ชีวิตแบบปาล์มมี่ขอมีเพียงสิ่งที่รัก


ปาล์มมี่ปาล์มมี่


ชีวิตแบบ'ปาล์มมี่'ขอมีเพียงสิ่งที่รัก

ชีวิตแบบ “ปาล์มมี่” ขอมีเพียงสิ่งที่รัก (สัมภาษณ์พิเศษ-เปิดใจ “ปาล์มมี่”)

           เรียกว่าสิ้นสุดการรอคอยที่ยาวนานของแฟนๆ สาวเซอร์ ปาล์มมี่ อีฟ ปานเจริญ ศิลปินสาวที่ยังครองใจแฟนเพลงมาได้อย่างยาวนาน ทั้งที่หลายปีที่ผ่านมาสาวคนนี้ไม่ได้มีผลงานเพลงออกมาให้แฟนๆ ฟังเพลง จนมาถึงวันนี้ ปาล์มมี่ กลับมาแล้ว พร้อมกับอัลบั้มใหม่ที่ชื่อ “ไฟว์ (5)” ภายใต้ชายคาบ้านหลังเดิม “แกรมมี่” บ้านที่นักร้องสาวคนนี้จากไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว กลับมาครั้งนี้ “ปาล์มมี่” เปิดใจพูดคุยเผยตัวตนให้ได้รู้จักเธอมากขึ้นอีกด้วย

@@ รีเทิร์น ออฟ “ปาล์มมี่”


**ช่วงที่หายไปกว่า 5 ปีไปทำอะไรมาบ้าง


โดยรวมที่หายไปก็คือหยุดพัก หยุดพัก เหมือนว่ามี่ได้มานั่งคุยกับตัวเองว่าเราอยากทำมันอยู่หรือเปล่า เรายังรักตรงนี้อยู่ไหม แล้วถ้าเราทำเราจะทำอะไร ช่วงนั้นก็ใช้เวลานานพอสมควรที่จะคิด เลยถือโอกาสพักไปในตัวด้วย

***อะไรที่ทำให้ “ปาล์มมี่” รู้สึกว่าไม่แน่ใจในเส้นทางการเป็นศิลปินของตัวเองแล้ว


มันอาจจะเป็นเพราะว่าเราเล่นคอนเสิร์ต และทำงานซ้ำๆ อยู่อย่างนั้นนานเกินไป จนเริ่มรู้สึกว่าจะหมดไฟ เลยรู้สึกว่าตัวเองต้องเบรก เพราะถ้าเราไม่เบรค อาจจะทำให้มี่ไม่อยากทำมันอีกเลยก็ได้ มี่เลยต้องการการหยุดพัก เพื่อคิดอะไรต่างๆ นานา คิดเห็นอย่างอื่น ทำอะไรอย่างอื่นบ้าง

**แล้วอะไรที่ทำให้ “ปาล์มมี่” กลับมาสู่เส้นทางดนตรีอีกครั้ง


มี่ว่าเป็นเพราะเพลงในอัลบั้มนี้มากกว่าที่ทำให้มี่กลับมา มันไม่ได้อยู่ๆ ทำได้เพลงหนึ่ง แล้วอยากกลับมาเลย มันเป็นการลองไปเรื่อยๆ เหมือนทดสอบจิตใจไปเรื่อยๆ ลองทำหนึ่งเพลง เพลงที่สองเกิดขึ้น ซึ่งระหว่างที่ทำก็มีท้อในระหว่างทางเหมือนกัน พอทำไปแล้วได้เพลงที่สี่ที่ห้าที่หกมา มันรู้สึกเหมือนเลือนราง แต่มันก็ใกล้ความเป็นจริง แล้วมันก็คิดออกด้วย มันเลยทำให้สนุกกับการทำงาน สบายใจกับการทำงาน โดยที่ไม่ได้นึกถึงการตลาดหรืออะไรมาเกี่ยวข้องเลย รู้สึกเต็มที่กับเพลงมากๆ มี่เอ็นจอย สนุกกับมันมากๆ ทำให้มี่อยากทำให้มันสำเร็จ




