เปลือยหัวใจ!! “เทย่า โรเจอร์” เผยเรื่องที่แย่ที่สุดในชีวิตนักแสดง!! (มีคลิป)

"เริ่มต้นเข้าวงการตั้งแต่อายุ 11 ตอนนั้นเทย่าเป็นคนขี้อายมาก ขี้อายชนิดที่แบบว่าสั่งอาหารที่โรงเรียนไม่ได้เลย คุณแม่ต้องเป็นคนสั่งให้ตลอด คุณแม่ก็เลยกลัวว่าโตแล้วจะมีปัญหาไม่มีความมั่นใจ ก็เลยให้เทย่ามาลองมาแคสงานดู เห็นว่าตอนนั้นมีแมวมองมาติดต่อพอดี"

"ถ่ายโฆษณามาเรื่อยๆ ประมาณ 2-3 ปีหลังจากนั้นค่ะ แล้วมีบทปริศนาอยากให้เทย่าเล่น ตอนนั้นไม่รู้จักเลยปริศนาคืออะไร ยังไง เป็นใครไม่รู้เพราะอ่านภาษาไทยไม่ออกได้เข้าไปเล่นละครกับ "ติ๊ก เจษฎาภรณ์"

"รู้สึกกดดันนิดนึง แต่ก็ไม่มาก เพราะว่าตอนนั้นเทย่าไม่ค่อยได้ดูละครไทย ก็เลยไม่รู้ว่าใครดังมากน้อยขนาดไหน อีกอย่างโซเชียลยังไม่มี ก็พอรู้ว่าพี่ติ๊กเป็นดาราดัง เป็นพระเอกที่คนรักมาบ้าง แต่ก็มีห่วงเพราะบทปริศนาตอนนั้นอายุประมาณ 20 ต้นๆแต่เทย่าเพิ่ง 14 เอง แล้วต้องมาเล่นเป็นบทสอนเด็กนักเรียน ซึ่งนักเรียนในห้องตอนนั้นอายุมากกว่าเทย่าทุกคน แล้วภาษาไทยของเทย่าก็ไม่แข็งแรงด้วย"

"เหมือนอย่างที่บอกค่ะ ตอนนั้นโซเชียลก็ไม่ค่อยมี คนก็ไม่รู้จะเปรียบเทียบเรายังไงบ้าง รู้แค่ว่าของพี่หมิว เล่นดีมากทุกคนก็รัก แล้วคุณแม่ก็ปลื้มพี่หมิว ส่วนตัวเทย่าคิดว่า การเป็นนักแสดงเราต้องเล่นในแบบของเรา เราห้ามไปเทียบตัวเอง กับคนอื่นที่เคยเล่นบทนี้มาแล้ว แต่ว่าในเวลานั้นคือไม่รู้จะดูบทนี้ยังไง เพราะว่าตอนนั้นไม่มีให้ดูจริงๆ ค่ะ"

"ไม่รู้ตัวเลยค่ะ เพราะว่าตอนที่ปิดกล้อง เทย่าอายุ 15 แล้วก็บินไปอเมริกาเลย เพราะต้องรีบไปเรียนไฮสคูล ซึ่งเป็นช่วงเปิดเทอมพอดี"

"ไม่ค่ะ เพราะว่าตอนแรกที่ย้ายมาเมืองไทยก็ตามคุณแม่มา เพราะว่าคุณแม่ได้งานที่เมืองไทยแล้วจะอยู่แค่ประมาณ 2-3 ปี เดี๋ยวก็กลับอเมริกา แล้ว ไปๆมาๆอยู่ประมาณ 8 ปี แต่ช่วงนั้นเราก็พยายามหาทางที่จะกลับอเมริกา ส่วนตัวเทย่าคุณพ่อ คุณแม่ก็บอกว่าการเรียนมันสำคัญมากๆ ตอนนั้นที่ทำงานไปด้วยแล้วก็เรียนไปด้วย คือตกลงกับคุณพ่อ คุณแม่ว่าถ้าเกรดของเทย่าตกลงเมื่อไหร่ ก็จะเลิกทำงานในวงการทันที เทย่าคิดว่าถ้าจบไฮสคูลที่โน้นการเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยในอเมริกาจะง่ายกว่าร้อยเท่า ค่าเรียนก็จะถูกลงด้วยค่ะ

"การเป็นนักแสดงตอนนั้นคือเหมือนเป็นงานอดิเรก ทำเล่นๆ ไม่ได้คาดหวังอะไร"

