดียวโบ้ยคนอื่นตลอดวันนึงก็จะไม่มีงาน คนดูจะดูออกว่าหนังมันขาดทุนเพราะอะไร


กำลังจะบอกว่าอาชีพนี้เหมือนหนังหน้าไฟว่างั้นเถอะ?
มันก็คล้ายๆ อย่างนั้นนะ เพราะถ้าหน้าหนังดี โปรโมทไปแล้วคนอยากดู ปรากฏว่าพอเขาไปดูแล้วเขาไม่ชอบ เราก็ถูกด่า เราก็ลุ้นรายได้กับหนังทุกเรื่อง ทุกค่ายที่เราทำ หนังไม่ขาย เราก็เสียใจกับลูกค้าของเราด้วย

คลุกคลีอยู่กับหนังไทยมานาน บดินทร์แสดงความคิดเห็นว่าจุดอ่อนที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดสำหรับหนังไทยก็คือเรื่องของบท ที่จะหาคนทำได้ละเอียดและใส่ใจกับตรงนี้ได้น้อยมากๆ
หนังไทยยังอ่อนอยู่มากเรื่องบท บางทีบทไม่เสร็จก็รีบเปิดกล้องกันแล้ว แต่คนที่เขาทำงานดีๆ รอบคอบก็มี อย่างพี่อังเคิ่ล(อดิเรก วัฏลีลา) เขาเขียนอะไรเป็นเหตุเป็นผล มีคำถามมีคำตอบชัดเจน ทำงานละเอียด แม้ว่าที่ผ่านมางานของเขาจะยังได้ผลตอบรับไม่ฮือฮา แต่ในแง่ของการทำงานถือว่าพี่อังเคิ่ลมืออาชีพมาก บทเขาดีงานเราก็ง่ายขึ้น

"ถ้าเป็นโจทย์หนังต่างประเทศเขาคิดมาแล้วส่วนหนึ่งเรามีหน้าที่คิดต่อ ส่วนหนังไทยเราคิดให้ตั้งแต่เริ่มต้น หนังไทยง่ายกว่าเยอะ อย่างที่บอกงานแก้มันยากกว่างานสร้างใหม่อีก แต่บางทีหนังไทยก็มีเรื่องยากเหมือนกันเพราะในแง่ของวัฒนธรรมที่ละเอียดอ่อนบางทีเราก็ต้องระวังด้วย

ขอแก้ต่างกรณีผู้บริหารจีทีเอช "วิสูตร พูลวรลักษณ์" ให้สัมภาษณ์เข้าใจไปในทำนองที่ว่า "ด็อกเตอร์เฮด" ทำโฆษณาให้กับหนังที่ขาดทุนยับทั้ง "มหา´ลัย เหมืองแร่" และ "วัยอลวน 4 ตั้ม โอ๋ รีเทิร์น" ก่อนจะยืนยันไม่รู้สึกกดดันกับหนังเรื่องต่อไปอย่าง "เพื่อนสนิท" แต่อย่างไร

ความจริงหนังเรื่องมหาลัยเหมืองแร่ เราก็ได้รับการติดต่อนะ แต่ว่าเราทำให้ไม่ได้เพราะเวลาแค่ 3 วันเราทำไม่ทัน ที่สำคัญเป็นงานแก้ซึ่ง มันยากเวลามันน้อยไปเราก็เลยไม่รับ ส่วนเรื่องวัยอลวน 4 ไม่ได้รับการติดต่อเลย มันบังเอิญมาตรงกันว่ารายได้ไม่ค่อยเข้าเป้าคนเลยสนใจ ส่วนเรื่องเด็กหอ กับเพื่อนสนิทเราก็ทำให้จีทีเอชเหมือนเดิม

เพื่อนสนิทก็กำลังทำกันอยู่ โจทย์มันก็ยากพอสมควรเพราะดาราก็หน้าใหม่ยังไม่แข็งแรง แล้วบังเอิญเป็นหนังรัก ภาพมันอาจจะไม่แรงเท่าหนังอย่างอื่น (กดดันไหมเพราะจีทีเอชก็เจ็บตัวมาแล้ว 2 เรื่องจากเหมืองแร่กับวัยอลวน?) ผมว่าเรื่องรายได้ทุกค่ายมีตัวเลขอยู่ในใจหมดแหละ ผมไม่กดดัน เราต้องมานั่งหารือกันว่าตอนที่เราเป็นหนุ่มเป็นสาวเราให้อะไรที่สื่อถึงความรัก ยอมรับว่าโจทย์มันก็ไม่ง่ายหรอก ยากอยู่เหมือนกันแต่ก็ไม่ซีเรียสนะ

เอ่ยถามว่าอาชีพตรงนี้เหมือนกับการหลอกลวง(ให้)คน(มา)ดู(หนัง)มั้ย? ผู้บริหารด็อกเตอร์เฮด ตอบแบบเต็มปากเต็มคำว่าไม่เลยด้วยเหตุผลที่ว่าตนไม่เคยเอาสิ่งที่ไม่มีอยู่ในหนังขึ้นมาขายแต่อย่างไร
"เหมือนจะหลอกคนดูไหม ตอนแรกๆ ก็ตักบาตรทุกเช้าครับ ตอนมาทำใหม่ๆ (หัวเราะ) แต่ตอนนี้เราทำมา 5 ปีกว่าแล้ว เราก็มานั่งนึกว่าเราไม่เคยหลอกคนดู เราไม่เคยยกเมฆอะไรที่ไม่มีในหนังมาขายให้คนดู

คือผมว่าไม่ค่อยมีใครอยากทำอาชีพนี้เท่าไหร่หรอก(หัวเราะ) มันต้องคิดตลอดเวลา ทำตัวทันสมัย ต้องไม่เอารสนิยมตัวเองมาตัดสินคนอื่น เหมือนอย่างมุกถั่วเขียวถั่วงอกในหนังเรื่องหลวงพี่เท่ง ตอนตัดออกมาครั้งแรกผมดูยังไงมุกนี้ก็ไม่ขำ แต่สอบถามไปยังคนดูอีกกลุ่มเขาก็ขำกัน"

"ผมถึงบอกว่าหนังทุกเรื่องมันมีดีต่างกันไป อร่อยต่างกันไป ผมอาจไม่ชอบ แต่คนอื่นอาจชอบก็ได้ ไม่อยากให้บอกว่าหนังเลว คนเราอร่อยไม่เหมือนกัน

"บดินทร์ บุญมี" กรรมการผู้จัดการ บ.ด็อกเตอร์เฮด จำกัด

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์