พอลรักษาชื่อเสียง หวังใช้ช่วยเหลือคน

เป็นพระเอกคนหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่าใช้นางเอกเปลือง สำหรับหนุ่มมาดนุ่มเสียงหล่อ "พอล"ภัทรพล ศิลปาจารย์

ไล่เลียงกันตั้งแต่ "น้องเหมียวเขี้ยวเพชร" ละครเรื่องแรกที่ได้เป็นพระเอกประกบกับ "บัวชมพู ฟอร์ด" ตามติดด้วย คัทลียา แมคอินทอช, เทย่า โรเจอร์, อินทิรา แดงจำรูญ, เจนี่ เทียนโพธ์สุวรรณ, พอลล่า เทเลอร์, สุวนันท์ คงยิ่ง, ศิริลักษณ์ ผ่องโชค, พัชราภา ไชยเชื้อ, หยาดทิพย์ ราชปาล, วรนุช วงษ์สวรรค์, พรชิตา ณ สงขลา, วรัทยา นิลคูหา, ณปภา ตันตระกูล

และล่าสุด ละครเรื่อง "ตุ๊กตาเริงระบำ" ทางช่อง 7

ที่จับคู่กับสาวฮอต "แพนเค้ก"เขมนิจ จามิกรณ์พอแย็บถามเรื่องที่ถูกขนานนามว่าใช้นางเอกเปลือง เจ้าตัวหัวเราะแล้วรีบออกตัว "ไม่หรอกครับ ทั้งหมดมาจากผู้จัดมาจากผู้บริหารช่องว่าพอลน่าจะเหมาะที่จะเล่นกับใคร เหมาะกับบทแบบไหน แล้วบทนางเอกน่าจะเหมาะกับใคร มันเป็นการจับคู่ที่ผู้ใหญ่เลือกให้ ผมพูดได้เพียงว่าตั้งแต่เข้าวงการมาได้เจอแต่นางเอกที่เก่งๆ ทั้งนั้น นอกจากเก่งแล้วยังดังและนิสัยดีด้วย"

จากนั้นคำตอบของหนุ่ม "พอล" ก็หลั่งไหลมาเป็นระยะๆ หลังถูกถาม

‘แล้วมีประทับใจนางเอกคนไหนเป็นพิเศษมั้ย?

พอล - "ประทับใจทุกคนเลย ประทับใจแตกต่างกันไป แต่ละคนมีจุดเด่นที่ต่างกัน ถ้ายกตัวอย่าง "นุ่น" เป็นนักแสดงที่มีวินัยสูง ทำการบ้านมาดี "แพนเค้ก" เป็นคนที่มีความเป็นธรรมชาติ มีพรสวรรค์ในการแสดงสูง "กบ" เป็นนักแสดงที่มืออาชีพมาก "เบนซ์" เป็นลักษณะที่เหมือนเกิดมาเป็นนักแสดงจริงๆ ส่วน "แพท" เป็นเด็กน่ารักอารมณ์ดี สร้างความเฮฮาให้กับทีมงานรวมถึงตัวผมด้วย ทุกคนเก่"หมดแล้วก็รักหมด"


‘นอกจากใช้นางเอกเปลืองแล้ว ยังได้เล่นเลิฟซีนกับนางเอกชนิดจูบจริงตลอด?

พอล - "(ออกอาการเขิน) ถ้าพูดจริงๆ เท่าที่ผมเห็นละครเดี๋ยวนี้ก็มีการจูบจริงกันมากขึ้น แต่ผมก็เห็นคนอื่นเค้าจูบจริงกันนะ"

แต่ดูพอลจะเยอะกว่าคนอื่น?

พอล - "(หัวเราะ) คือต้องบอกว่าเราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เราเป็นนักแสดง นักแสดงเหมือนผ้าสีขาว ผู้กำกับฯ เป็นคนเพนต์ เค้าอยากได้รูปแบบไหน สีอะไรเราต้องทำให้ได้ และเมื่อทำได้แล้วเราต้องซักตัวเองให้ขาวเหมือนเดิมเพื่อพร้อมที่จะลงสีใหม่ ไม่ว่าคราวนี้เค้าจะลงสีเราเป็นสีแดง ส้ม หรือดำเราต้องทำให้ได้ แต่ผมเชื่อว่านักแสดงทุกคนทั้งชายและหญิงไม่มีใครบอกว่าชอบฉากนี้ อยากเล่น แต่ว่าเพื่อคุณผู้ชม เพื่ออรรถรส มันเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เรายอมทำ"

‘กับงานพิธีกรล่ะเป็นอย่างไร?

