ชีวิตหลากรสซินดี้ สิรินยา

ชีวิตหลากรส"ซินดี้" สิรินยา

หลังคว้าตำแหน่งมิสไทยแลนด์เวิลด์ ปี 2539 ก็ก้าวเข้าสู่วงการนางแบบ ถึงวันนี้คงไม่เกินเลยหากจะบอกว่า "ซินดี้" สิรินยา บิชอพ (เบอร์บริดจ์) คือหนึ่งในสุดยอดนางแบบของเมืองไทย และนอกจากอาชีพนางแบบแล้วงานแสดงก็ยังเป็นอีกส่วนหนึ่งซึ่งทำให้เธอเป็นที่ชื่นชอบของใครต่อใครหลายคน...


ด้วยความสามารถหลากหลายด้าน วันนี้ "บันเทิง คม ชัด ลึก" เลยถือโอกาสคว้าตัวนางแบบสาวชื่อดังมาเปิดใจกับทุกเรื่องราวให้ได้ฟังกัน ทั้งเรื่องงาน ชีวิต และความรักที่ลงตัวหลังจากแต่งงานกับนายแบบหนุ่ม ไบรอน บีชอพ ส่วนว่าจะน่าสนใจขนาดไหนติดตามอ่านได้โดยพลัน...


ว่าด้วยเรื่องงาน

กระแสตอบรับจากละครเรื่อง "กุหลาบสีดำ" เป็นอย่างไรบ้าง

กระแสตอบรับดีมาก มีคนทักเยอะ เขาติดละครเรื่องนี้เยอะเหมือนกัน เพราะด้วยอะไรหลายๆ อย่าง ส่วนใหญ่ก็จะบอกว่าทำไมร้ายจังเลย จริงๆ ซินดี้ชอบนะกับการที่มีกระแสตอบรับแบบนี้ตลอดเวลา เพราะนั่นแสดงว่าคนเขาก็เห็นถึงบทบาทที่เล่น


แสดงว่าตอนนี้จะยึดบทนางร้าย

โอ๊ย ! มีแต่บทนี้ที่ได้เล่น ซึ่งก็โอเค ถือว่าเป็นภาพเราที่เล่นได้ถึง เขาก็เลยชอบเราเล่นบทนี้ จริงๆ บทดีๆ ไม่ค่อยมีใครติดต่อมา (หัวเราะ) แต่จะมีหนังใหญ่เรื่อง "เดอะ คิง เมคเกอร์" ที่ได้เล่นเป็นนางเอก หนังเรื่องนี้จะเปิดตัวที่เมืองไทยวันที่ 20 ตุลาคมนี้ แล้วหลังจากนั้นก็จะไปต่างประเทศ คือหนังเรื่องนี้จะฉายที่เมืองไทยก่อน แล้วก็จะจัดจำหน่ายที่อเมริกาและยุโรปด้วย


ในเรื่องนี้เล่นเป็นใคร

ซินดี้เล่นเป็นมาเรียสาวโปรตุเกตที่อยู่ในยุคสมัยอยุธยาแล้วก็เป็นนางเอกที่มีเรื่องราวความรักกับพระเอก เรื่องนี้จะมีบทอารมณ์เยอะ เพราะในเรื่องจะถูกทรยศ หนังเรื่องนี้จะออกแนวดราม่าและเป็นหนังย้อนยุค ซึ่งทุกอย่างจะต้องเปะๆ ยอมรับว่าหนังจะแตกต่างกับละครมาก คือละครจะถ่ายไปได้เยอะและดำเนินเรื่องเร็ว แต่หนังต้องช้าทุกอย่าง เพราะต้องละเอียดมาก


แสดงว่าหนังเรื่องนี้ก็ถือว่ายากสำหรับซินดี้

ก็ค่อนข้างยาก เพราะละครเราชินกับการแสดงแล้ว


ดูซินดี้ตื่นเต้นกับหนังเรื่องนี้มาก

ตื่นเต้นนะ เพราะเราเองก็รอมานานแล้ว ถ่ายเสร็จตั้งแต่ปีที่แล้ว ซินดี้อยากเห็นหน้าตัวเองอยู่บนจอใหญ่ๆ เพราะเราเคยแต่เห็นคนอื่น อย่างภาพโปสเตอร์โปรโมทเราก็จะเห็นภาพคนอื่นมาตลอด ซึ่งก็ได้แต่มอง แต่นี่เราจะได้เห็นภาพของตัวเองแล้ว


