นับถอยหลังวันพิพากษา แพท พร้อมน้อมรับ(ชะตา)กรรม

นับถอยหลังวันพิพากษา "แพท" พร้อมน้อมรับ(ชะตา)กรรม

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 25 กันยายน 2548 16:50 น.

เป็นเวลาปีกว่าแล้วที่ แพท วรยศ บุญทองนุ่ม อดีตนักร้องวงพาวเวอร์แพท เข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในแดน 4 เรือนจำคลองเปรม หลังจากที่โดนตำรวจจับกุมในข้อหา ค้ายาเสพติด เมื่อวันที่ 6 พ.ค.47 ที่ผ่านมา

จากการที่ทีมข่าวบันเทิงผู้จัดการได้ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแพทที่ผ่านมานับตั้งแต่วันที่ถูกจับกุม จนกระทั่งถูกส่งตัวไปยังเรือนจำ หลายครั้งที่เราได้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมและพูดคุยกับแพท และคุณพ่อ"นิวัติ บุญทองนุ่ม" ทำให้เราได้เห็นพัฒนาการของแพทมาตลอด

หนึ่งปีที่ผ่านมานั้นต้องบอกว่าแพทเปลี่ยนไปมากไม่ใช่โทรมแบบคนคุก หากแต่มีรูปร่างหน้าตาที่แข็งแรงบึกบึนไม่อ้อนแอ้นเหมือนเมื่อก่อน เหนืออื่นใดคือแรงใจที่เข้มแข็ง แพทไม่ได้อยู่อย่างซังกะตาย ไม่ได้อยู่แบบไร้ความหวัง แม้ว่าอัตราโทษสูงสุดในคดีของแพทจะต้องติดคุกตลอดชีวิตก็ตาม

และในวันอังคารที่ 27 กันยายนที่จะถึงนี้ จะเป็นวันที่ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีของแพทแล้ว การสัมภาษณ์ในครั้งนี้จึงเป็นการสัมภาษณ์ครั้งสุดท้ายในฐานะผู้ต้องหา ซึ่งก็ไม่รู้ว่าคำตอบของชีวิตที่เหลือของแพทจะออกมาเป็นเช่นไร

ชีวิตตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?
แฮปปี้ดีครับ(ยิ้ม) ปรับตัวได้ยอมรับความจริงได้พอปลงกับมันได้เราก็สบายใจขึ้น ไม่คิดมาก กำลังใจตอนนี้เต็มเปี่ยม

ซึ่งแพทบอกว่าการเลือกมองในมุมบวกทำให้ชีวิตมีคุณค่าและเพิ่มพูนพลังใจให้ตัวเองได้อย่างเต็มเปี่ยม
มันอยู่ที่วิธีการมองว่าเราจะมองในมุมไหน ผมพยายามมองในมุมดี...คือที่นี่ให้สิ่งดีๆ กับผมเยอะ เหมือนได้มาพักตัวเองได้นั่งทบทวนสิ่งต่างๆ ที่ผ่านมา ได้เรียนหนังสือ ให้สุขภาพที่แข็งแรงเพราะอยู่ในนี้ผมได้ออกกำลังกาย ได้พักผ่อนเต็มที่ซึ่งตอนอยู่ข้างนอกไม่มีเวลาเพราะมัวแต่ทำงาน

ได้มาเห็นชีวิตคนในนี้ในหลายๆ แง่มุม ทำให้ได้เรียนรู้ชีวิตในแง่มุมต่างๆ ได้มาทำสิ่งดีๆ ให้คนข้างในเล่นดนตรีให้พวกเค้าฟัง เครื่องดนตรีที่มีอยู่ที่บ้านผมก็เอามาให้คนข้างในหมดแล้ว รายได้จากการขายหนังสือ(ชีวิตที่ไม่มีเทค 2 พาวเวอร์ แพท) ก็ตั้งใจไว้ว่าจะเอามาซื้อเครื่องดนตรีให้พวกเค้าไว้เล่นกัน

