ปอย-ตรีชฎา ฉันก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง

เป็นสาวประเภทสองที่ฮอตที่สุดในประเทศไทย สำหรับ ปอย-ตรีชฎา เพชรรัตน์ เพราะนอกจากเธอจะมีตำแหน่งมิสทิฟฟานีปี 2004 เป็นใบการันตีความงามแล้ว

เธอยังมีงานหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย และที่ทุกคนจับตามองมากที่สุดคงหนี ไม่พ้นเรื่องหัวใจของเธอ เพราะที่ผ่านมาเธอตกเป็นข่าวคราว กับหนุ่ม ๆ ในวงการหลายต่อหลายคน และล่าสุดเธอก็ตกเป็นข่าวกับ มิวสิค-รัชพล แย้มแสง วันนี้ “ดาวต่างมุม” เลยเชื้อเชิญเธอมาเปิดใจถึงชีวิตที่ผ่านมา และที่สำคัญเรายังถามไถ่ถึงเรื่องความรักของปอยด้วย เอ้า!ไปดูเรื่องราวต่าง ๆ ของเธอกันเลยดีกว่า


ช่วงวัยเด็กปอยเป็นเด็กแบบไหน
   
-ปอยเป็นเด็กค่อนข้างซนแบบเด็กผู้หญิง ชอบปีนต้นไม้ เล่นหม้อข้าวหม้อแกง ติดพ่อติดแม่ แต่ปอยจะรู้ตัวตั้งแต่เด็กแล้วว่าเราเป็นอะไร เรียกว่าตั้งแต่จำความได้ เราไม่ได้รู้สึกว่าเราชอบเป็นผู้หญิง แต่เรารู้สึกว่าเราเป็นเพศหญิง พอเราสามารถระบุเพศ เริ่มเข้าใจสรีระ ก็รู้ว่าเราไม่ใช่เพศผู้หญิง แล้วเราก็ยังคิดว่าพ่อแม่เราแปลงเพศให้เราเป็นเด็กผู้ชาย ตอนนั้นพ่อแม่ก็พยายามที่จะเปลี่ยนให้ปอยเป็นเด็กผู้ชายนะ แต่ก็เปลี่ยนไม่ได้ แต่ปอยก็โชคดีอย่างหนึ่งนะ เราไม่จำเป็นต้องบอกท่านว่าเราเป็นอะไร เขาเห็นพฤติกรรมปอยตั้งแต่เด็กเขารู้หมด ขนาดคนทั้งหมู่บ้านยังรู้เลยว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่เด็กผู้ชาย เขารู้ว่าเราตุ้งติ้ง และปอยก็ไม่ได้เป็นเพราะว่าเราไปเลียนแบบใคร เพราะคนในหมู่บ้านไม่มีใครเป็นแบบนี้ มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่เกิด อาจเป็นเวรเป็นกรรมของเรามากกว่า

ตอนแรกพ่อแม่เสียใจมั้ยที่ปอยเป็นแบบนี้

   
-ท่านต้องเสียใจอยู่แล้ว ปอยเป็นลูกคนแรก แต่เขาไม่ได้เสียใจแบบร้องไห้นะ เพราะเขาก็เห็นตั้งแต่เด็ก แต่เขาก็คิดว่าเราคงจะเปลี่ยนแปลงได้ ก็พยายามให้เราไปเล่นอะไรแบบเด็กผู้ชาย ปอยก็พยายามนะ แต่เราก็ไม่ชอบ ในใจเราก็เชื่อว่าเราจะเปลี่ยนได้นะ แต่ภาพในหัวกลับนึก  แต่ภาพตัวเองเป็นเด็กผู้หญิงไว้ผมยาวสลวยตลอด ถ้าเลือกได้ก็อยากให้ความรู้สึกและสมองของเราเกิดมาตรงตามเพศที่ติดตัวมา แต่นี่จิตใจและสมองของปอยมันไม่ใช่เพศชายแม้แต่น้อย แต่ร่างกายของปอยมันก็ตามมาเป็นผู้หญิงนะ คงเหมือนกับว่าเราเชื่อมั่นว่าเราเป็นอะไร สิ่งเหล่านั้นมันก็ตามมาด้วย