ปาล์มมี่ปาล์มมี่


**ก่อนที่ “ปาล์มมี่” จะหยุดพักไป ช่วงนั้น “ปาล์มมี่” ได้ชื่อว่าเป็นศิลปินหญิงที่โด่งดังมากคนหนึ่งของเมืองไทย เสียดายไหมที่ทิ้งโอกาสในช่วงนั้นไป

ไม่เลย ประเด็นของมี่ไม่ได้ที่จะมาตักตวงรายได้อะไรจากตรงนี้มากมาย มี่ต้องการที่จะทำเพลงที่มันดี ในความรู้สึกในความเห็นของมี่ อยากให้คนที่ทำเพลงเขารู้สึกว่าเพลงดีๆ มันเกิดขึ้นจากฝีมือคนไทยมันยังมีอยู่ ไม่ได้คิดว่าเรื่องเงินเป็นเรื่องสำคัญสำหรับมี่ขนาดนั้น ความสุขที่ได้ทำงานมันสำคัญกว่า แต่ว่าความสุขตรงนั้นมันหาได้จากอะไร ถ้าตอนนี้เราทุกข์อยู่ ถ้าเกิดเราทำมันมากๆ ได้เงินมากๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้น มันไม่ได้ช่วยให้มี่มีความสุข มันเลยทำให้มี่ไม่เคยคิดตรงนั้นเลยว่ามันเป็นการเสียโอกาสหรือเปล่า มี่ไม่เคยมีความเชื่อเรื่องนั้นเลย

**ทำไมถึงเลือกที่จะกลับมาบ้านเก่า “แกรมมี่” อีกครั้ง ทั้งที่มีค่ายต่างๆ สนใจ “มี่” มากมาย


มี่คุยกับพี่เล็ก (บุษบา ดาวเรือง) ตลอด คือพี่เล็กเป็นคนที่ดูแลมี่มาตั้งแต่อัลบั้มแรก มีอะไรจะคุยกับพี่เล็กตลอดเวลา พี่เล็กกับคุณไพบูลย์ (“อากู๋” ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม) เป็นคนที่ทำให้มี่เป็นที่รู้จัก สุดท้ายแล้วไม่ว่ามี่จะออกไปทำงานอยู่ตรงไหน พี่เล็กยังคอยถามไถ่มี่เหมือนเดิม คือเราอยู่กันแบบพี่น้อง ไม่มีการที่จะมาเสียความรู้สึกกันว่าจะอยู่หรือไม่อยู่ที่แกรมมี่ ไม่มีทะเลาะไม่มีขัดใจอะไรกัน คุยกันแบบง่ายๆ ตอนที่กลับมามันก็เหมือนกัน คือเรามีการพูดคุยกันในบรรยากาศแบบสบายๆ แล้วอยู่ในเงื่อนไขที่มันโอเค ทุกอย่างมันลงตัวได้ มี่ก็พร้อมที่จะอยู่ที่ไหนก็ได้ ที่เขาอยากทำงานกับมี่


**กลับมาสู่บ้านหลังเดิม ความรู้สึกมันเหมือนเดิมไหม


มี่ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นบ้านหลังเดิม แต่เหมือนเป็นบ้านหลังใหม่ในพื้นที่เดิมมากกว่า บรรยากาศดีมากๆ ทีมงานก็เคารพซึ่งกันและกัน เคารพในความคิดของทุกคน ไม่มีเรื่องวัยมาเกี่ยวข้องว่าคนนี้เด็ก คนนั้นผู้ใหญ่ เลยรู้สึกว่าทำงานแล้วมันสบายใจ