อย่างบางคนไม่มีญาติมาเยี่ยมเลย แต่ผมยังดีมีครอบครัวที่คอยให้กำลังใจ ซึ่งผมรู้สึกโชคดีกว่าพวกเค้าเยอะ ทำให้ได้รู้ว่าครอบครัวรักเรามากแค่ไหน มันทำให้ผมมีความหวังที่จะออกไปทำอะไรตอบแทนเค้า ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่แต่ผมก็ยังมีความหวังอยู่ คือพยามยามมองในสิ่งที่เราสบายใจ

ซึ่งสิ่งที่แพทยึดเหนี่ยวเพื่อให้ตัวเองมีกำลังใจต่อสู้อย่างแข็งแกร่ง ก็คือ ความหวังดีของคนในครอบครัวบวกกับความหวังว่าสักวันจะได้ออกไปทำสิ่งดีๆ เพื่อตอบแทนพระคุณครอบครัวและสานต่อความฝันของตัวเอง

จากครอบครัว จากความหวังว่าเรายังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เราอยากทำ ผมอยากบวชทดแทนพ่อแม่ อยากไปต่างประเทศ อยากทำงานเกี่ยวกับศิลปะเพราะตอนแรกไม่คิดว่าตัวเองจะวาดรูปได้ดี และจริงๆ ก็ไม่เคยเรียนด้านนี้ด้วยแต่อาศัยถามเทคนิคกับเพื่อนในนี้ที่เค้าเก่งอยู่แล้ว คุณพ่อก็ช่วยได้เยอะเค้าจะคอยปริ๊นท์งานศิลปะของศิลปินต่างประเทศจากอินเตอร์เน็ตมาให้ผมเป็นแนวทาง ผมก็ศึกษาจากตรงนั้นด้วย

อีกอย่างนึงคือดนตรีเพราะยังอยากทำเพลงอยู่ อาจจะทำเองขายเองทำในแนวที่เราชอบเราถนัด คือไม่ยึดติดธุรกิจมากนักอยากทำเพราะใจรักจริงๆ อยู่ในนี้ผมพยายามหาอะไรทำไม่ให้ตัวเองว่าง เพราะคนที่อยู่ข้างในเวลาว่างเยอะมันทำให้ฟุ้งซ่านคิดมาก ก็จะพยายามหากิจกรรมทำอยู่ตลอด อย่างอ่านหนังสือ การวาดรูปมันช่วยเรื่องจิตใจได้เยอะเพราะงานศิลปะมันละเอียดอ่อนต้องใช้สมาธิสูง

ไม่อยากรวมเล่มเหรอ?
อยากทำอยู่เหมือนกันแต่กะว่าคงอีกสักปีสองปีก่อน ตอนนี้ฝีมือยังไม่ดีเท่าไหร่อีกอย่างผมอยากวาดให้ได้เยอะๆ

ถึงแม้แพทจะบอกว่าสามารถจัดการกับความวิตกต่างๆ ได้บ้างแล้ว แต่พอถามถึงความรู้สึกก่อนวันพิพากษาคดีซึ่งก็เหลืออีกไม่กี่วัน เจ้าตัวกลับยอมรับว่ามีกังวลอยู่ไม่น้อย
จะไม่คิดเลยก็เป็นไปไม่ได้เพราะใกล้ถึงวันแล้ว แต่ผมทำใจไว้ตั้งแต่ต้นแล้วอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด คิดว่าเป็นชะตาฟ้าลิขิตให้ต้องมารับกรรมในนี้ เพราะผมไม่ใช่คนเลวโดยสันดานแค่เป็นความผิดพลาดในชีวิตที่ผมจะไม่มีวันลืม และเชื่อว่าสักวันมันต้องผ่านไป