"ไม่ค่ะ เพราะคิดว่าตอนถ่ายละครเสร็จ ก็รู้สึกแฮปปี้มาแล้ว ก็ยังบอกทีมงานเลยว่า หวังว่าละครจะสนุกนะคะ แล้วเทย่าก็ไม่ได้อยู่ดู ก็กลับไปเลยค่ะหลังจากนั้นกลับมาอีกทีก็ตอนที่ปิดเทอม แล้วละครก็ออนแอร์ไปแล้ว จำได้ว่าตอนนั้นเดินมาในสนามบินหลังจากเครื่องลง ทุกคนทัก "ปริศนา" ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น งงๆ ไม่รู้ว่าละครดังไปถึงไหน เพราะตอนนั้นไม่มีโซเชียล ไม่มีอะไรเลย แล้วสมัยนั้นกว่าละครหรือว่าหนังสือพิมพ์จะไปถึงเมืองนอกได้ก็อีกหลายอาทิตย์อยู่"

"หลังจากนั้นก็มาถ่ายโฆษณาเรื่อยๆ แล้วก็กลับมาเล่นละครอีกทีนึงตอนจบไฮสคูล ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ก็ห่างกันประมาณ 2-3 ปี กับพี่พอล ภัทรพล"

"อันนี้ก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน เพราะเทย่ากลับมาเพื่อที่จะถ่ายละครเรื่องนั้น พอเสร็จแล้วก็กลับไปเรียนต่ออีกรอบนึง คืออย่างที่บอก ว่าไม่ได้มองการเป็นดาราในสมัยนั้นว่านี่คืออาชีพของเรา มองอย่างเดียวว่ามันเป็นสิ่งที่เรารัก เราทำแล้วสนุก แล้วเราก็ชอบ ทำแล้วโอเคดีได้เงินไปจ่ายค่าเรียนต่อด้วย ได้เจอสิ่งใหม่ๆ ได้เรียนรู้ เจอเพื่อน และในเวลานั้น เทย่าคิดอยากจะเรียนเป็นทนายด้วยซ้ำ เลยไม่ได้คิดว่าจะทำงานในวงการ แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้เรียนทนาย ผ่านไป 2-3 ปี ก็คิดถึงวงการ เลยเปลี่ยนไปเรียนการสื่อสารกับ Marketing เพราะคิดว่ามันเป็นการเชื่อมไปหาวงการได้"

"ก็มีโอกาสได้ไปเล่น MV ให้กับที่เมืองนอก แล้วประกอบกับว่าช่วงนั้นมีแพลนที่จะกลับมาเมืองไทยพอดี"

"ต่างกันนะคะ แน่นอนแหละเขามีเงินทุนสูงกว่าบ้านเรา แล้วเขาก็มีกฎหมายที่ดูแลนักแสดงดีพอสมควร เช่น จะทำงานมากกว่า 10 ชั่วโมงไม่ได้ ถ้าเกินก็ต้องมีค่าตัวเพิ่มให้ แต่วิธีการทำงานก็ไม่ได้ต่างกันมาก"

"ตอนเทย่าจบมหาวิทยาลัยก็ซื้อบ้านค่ะ ซื้อเอง ใช้เงินที่ทำงานในวงการมา แล้วคุณพ่อ คุณแม่ก็เซ็นรับรองให้ด้วย ตอนนั้นเราก็ไม่คิดว่า จะมีคนคิดแบบนั้น จนมีนักข่าวมาสัมภาษณ์ งงๆ นิดหน่อย ก็บอกไปว่า ซื้อเองค่ะ"

"โดนนักข่าวมาถามอีกเหมือนกันค่ะ ก็บอกไปว่าไม่รู้จริงๆ เพราะว่าไม่ได้อยู่ที่เมืองไทย แล้วเทย่าก็ไม่พูดอะไรต่อ หลังจากนั้นเค้าก็เลิกถามค่ะ"

"คบกันมา 3 ปีแล้วค่ะ มันเริ่มต้นจากเราเจอกันบ่อยแล้วก็คุยกันไปเรื่อยๆ รู้จักกัน เป็นเพื่อนกัน แล้วอยู่ดีๆ มันมีโมเม้นท์ไหน ก็ไม่รู้เหมือนกันที่แบบขอเป็นแฟน คือทานข้าวกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน ก็อยู่แบบนั้นมาเรื่อยๆ ค่ะ"

"คือเราจะวางแผนเรื่องอนาคตในด้านอื่นมากกว่า อีกอย่างเทย่าก็ไม่ได้รีบเร่งที่จะมีลูกหรือว่าแต่งงานอะไร ยังไร้แพลนแต่ง ขอรอพร้อมอีกนิดค่ะ"