แต่กว่าจะตัดสินใจแปลงเพศใช้เวลานานมั้ย
   
-ปอยว่าการผ่าตัดแปลงเพศมันไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่นะ ปอยก็ไม่ได้รู้สึกว่าการผ่าตัดจะทำให้เราเป็นผู้หญิงมากขึ้นเท่ากับจิตใจของเรา ตอนเด็ก ๆ ปอยไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องแปลงเพศ แต่พอเข้าวัยรุ่นเรียนมัธยมตอนปลายมันจะมีเรื่องการแต่งตัวและแฟชั่นเข้ามาในชีวิต เราก็รู้สึกว่าจิตใจเราเป็นผู้หญิง แต่ยังพิการอยู่ ก็มีความมุ่งมั่นตั้งแต่ก่อนอายุ 15-16 ปีว่าเราอยากผ่าตัด แต่จะให้ไปทำตั้งแต่ตอนเรียนก็น่าเกลียด พอจบ ม.6 ตอนอายุ 17 ปี ก็ตัดสินใจแปลงเพศเลย ตอนที่จะทำก็เข้าไปบอกคุณพ่อคุณแม่ ท่านก็ไม่เห็นด้วย เพราะท่านมองว่าเรายังเด็กเกินไป ท่านรู้สึกว่าการผ่าตัดเป็นเรื่องใหญ่ เราก็เข้าใจท่าน แต่ท่านเห็นว่าสภาพจิตใจของปอยเริ่มแย่  เหมือนคนเราเกิดมามีอวัยวะเพศทั้งหญิงและชายอยู่ในตัว คุณก็คงไม่แฮปปี้แน่ ๆ เราอยากให้มันไปทางเดียวเลย 

พอได้มาเห็นตัวเองในเรือนร่างผู้หญิง ปอยรู้สึกยังไง
   
-ปอยแฮปปี้นะ แต่ถามว่าปอยเคยนึกภาพตัวเองตอนแก่ออกมั้ย ปอยว่ามันคงขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเอง หน้าปอยคงเหี่ยวแต่ไม่ย้อย เราต้องแก่ไปตามอายุ ปอยก็ไม่ทานเหล้าสูบบุหรี่ ก็จะดูแลตัวเองเท่ากับที่ผู้หญิงคนอื่นทำ และคิดว่าตัวเองคงไม่หน้าเหมือนผู้ชาย มันเป็นไปไม่ได้เพราะโครงหน้าเราไม่ได้เป็นแบบนั้น


รู้สึกยังไงที่คนมักจะพูดว่าปอยสวยกว่าผู้หญิง
   
-ปอยรู้สึกไม่ดีนะ ไม่ได้ภูมิใจเลย เวลาคนชมแบบนั้นปอยก็คิดแค่ว่าเป็นความรู้สึกของเขา ไม่ใช่ความรู้สึกของเรา ไม่รู้สึกเหยียดหยามผู้หญิง แต่พอโตขึ้นมันก็มีผลกระทบ ผู้หญิงบางคนรู้สึกว่าทำไมต้องเอาตัวเขามาเปรียบเทียบ  กับปอย บางคนที่คิดมากก็ทำให้ปอยปวดร้าว เพราะคนมักจะไปเปรียบเทียบกันต่อว่าจะเอาเขาไปเปรียบเทียบกับปอยได้ไง เพราะปอยเป็นของปลอม ปอยต้องไปเสียเงินศัลยกรรม ทั้ง ๆ ที่เราไม่เคยพูดเลยว่าเราสวยกว่าผู้หญิง เวลาเจอผู้หญิงบางคนที่เขม่นเรา ปอยก็จะบอกเคล็ดลับความงามตลอด จะทำดีใส่เขาให้มาก ๆ จนสุดท้ายคนเหล่านั้นก็กลายเป็นเพื่อนของเรา

ผู้หญิงที่สวยที่สุดและผู้ชายที่หล่อที่สุดในสายตาปอยเป็นใคร

   
-มีหลายคนมาก อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ, พลอย เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์ และ เก๋-ชลลดา เมฆราตรี ปอยว่าบางคนที่ไม่ได้เป็นดาราก็สวยเยอะนะ สำหรับผู้ชายก็คือ นิชคุณ หรเวชกุล เพราะเขาเป็นคนหน้าตาดี เรียนเก่งและมีความสามารถ