แม้จะพอรู้ชะตากรรมว่าโทษของคดีค้ายาอีจำนวน 3 พันเม็ด โทษหนักถึงจำคุกตลอดชีวิต แต่เจ้าตัวยังแอบหวังว่าความดีที่เคยสร้างสมไว้ครั้งยังเป็นนักร้องและตลอดเวลาที่อยู่ในเรือนจำจะช่วยลดทอนโทษได้บ้าง
ยาอี 3 พันเม็ดโทษมันติดเพดานอยู่แล้ว แต่ผมก็ยังหวังว่าจะน้อยกว่านี้เพราะรับสาระภาพตั้งแต่แรกซึ่งมีผลทางคดี และตอนนี้พ่อกับทนายกำลังรวบรวมหลักฐานในสิ่งที่ผมเคยทำประโยชน์กับสังคมไว้สมัยที่ยังเป็นนักร้องอยู่ เพราะตอนนั้นงานรณรงค์หรือกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวกับช่วยเหลือสังคมผมก็ไปตลอด งานของมูลนิธิฯ ของสภากาชาดไทยผมก็ไป ซึ่งเค้าก็จะออกหนังสือรับรองให้มีรูปถ่ายด้วย แต่บางหน่วยงานเค้าก็ไม่ให้เพราะคงจะกลัวมีผลกระทบ

พร้อมยืดอกน้อมรับในคำตัดสินโดยดุษฎี
พร้อมตั้งแต่เข้ามาแล้ว อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ถึงเราจะไม่ได้ทำโดยตรงแต่เราก็มีส่วนร่วมก็ต้องยอมรับโทษตรงนั้น ซึ่งก็ไม่รู้ว่าผลจะออกมายังไงแต่ผมก็ยังมีความหวังอยู่

พร้อมกันนี้ทีมข่าวบันเทิงผู้จัดการมีโอกาสพูดคุยกับคุณพ่อของแพท นายนิวัติ บุญทองนุ่ม ซึ่งคุณพ่อได้เปิดใจด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า..........
แพทอยู่ในนี้ได้ปีกว่าๆ แล้ว หนึ่งปีที่ผ่านมานี้รู้สึกว่าแพทดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่เหมือนช่วงแรกๆ ที่เครียดมากเค้ายังปรับตัวไม่ค่อยได้ ทำให้พ่อรู้สึกกังวลใจมาก แต่หลังจากผ่านไป 6 เดือนแพทก็เริ่มปรับตัว ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะแพทเริ่มเรียนวาดรูป ซึ่งการวาดรูปค่อนข้างช่วยทางด้านจิตใจได้เยอะ

นอกจากนั้นแล้วแพทก็ยังเรียนธรรมมะ ตอนนี้จบนักธรรมตรีแล้ว เดือนหน้าก็จะเริ่มเรียนนักธรรมโทและก็ลงเรียนมศท. เอาไว้ด้วย เทอมที่แล้วแพทสอบผ่านหมดเลย เทอมนี้กำลังจะสอบวันที่ 29 ตุลาคมเดือนหน้า ก็คิดว่าน่าจะผ่านหมดอีกนะ

การที่เค้าได้เรียนหนังสือตรงนี้มีส่วนทำให้แพทมีความหวังที่จะออกมา พ่อเป็นคนจุดประกายให้เค้าว่า อยู่ข้างนอกไม่ได้เรียน อยู่ข้างในก็เรียนซะ เค้าก็บอกว่า จะเรียนจนจบปริญญาตรีมาให้ได้ ถึงแม้จะจบในนี้ก็ตาม

แพทพูดเสมอว่าจะไม่ปล่อยเวลาว่างให้เปล่าประโยชน์ ที่ผ่านมาแพทช่วยงานในเรือนจำมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการเล่นดนตรี กล่าวต้อนรับคณะบุคคลที่มาดูงาน ซึ่งตรงนี้ก็มีส่วนช่วยในการลดโทษ พ่อได้ขอหนังสือรับรองกับทางเรือนจำไปแล้ว แต่มันคงมีผลกับศาลอุทธรณ์ แต่สำหรับศาลชั้นต้นคงไม่ทันแล้ว