**ตลอดเวลาที่หายไปติดต่อกับแฟนคลับบ้างไหม


ติดต่อตลอด อย่างเมื่อปลายปีที่แล้ว มี่เพิ่งมีเฟซบุ๊ก (หัวเราะ) มี่ทำเฟซบุ๊กขึ้นมาเอง แล้วก็มีคนเข้ามาแอดเอง จากหลักสิบเป็นหลักร้อย ซึ่งกว่าจะขึ้นร้อยเป็นเดือนเลย เพราะว่าตอนนั้นมีคนที่ทำเป็นมี่ แล้วมีแฟนเพจอยู่ประมาณสองหมื่น แต่ของมี่มีอยู่ประมาณสองร้อย ซึ่งเราเองไม่รู้จะพูดยังไงว่าเขาไม่ใช่มี่นะ (หัวเราะ) แต่เวลาก็พิสูจน์แล้ว และตอนนี้คนนั้นเขาก็หายไปเอง ซึ่งมี่อยากจะบอกว่ามี่เป็นคนที่ไม่เคยพึ่งเรื่องโซเชียลเน็ตเวิร์กเลย เพราะมี่รู้สึกว่ามันไม่มีอยู่จริงๆ แล้วเราไม่รู้จะเชื่อสิ่งเหล่านี้ได้ยังไง เลยอยู่กับตัวเอง อยู่กับมนุษย์จริงๆ แต่พอมีเฟสบุ๊คแล้วมีคนที่เขารู้จักเราจริงๆ คอยมาให้กำลังใจ บางวันมี่รู้สึกว่าไม่อยากที่จะออกไปอัดเพลงด้วยซ้ำไป เพราะมันมีความกดดันเยอะมาก แต่พอได้เข้ามาอ่านมันเกิดความรู้สึกแปลกแต่จริง คือมันทำให้กำลังใจเรามา มันทำให้พลังพิเศษที่มันซ่อนอยู่แสดงออกมา มี่รู้สึกว่าจะทำเพลงนี้ออกมา เพื่อให้คนที่เขาให้กำลังใจมี่มา เขาจะได้ไม่ผิดหวังกับมัน




ปาล์มมี่ปาล์มมี่


@@ เปิดโลกของ “ปาล์มมี่”

**คนมองว่า “ปาล์มมี่” เป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง

มี่ว่าทุกคนต้องการพื้นที่ส่วนตัวตรงนี้ ซึ่งมี่เป็นคนค่อนข้างหวงในพื้นที่ตรงนี้ของมี่ เพราะมี่ไม่ได้เป็นคนที่สังคมอะไรมาก ไม่ได้กลืนหรือลื่นไหลกับสิ่งที่มันจะเป็นไปในสังคมนี้ มี่แค่มีความสุขที่ได้อยู่กับบ้านอยู่กับครอบครัว อยู่กับเพื่อนที่เราสบายใจ เลยไม่ได้เห็นมี่ตามสื่ออะไรมากนัก เลยอาจทำให้คนตีความไปว่ามี่เป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง ซึ่งจริงๆ เราก็ชอบแบบนี้ (หัวเราะ)

**เวลาที่มีคนมาบอกว่า “ปาล์มมี่ติสต์แตก” เรารู้สึกอย่างไร


ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย มี่ไม่เคยเอาคำพวกนี้มากระทบกับใจมี่หรือตัวมี่ เพราะทุกอย่างมันพิสูจน์ด้วยงาน มี่แคร์แค่นี้เอง แคร์แค่ว่าสุดท้ายแล้วมี่ทำอะไรออกมา แล้วคนชอบมันหรือเปล่า ถ้าคนชอบมันก็จบ เราแค่สื่อสารกัน แค่นี้มี่ก็แฮปปี้มากๆ แล้ว


**ชีวิตส่วนตัวจริงๆ เวลาปกติของ “ปาล์มมี่” ทำอะไรบ้าง


มี่เป็นคนติดบ้าน ชอบอยู่บ้าน พออยู่บ้านมี่ชอบหาเรื่องทำอะไรอยู่แล้ว ชอบหาเรื่องทำนั่นทำนี่ หาเรื่องเรียนนั่นเรียนนี่ แล้วแต่บรรยากาศของวันนั้นๆ บางทีก็อยากที่จะอยู่เงียบๆ ไม่ทำอะไรเลย บางทีก็ออกไปดูต้นไม้ ซื้อของแต่งบ้าน เดินเล่น เดินดูของ เดินดูเสื้อผ้าตามตลาดนัด ไปต่างจังหวัด ไปต่างประเทศบ้าง คือชีวิตธรรมดามาก ชอบอะไรบ้านๆ ไม่ได้หวือหวาอะไร หวือหวาที่สุดของมี่คือซื้อตั๋วไปดูคอนเสิร์ต (หัวเราะ)