พอล - "เป็นงานที่รัก ละครถือเป็นอาชีพหลัก งานพิธีกรก็เป็นอาชีพหลักเช่นเดียวกัน เป็นความโชคดีมากๆ ที่ผมได้มาทำงานตรงนี้ โดยเฉพาะรายการ "วีไอพี" ถือเป็นรางวัลชีวิต ผมได้เรียนรู้อะไรมากมาย มันเปิดโลกทัศน์ให้ผม

ส่วนรายการ "อสูรชายโชว์ จะพลิกไปเลย

 ตอนแรกไม่ได้คิดเลยว่าเป็นพิธีกรเอง ตัวหลักนึกว่าต้องเป็นพีเค แล้วจะจับใครมาคู่กับพีเค เราคัดเลือกหลายคน แต่มันไม่เวิร์ค สนุกแต่ไม่สุด เลยมาคิดว่าจะทำเอง ซึ่งคาแร็กเตอร์มันเป็นการเซ็ตขึ้นมา มันเป็นกึ่งการแสดง เราจะนึกอยู่ในหัวตลอดเวลาว่าเราจะเป็นพอลสอง เราจะบอกว่าต้องสนุกนะ ต้องกล้าถามกล้าบ้า"


‘แล้วตัวจริงของพอลเป็นแบบไหน ระหว่างพิธีกร "อสูรชายโชว์" ที่ทะลึ่ง ออกแนวเจ้าชู้ หรือนิ่งๆ จริงจังกับชีวิตเหมือนพิธีกรรายการ "วีไอพี"?

พอล - "ถ้าอะไรที่เป็นตัวผมจริงๆ บอกเลยว่าผมเป็นวีไอพีมากกว่า วีไอพีเป็นอะไรที่ตรงกับชีวิตผมมากๆ จริงๆ ผมเป็นคนที่ค่อนข้างซีเรียสกับชีวิต เป็นคนติดเครียดแล้วชอบคุยกับคนแล้วได้ความรู้เข้าตัว เรื่องดาราพูดจริงๆ ผมไม่ได้ตามข่าว ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรนัก เพียงแต่เราถือว่ามันเป็นการบริหารไปด้วยในตัว"

‘ตอนนี้ 7 วัน ทำงานเต็มเลยหรือเปล่า?

พอล - ครับ แต่สุขภาพโอเคถ้าเทียบกับปริมาณงานที่ทำ สุขภาพอยู่ระดับนี้ถือว่าโอเค พยายามออกกำลังกายพักผ่อนทานอาหารเสิรมช่วย เพราะมันใช้สมองเยอะนอนน้อย แล้วเวลานอนก็คิดก็ฝันถึงงานตื่นเช้ามาก็ได้งาน เวลานอนก็ได้งาน"

‘เรียกว่าเป็นมนุษย์งานได้ไหม?

พอล - "เรียกได้เลยว่าเป็นมนุษย์งาน มันเป็นคำสาป"


‘ทุกคนจะรู้จักพอลแต่เรื่องของงาน แต่เรื่องครอบครัวจะไม่ค่อยรู้?

พอล - "ครอบครัวผมมีคุณแม่ พี่สาว 3 คน ต้องบอกเลยว่าเจอกันน้อย แต่ก็พยายามใช้เวลาที่มีคุณค่าเพียงน้อยนิดให้มีคุณค่าที่สุด อย่างเวลาที่เราไม่ได้เจอกันก็จะคุยโทรศัพท์กันอยู่เรื่อยๆ

ตอนนี้ก็มีหลานแล้ว 2 คน หลานจำหน้าน้าพอลไม่ได้แล้ว

แต่บอกเลยว่าเราเป็นครอบครัวที่อบอุ่น เป็นครอบครัวที่เข้าใจกัน และก็เป็นกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม ผมสนิทกับพี่ๆ มาก ถึงอายุเราจะต่างกันมาก อย่างพี่สาวคนโตห่างจากผม 12 ปี แต่เราก็สนิทกันมาก เหมือนเป็นแม่คนที่สอง ด้วยความที่ผมกับคุณแม่อายุห่างกันเยอะ บางเรื่องเราก็คุยกับคุณแม่ไม่ได้ เราก็คุยกับพี่ๆ แทน"

‘เรียกว่าเป็นไข่ในหินไหม?