นอกจากการวาดภาพจะมีส่วนช่วยทางด้านจิตใจจนทำให้แพทสามารถปรับตัวเข้ากับเรือนจำได้แล้ว กำลังใจจากครอบครัวก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน
ที่ผ่านมาก็ให้กำลังใจเค้ามาตลอด บอกเค้าว่า ครอบครัวจะดูแลเค้า เราจะไม่ทิ้งกัน ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานซักแค่ไหน ทำให้เค้ามีกำลังใจกับสิ่งต่างๆ ส่วนพ่อก็ได้กำลังใจมาจากแพท การที่แพทสามารถปรับสภาพตัวเองให้อยู่ได้ ทำให้พ่อเลิกกังวลใจ ถ้าแพทปรับไม่ได้พ่อก็ยังกังวลใจอยู่

แฟนคลับแพทน่ารักมาก น้องๆ หลายคนเขียนจดหมายมาให้กำลังใจแพทเป็นพันๆ ฉบับ บางคนส่งธนาณัติเป็นเงินมาให้ด้วย แต่แพทไม่ค่อยมีเวลาตอบ อย่างไรก็ตามเค้าก็อ่านตลอด เค้าดีใจที่มีคนให้กำลังใจ นอกเหนือจากครอบครัวเค้าก็อาศัยสิ่งเหล่านี้นี่แหละที่เป็นกำลังใจให้เค้าสู้ต่อ

การที่แพทเข้ามาอยู่ในนี้ทำให้เราได้คุยกันมากขึ้น เข้าใจกันมากขึ้น แต่ปกติทางครอบครัวก็เข้าใจแพทอยู่แล้วนะ แต่ก่อนมีปัญหาแพทอาจจะละเลย แต่ตอนนี้แพทพูดเสมอว่า ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับครอบครัวพ่อแม่พี่น้องของตัวเอง ขนาดเพื่อนที่รักกันมากก็ไม่เคยมาเยี่ยม

เพื่อนในวงการก็ไม่มีใครมาเยี่ยมแพท แต่จริงๆ แล้วเค้าก็อยากมานะ เพียงแต่เค้าอาจจะกลัวเสียชื่อเสียง หรือกลัวคนจะคิดว่ามีเอี่ยวด้วยหรือเปล่า ก็ไม่เป็นไร แพทรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร เค้ารู้ว่าใครจริงใจไม่จริงใจกับเค้า

สำหรับการตัดสินที่วันที่ 27 นี้พ่อไม่รู้สึกกังวลใจ เพราะความกังวลใจของพ่อขึ้นอยู่กับแพท วันนี้ได้คุยกับแพทแล้ว แพทบอกว่าไม่ต้องกังวลใจ เค้ายินดีที่จะรับกรรมที่ก่อไว้ พ่อเองก็บอกแพทเหมือนกันว่า ตัดสินใจมาเท่าไหร่ก็เท่านั้นอย่าไปวิตกกังวล ทางครอบครัวไม่ทอดทิ้งแพทอย่างแน่นอน เค้าก็พูดเหมือนพ่อว่า เท่าไหร่ก็เท่านั้น แต่ถ้าได้ออกมาเร็ว เค้าก็จะได้สร้างอนาคตได้เร็วมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าออกมาช้าก็ไม่เป็นไร

แพทเป็นคนเข้มแข็ง ตั้งแต่โดนจับมาพ่อเห็นเค้าร้องไห้แค่ครั้งเดียวที่สถานีตำรวจ เค้าร้องไห้เพราะเสียใจที่ทำให้ครอบครัวต้องผิดหวัง ทุกวันนี้แพทอยู่ได้เพราะแพทมีความหวัง เค้าเขียนจดหมายไปหาย่าว่าไม่ต้องห่วงเค้าจะพยายามทำความดีเพื่อให้ออกจากที่นี่ได้เร็วที่สุด ไม่ต้องเป็นห่วงเค้าดูแลตัวเองได้

เค้าพูดเสมอๆ ว่า คนเราผิดพลาดกันได้ แต่จะไม่ผิดซ้ำสองอีกเพราะติดคุกครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์