คาดหวังกับหนังเรื่องแรกในชีวิตไหม

ถามว่าคาดหวังอะไรไหม ซินดี้คิดว่าคงจะออกมาดี คือเราก็ทุ่มเทกับตรงนี้ หลังจากที่เข้าไปอัดเสียงเพิ่ม ซินดี้คิดว่าน่าจะออกมาดีมาก เพราะภาพสวยและเป็นอะไรที่คนไทยยังไม่เคยเห็น


ที่ผ่านมาซินดี้ค่อนข้างเลือกงาน มีเกณฑ์ในการเลือกงานอย่างไรบ้าง

อันนี้ยอมรับ ซินดี้จะดูว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน อย่างหนังมีติดต่อมาเยอะมาก แล้วก็ปฏิเสธไปเยอะเหมือนกัน พอเห็นหนังเขาออกมา เราก็มาย้อนคิดว่าเราคิดผิดไปหรือเปล่า แต่ก็จะคิดอีกมุมว่าถูกแล้วล่ะที่ไม่รับ เพราะไม่อย่างนั้นเราคงไม่หลุดออกมาจากภาพเดิมๆ ต้องขอบอกว่าหนังเรื่อง "เดอะ คิง เมคเกอร์" ถือว่าเป็นการพลิกบทของซินดี้เลย คนที่ไม่เคยเห็นภาพซินดี้ในแบบที่เป็นนางเอกหวาน เรื่องนี้จะได้เห็น


แหม...มีหนังติดต่อมาเยอะแบบนี้ ทำไมไม่รับล่ะ

ซินดี้มีความรู้สึกว่ามันยังไม่ใช่ อาจจะไม่เด่นพอ หรือว่าเนื้อเรื่องเราไม่ชอบ รู้สึกว่าถ้าบางเรื่องสอนอะไรผิดๆ ซินดี้ก็จะไม่ทำ บางทีเราจะดูว่าถ้าเราเล่นเรื่องนี้ภาพจะออกมายังไง ต้องระวังภาพตัวเองมากขึ้น เพราะเราโตแล้ว ซินดี้รู้สึกว่าสิ่งที่เราทำในการเป็นนักแสดงนั้น มีคนอื่นมองเราอยู่ และเอาเราเป็นตัวอย่าง เป็นแบบอย่าง ซินดี้ไม่ได้หมายความว่าเรื่องที่ติดต่อมันร้ายแรง แต่นี่อาจจะเป็นหนึ่งมุมมองก็ได้ ถึงแม้ว่าทุกวันนี้ซินดี้จะเล่นบทร้ายตบตีเขา แต่ถ้ามีอะไรที่เราแอนตี้มากๆ หรือว่าเกินไป เราก็จะบอกว่าซินดี้ไม่ทำตรงนี้นะ


ช่วงนี้เริ่มเห็นซินดี้เข้ามารับงานพิธีกรมากขึ้น

ใช่...มีคนมาจ้างเยอะเหมือนกัน ซึ่งมันก็สามารถพิสูจน์ตรงนี้ได้ แต่ซินดี้ก็ยังมีข้อผิดพลาดบ้าง ตอนนี้ซินดี้มีรายการที่ทำอยู่คือ "แฟมิลี่ เซอเคิล" ซึ่งเป็นรายการครอบครัว ทางช่อง 5 แล้วก็มีงานพิธีกรในงานต่างๆ


ภาษาไทยของซินดี้ก็แข็งแรงขึ้น

ซินดี้ก็พยายามพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ แต่สิ่งที่ยังติดอยู่คือการอ่านชื่อสดๆ ตรงนั้น บางทีเรากลัวที่จะอ่านผิด แต่นอกเหลือจากนั้นซินดี้ว่าตัวซินดี้ก็โอเคแล้ว เราโชคดีที่ได้สองภาษา ถ้ามีงานที่ต้องใช้สองภาษา เขาก็จะนึกถึงเรา


ซินดี้อยู่ในวงการมากี่ปีแล้ว

จากเริ่มถ่ายโฆษณา ตอนนั้นซินดี้อายุ 13 ตอนนี้ซินดี้อายุ 26 ปีแล้ว ก็อยู่มา 13 ปีแล้ว แต่คนจะจำเราไม่ได้จากตรงนั้น เพราะคนจะจำได้จากการประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์มากกว่า


แล้ววางแผนงานในวงการบันเทิงอย่างไรบ้าง

อยู่วงการนี้มา 13 ปี ดีนะ ซินดี้ก็ยังทำงานในวงการนี้ไปเรื่อยๆ เห็นเพื่อนๆ พี่ๆ เขาไปทำงานเบื้องหลังกันเยอะ แต่เรายังไม่ ขอทำงานเบื้องหน้าก่อน พี่ๆ เขาโตกว่าเราเยอะมีประสบการณ์มากกว่าเรา ตอนนี้คงยังไม่พร้อม ขอเก็บประสบการณ์ตรงนี้ไปเรื่อยๆ แล้วก็รอดูหนังว่าถ้าหนังเรื่องนี้ที่ซินดี้เล่นไปได้ด้วยดี อีกหน่อยเราอาจจะเล่นหนังมากขึ้น เพราะซินดี้ชอบตรงนี้ด้วย


จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์อีกกี่ปีถึงจะหันมาทำงานเบื้องหลัง

ซินดี้ต้องดูอีกสักพักหนึ่ง จริงๆ งานเบื้องหลังมันเหนื่อย บางทีซินดี้อาจจะหางานอย่างอื่นทำเลยก็ได้ (หัวเราะ) เพราะถ้าจะอยู่ในวงการตลอดเราต้องพึ่งคนเยอะ เราอยากจะทำอะไรเป็นของตัวเอง แต่อันนี้ยังบอกไม่ได้ เพราะตอนนี้กำลังยุ่งกับงานที่มีอยู่แล้ว


ชีวิตหลังแต่งงาน

ชีวิตหลังแต่งานเป็นอย่างไรบ้าง

ดีนะ มีคนถามว่าชีวิตเปลี่ยนไปมั้ย ชีวิตความเป็นอยู่ก็ไม่ได้เปลี่ยนเยอะ โอเคเรามาอยู่ด้วยกัน แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือมองเขาเป็นสามี จากเมื่อก่อนเป็นแฟนกุ๊กกิ๊กกัน ตอนนี้ไม่กุ๊กกิ๊กแล้วเพราะว่าลงเอยกันแล้ว แล้วก็เปลี่ยนชื่อนำหน้าเป็นนางในบัตรประชาชน เราก็ไปอวดเพื่อนว่าฉันเป็นนางแล้วนะ (หัวเราะ)


ก่อนแต่งงานกับหลังแต่งงาน ไบรอนยังเหมือนเดิมไหม

เขาก็เหมือนเดิมทุกอย่างในเรื่องนิสัย แต่จะมีเพิ่มขึ้นเขาจะเริ่มมาดูแลเรามากขึ้น วางแผนอนาคต ทุกอย่าง หนักแน่นมากขึ้น


มีทะเลาะกันบ้างไหม

ไม่มีนะ ไม่อยากทะเลาะ เราไม่ให้มีถึงขั้นนั้นหรอก คือถ้ามีอะไรเราจะเคลียร์เลย ไม่อยากให้มันค้างคาใจ จะเครียดเรื่องงาน เรื่องครอบครัว เพราะซินดี้มีเรื่องอื่นอีกเยอะที่จะต้องดูแล


แล้วเมื่อไรจะมีทายาทสักทีล่ะ

คงสักพักใหญ่ๆ เลยล่ะ เพราะยังไม่พร้อมจริงๆ ตอนนี้ก็วางไว้ว่าซินดี้ต้องอายุ 30 ปีไปแล้ว ปีนี้ซินดี้อายุ 26 ปีก็เหลือเวลาอีก 4 ปี ถามว่ากลัวมั้ยอายุมากขึ้นแล้วจะมีลูกยาก ซินดี้ไม่กลัวนะ เพราะสมัยนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อน ผู้หญิงจะดูแลสุขภาพดี ก็แข็งแรง ซึ่งตอนนี้ซินดี้ก็เริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่ตอนนี้แล้วนะ


ที่บ้านเร่งเรื่องมีทายาทไหม

ไม่เร่งหรอก เพราะที่บ้านรู้ว่าซินดี้มีภาระเยอะมาก เขาเข้าใจว่าถ้ามีแล้วจะน่าลำบากมากกว่า เห็นซินดี้ทำงานเยอะ น่าจะรวย แต่เงินมีทางออกเยอะ ต้องคอยดูแลคุณพ่อที่กำลังไม่สบาย เพราะคุณพ่อเป็นเส้นเลือดในสมองตีบ ข้อเข่าเสื่อม กระดูกสันหลังเสื่อม แล้วก็เริ่มหลง คือเป็นโรคคนแก่ คงต้องรอให้ทุกอย่างเคลียร์ให้หมดก่อน

หลายคนถามว่ามีลูกหรือยัง ซินดี้ว่าตอนนี้ไม่มีก็เหมือนมีแล้วล่ะ (หัวเราะ) เพราะเราต้องพาคุณพ่อไปหาหมอ ซื้อเสื้อผ้าให้ ซินดี้ก็เป็นห่วงคุณพ่อเพราะเขาสุขภาพไม่ค่อยดี คุณแม่ซินดี้ไม่ห่วงเพราะท่านเก่งอยู่แล้ว ตอนนี้ก็สอนภาษาอังกฤษอยู่ที่พัทยา