แล้วอะไรที่ทำให้ปอยตัดสินใจประกวดทิฟฟานี
   
-ตอนเรียน ม.ปลาย ไปรู้จักกับพี่หนึ่งที่เป็นสาวประเภทสอง เป็นรุ่นพี่ที่แปลงเพศแล้ว เขาสวยมาก เราไม่เคยเห็นคนสวยขนาดนี้ เขาก็พาเราไปเที่ยวในกลุ่มของเขา คนในกลุ่มก็ชมว่าเราสวย เขาก็บอกว่าโตขึ้นจะส่งประกวดมิสทิฟฟานี ตอนนั้นเราก็ไม่รู้จัก เขาก็ให้เราไปดูทีวี พอได้เห็นการประกวดเรา ก็รู้สึกว่าเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มาก เหมือนเวทีนางสาวไทย ก็คิดว่าเรียนจบเมื่อไหร่จะประกวดทันที แล้วเราก็เห็นพี่คนหนี่งที่เป็นรองมิสทิฟฟานี เป็นคนในหมู่บ้านของปอยที่ จ.ภูเก็ต เขาได้รับการต้อนรับอย่างดี เราก็เลยคิดว่าอยากทำ แล้วคุณพ่อคุณแม่ก็ไม่คัดค้าน เพราะเป็นกิจกรรมที่ดีอย่างหนึ่ง

ตอนนั้นคาดหวังว่าจะได้ตำแหน่งมั้ย
   
-คาดหวังมาก แล้วคุณแม่พอเห็นเราคาดหวัง เขาก็เต็มที่และ ส่งเสริมเรา วันที่ประกวดพากันมาเชียร์ทั้งบ้าน ตอนที่ได้ก็ดีใจมาก ร้องไห้  แล้วก็เห็นแม่เดินมาเกาะเวที เขาก็ร้องไห้ดีใจไปกับเราด้วย คืนนั้นนอนไม่หลับเลย ดูมงกุฎอย่างเดียว

จากเวทีนั้นมาเข้าสู่วงการบันเทิงได้อย่างไร
   
-การเข้าวงการเป็นสิ่งที่ปอยไม่เคยคาดหวัง แต่ปอยจำไม่ได้ว่าเข้ามาได้ยังไง รู้  แต่ว่ามีคนเชิญปอยไปออกรายการเยอะเหมือนเป็นดารา จากนั้นก็มีเดินแบบ ถ่ายโฆษณา   เล่นละคร จนทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้สึกตัวเองเป็นดารา ปอยรู้สึกเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนตั้งใจให้เป็นแบบนี้ แต่ปอยว่าการที่ปอยมาถึงจุดนี้ได้ ทำให้ทัศนคติของคนไทยบางกลุ่มมองสาวประเภทสองเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แต่การประสบความสำเร็จในชีวิตปอยไม่ได้อยู่ที่เรามีงานเยอะ ปอยอยากเรียนหนังสือจบและมีธุรกิจส่วนตัวอยู่ต่างประเทศ


ความรักของปอยล่ะเป็นอย่างไรบ้าง
       
-ความรักทุกครั้งที่เคยพบเป็นความรักแท้ ทุกวันนี้ปอยยังเจอหรือโทรฯคุยกับแฟนเก่าของปอยอยู่เลย ทุกครั้งที่เลิกรากัน  ไม่ได้เป็นเพราะแฟนนอกใจปอยเลย และเขาก็ดูแลปอยดีเหมือนพ่อดูแลลูกเลย พ่อแม่ของปอยก็รักเขา ส่วนใหญ่ที่เลิกกันก็เป็นเพราะปอย ปอยไม่ได้นอกใจ แต่ปอยเป็นคนขี้เบื่อ รู้สึกชอบอิสระ คิดว่าตัวเองไม่พร้อมคบใครจริงจัง พอแฟนเริ่มจริงจัง ปอยก็จะรู้สึกกลัว แรก ๆ ที่เลิกกันส่วนใหญ่เขาก็โกรธเรา เพราะเขาไม่เข้าใจ แต่ปอยต้องให้เขาไปมีคนอื่นก่อนนะ พอเขาไปมีคนอื่นเขาก็จะไม่โกรธเรา บางคนขนาดเขาไปมีคนอื่นแล้ว แต่เขาก็ยังมาจิตวิทยาใส่เรา ประมาณว่าพอเห็นเราคบใครก็จะบอกว่าคนนั้นไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่พอเขาพูดลักษณะนี้ ปอยก็จะหดหู่ใจทันทีว่าทำไมเขายังไม่มีความสุขกับแฟนใหม่ของเขาอีกนะ รู้สึกว่าตัวเองบาป เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่เด็กเราทำแบบนี้เอาไว้เยอะ แต่ตอนนี้โตขึ้นแล้วก็พยายามปรับปรุงตัวไม่ให้เบื่ออะไรง่าย ๆ