**ความสุขของ “ปาล์มมี่” ในแต่ละวันคืออะไร


สำหรับมี่ความสุขมันหาได้ง่ายมาก แค่ไปเดินตลาดสดเห็นของระรานตา แล้วซื้อมาทำกินที่บ้าน เรียกเพื่อนๆ มาทานกัน มี่ก็แฮปปี้แล้ว มี่ว่ามันเป็นเรื่องปกตินะ เพราะตามชนบทที่เขาไม่พึ่งวัตถุนิยมเขาก็ใช้ชีวิตแบบนี้ 

**มองอนาคตของตัวเองหลังจากนี้ไว้อย่างไร

แค่อยากอยู่กับปัจจุบัน แค่อยากทำให้ดีที่สุดในเรื่องที่เราต้องรับผิดชอบ แล้วก็อย่าไปตั้งความหวังอะไรไว้สูงมากมาย เพราะมันจะกลายเป็นความกดดันซะเปล่าๆ พอความคาดหวังถูกตั้งเอาไว้ ได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้ในช่วงเวลาที่หยุดพักไป มี่พยายามจนกลายเป็นคติประจำตัวมี่ไปแล้วว่า จะมองแค่สิ่งที่มี่ทำอยู่ในวันนี้ แล้วเผื่อวันหนึ่งมี่เกิดพลาดในสิ่งที่ทำ จะได้ไม่ต้องเสียใจมาก มี่ได้บทเรียนมาและเห็นมันแล้ว แค่อยากมีความสุขกับชีวิตมากกว่า




ปาล์มมี่ปาล์มมี่

@@ รักไม่แสดงออก

**มุมมองความรักของ “ปาล์มมี่” เป็นแบบไหน

มองว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่ทำให้เกิดความรักได้ คือการเปิดใจ มันคือการกล้าเปิดใจยอมรับกันและกัน และกล้าที่จะพูดมันออกมาจริงๆ ถ้ามันมีตรงนี้ได้ มี่ว่าไม่ว่าจะเกิดกับความรักแบบไหน มี่ว่าเป็นของขวัญที่ดีที่สุดแล้วที่จะทำให้คนคนหนึ่งมีความสุข แล้วจะไม่อึดอัดที่จะอยู่ด้วยกัน ซึ่งความรักเป็นเรื่องที่ทำให้โลกนี้วิ่งต่อไป


**เคยคิดเรื่องของชีวิตคู่ หรือการแต่งงานสวมชุดเจ้าสาวบ้างไหม

มี่ไม่มีภาพนี้อยู่ในหัวเลย อาจจะไม่ได้เหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ที่มักจะมีความฝันว่าความฝันสูงสุดคือการแต่งงาน หรือการได้ใส่ชุดเจ้าสาว มี่ไม่มีมุมนั้นเลย อาจจะเพราะว่าไม่ได้โดนเลี้ยงดูมาแบบนั้นด้วย มี่มองว่าการใช้ชีวิตโดยการที่เรียนรู้กันไปแต่ละวันมันสำคัญกว่า การได้รู้จักคนการได้แลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน มิตรภาพสำคัญที่สุด ซึ่งแม้แต่งงานไปไม่มีตรงนี้ก็อยู่ไม่ได้ เลยไม่ได้มองว่าการแต่งงานคือคำตอบ


นี่แหละ “ปาล์มมี่” ของทุกคน!!!

........................

เธอคนนี้ : ปาล์มมี่ อีฟ ปานเจริญ
เกิด :  7 สิงหาคม พ.ศ. 2524
การศึกษา : จบ High School ที่ Holy Cross College ( ซิดนีย์, ออสเตรเลีย)
ผลงานที่ผ่านมา : อัลบั้ม "Palmy" อัลบั้ม "Stay" อัลบั้ม "Beautiful Ride"
ผลงานล่าสุด : ซิงเกิ้ลเพลง “คิดมาก” ในอัลบั้ม “ไฟว์ (5)”

.......................

เรื่อง : ณัฎฐิรา  หลอดแก้ว




ปาล์มมี่ปาล์มมี่


ปาล์มมี่ปาล์มมี่

เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์