ส่วนหนึ่งที่ไม่พร้อมจะมีลูกเพราะซินดี้ยังต้องดูแลครอบครัวให้ดีก่อนใช่ไหม

ใช่...คือถ้ามีลูกซินดี้ก็อยากเลี้ยงเอง ไม่ให้คนอื่นเลี้ยง อีกอย่างถ้ามีลูกเราก็คงไม่ทำงาน สัก 2-3 ปี ไบรอนเขาก็ไม่เรียกร้องนะ คนนั้นเขายิ่งไม่เอาเลยล่ะ (หัวเราะ) คือต่างคนต่างรู้ว่าอะไรจะเป็นไปได้บ้าง


เรื่องราวชีวิต

รู้มาว่าซินดี้เป็นคนหัวโบราณมาก

ซินดี้เป็นคนหัวโบราณมาก (ลากเสียงยาว) จะชอบอะไรที่เป็นประเพณี โชคดีที่ซินดี้ได้ทั้งสองวัฒนธรรม เราเอาดีมาทั้งสองอย่าง อะไรไม่ดีเราก็ทิ้งมันไป แต่ซินดี้คิดว่าตัวเองมีความเป็นไทยค่อนข้างเยอะ เป็นเพราะเราคลุกคลีกับคนไทยและอยู่ที่นี่มาตลอดชีวิต


รักเมืองไทยขนาดนี้ แสดงว่าจะไม่ไปไหนแล้วใช่ไหม

อยู่ที่นี่ล่ะ ซินดี้เกิดที่นี่ก็ต้องตายที่นี่ ซินดี้เคยไปเที่ยวหลายประเทศ ไม่เคยมีประเทศไหนที่มีความรู้สึกว่าอยากอยู่เลย


ตลอดระยะเวลา 13 ปีในวงการบันเทิง ซินดี้วางตัวอย่างไรบ้าง

ซินดี้ระวังตัวด้วย แต่เราก็เป็นตัวของตัวเองแบบนี้ล่ะ อย่างอะไรหวือหวาเราก็ไม่ชอบอยู่แล้ว คืออาจจะมีบางช่วงที่เรายังเด็กตัดสินใจอะไรผิดพลาดไปบ้าง แต่ก็พยายามทำตรงนี้ให้ดีที่สุด เพราะว่าเราไม่มีงานอื่นแล้ว เราต้องพึ่งตรงนี้อย่างเดียว ฉะนั้นเราก็ต้องทำตัวดี


มีนางแบบรุ่นน้องเข้ามาเยอะกลัวตกงานไหม

ไม่นะ ซินดี้ว่าดีนะเพราะเป็นการกระตุ้นให้วงการนางแบบมีการแข่งกันเยอะขึ้น จากเมื่อก่อน มีแต่กลุ่มเดิมๆ ตอนนี้ทำให้คนที่อยู่เดิมๆ อยู่นิ่งไม่ได้


ด้วยอาชีพนางแบบต้องมีหวือหวา ถ้าซินดี้มีลูกจะอธิบายให้ลูกเข้าใจได้อย่างไร

ถึงจุดนั้น ซินดี้ก็คงไม่มีอะไรหวือหวาออกมาให้ลูกเห็นแล้วมั้ง (หัวเราะ) คงไม่ถึงกับหยุด แต่ต้องดูมากขึ้น อย่างตอนนี้ซินดี้ก็ดูอยู่นะ เพราะเราแต่งานมีครอบครัวแล้ว เราไม่ได้อยู่คนเดียวแล้ว เพราะเรามีสามีจะทำอะไรก็ระมัดระวังมากขึ้นกว่าเดิม

ถ้าวันหนึ่งต้องอธิบายให้ลูกฟัง เราก็จะบอกเขาว่านี่เป็นช่วงชีวิตของการทำงาน ทุกคนมีสิทธิพลาด พยายามเป็นแม่ที่ดีให้กับลูก เหมือนกับที่คุณแม่ซินดี้เป็นเพราะคุณแม่จะปล่อยอิสระเต็มที่ คุณแม่สอนทุกอย่างแล้วค่อยปล่อยเรา และหวังว่าลูกจะเข้าใจตรงนี้

แหม...ได้รู้ว่าเรื่องราวของเธออย่างลึกซึ้งขนาดนี้ เชื่อว่าคำพูดของเธอคงพิสูจน์ให้เห็นว่าเธอเป็นคนไทยเต็มร้อยจริงๆ


เรื่อง/เพ็ญนภา ดำเล็ก