แล้วกับมิวสิคล่ะ
       
-ปอยไม่ได้เป็นแฟนเขา ทุกวันนี้และในอนาคตเราคงคุยกันในฐานะเพื่อนตลอดไป มิวสิคไม่ใช่คนที่ปอยมองหา หลังจากที่มีข่าวออกมา เราก็ยังคุยกันเหมือนเดิม ส่วนใหญ่จะคุยเรื่องข่าว ทุกอย่างที่เขาพูดเขาก็ปรึกษาปอยว่าเราจะพูดยังไงดี ส่วนเรื่องที่ข่าวดึง ลูกโป่ง-ภคมน บุณยะภูติ มาเกี่ยวโยงนั้น ปอยรู้สึกไม่ดี ปอยรู้จากข่าวมานานแล้วว่ามิวสิคมีข่าวกับลูกโป่ง แล้วหลังจากคุยกันไปได้สักพักเขาก็มาบอกปอยเองว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรกับลูกโป่งนะ ก็ไม่รู้ว่าพี่นักข่าวไปได้ยินมาจากไหนเรื่องที่มิวสิคคบกับลูกโป่ง เพราะขนาดเขาสองคนให้สัมภาษณ์ เขาก็ไม่ได้บอกเลยว่าเขาคบกัน


รู้สึกยังไงบ้างกับประโยคที่ว่า “รักแท้ไม่มีในเพศที่ 3”
   
-อย่างที่ปอยบอกนะว่าความรักทุกครั้งของปอยเป็นรักแท้ บอกตามตรงนะปอยเคยเห็นคนเพศที่ 3 เขามีรักแท้หลายคนคบกัน 20-30 ปี มันแล้วแต่ว่าใครจะโชคดี ทุกวันนี้คู่รักชาย-หญิงน้อยคนนะที่จะอยู่กันไปจนแก่จนเฒ่า บางคู่อาจจะอยู่กันจนแก่ แต่สุดท้ายผู้ชายแอบไปมีเมียน้อย แล้วผู้หญิงก็อยู่บ้านเป็นแม่บ้านและทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นโดยที่เขาแกล้งไม่รู้

ปอยได้มองเอาไว้หรือเปล่าว่าคนที่ใช่สำหรับปอยเป็นคนแบบไหน

   
-ขอคนที่นิสัยเป็นผู้ใหญ่ แต่จริง ๆ ปอยก็ยังไม่ได้มองหาสักเท่าไหร่ ตอนนี้ปอยอาจจะยังตอบไม่ได้ว่าคนที่ใช่ของปอยต้องเป็นยังไง คงจะแบบเจอแล้วเรารู้สึกได้มากกว่า มันอธิบายไม่ถูก คนที่ใช่ต้องเป็นคนที่เขารักเราและ  เรารักเขา ไม่ใช่เรารักเขาคนเดียว หรือเขารักเราฝ่ายเดียว เป็นความรักที่ไม่หวังผลตอบแทน แต่มันก็คงยากนะ ความรักที่ไม่หวังผลตอบแทนมากที่สุดคือความรักจากพ่อแม่ พี่น้องและเพื่อนฝูง
       
ทุกวันนี้ดูสาวปอยแฮปปี้กับชีวิตที่เป็นอยู่ เพราะเธอเดินมาไกลมากกว่าที่ฝันเอาไว้ ก็ขอเป็นกำลังใจให้เธอได้สมหวังกับทุกสิ่งที่เธอปรารถนานะจ๊ะ.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์