พอล - "เด็กๆ อาจจะไม่นะ คุณพ่อคุณแม่อาจจะเลี้ยงแตกต่างนิดหนึ่ง เพราะเราเป็นผู้ชายคนเดียว แต่ไม่ใช่ว่าเขารักเรามากกว่าคนอื่น แล้วพี่สาวผมก็จะออกห้าวๆ ทุกคน ตอนเด็กๆ เค้าก็จะเล่นกับผม ทุกคนจะแบบขึ้นป่าขึ้นเขาทุกคนจะผจญภัยหมด เตะบอลกับผม คือพี่ๆ ทุกคนจะให้ความรักเอ็นดูผมมากๆ ผมค่อนข้างให้ความสำคัญกับครอบครัวมาก เพราะผมถือว่าสถาบันครอบครัวเป็นสถาบันที่สำคัญที่สุด ถ้าครอบครัวไม่แข็งแรงไม่อบอุ่น ผลผลิตจากครอบครัวก็ไม่ดี"

‘ที่บ้านบ่นบ้างไหม ไม่ค่อยมีเวลาให้?

พอล - "ไม่มี ทุกคนเข้าใจหมด โดยเฉพาะคุณแม่ท่านเข้าใจ เราก็รู้ว่าท่านอยากเจอเรา ถ้าผมว่างจะพาท่านไปกินข้าวดูหนังให้มากที่สุด แต่เค้าเข้าใจว่างานเราเยอะ เค้าแค่เป็นห่วงอยากให้เราดูแลสุขภาพ อย่าหักโหม ให้เดินทางด้วยทางสายกลาง"


อย่างพอลนี่มีมุมส่วนตัวที่ไม่อยากให้คนอื่นแตะไหม?

พอล - "จริงๆ ไม่มีอะไรมาก ผมเป็นคนที่ค่อนข้างรักสงบ คือผมไปเที่ยวชายหาด ไปเที่ยวหัวหิน ไปเปิดบังกะโลนอนคนเดียวอยู่ได้ 3-4 วัน ไม่คุยกับใครเลยผมอยู่ได้ เอาหนังสือไปอ่าน เอาหนังไปดู นอนฟังเพลงคนเดียวผมอยู่ได้

มุมส่วนตัวถ้าให้พูดจริงๆ ก็คงเป็นเรื่องข่าว

ผมเข้าใจว่าเราเป็นบุคคลสธารณะ เข้าใจว่าข่าวมันต้องมาคู่กัน แต่ขอแค่ให้มันมาพบกันครึ่งทาง คือมนุษย์มันต้องมีความเป็นส่วนตัวบ้าง คือปกติที่ผ่านมาผมเป็นคนเล่าทุกอย่าง เป็นคนค่อนข้างเปิดเผย เพียงแต่ขอให้นำเสนออย่างเป็นจริงตามที่พูด ไม่มีการตบแต่งให้ฉูดฉาดเกินไป

โดยส่วนตัวผมไม่เท่าไร แต่ผมไม่อยากให้คุณแม่และครอบครัวอ่านข่าวแล้วรู้สึกไม่ดี

หรือคนที่ตกเป็นข่าวคู่กับเรา บางทีชื่อเค้าก็เสีย เพราะมันถูกปนเปื้อนโดยไม่ใช่ความจริง นั่นคงเป็นสิ่งเดียวที่ผมอาจจะห่วงที่สุดในแง่ของความเป็นส่วนตัว"

‘อนาตวางแผนงานในวงการไว้อย่างไรบ้าง?

พอล - "คือผมยังรักงานเบื้องหน้า อย่างงานแสดงงานพิธีกรเป็นงานที่ผมรัก ถือว่าเป็นชีวิตของผมเลย ผมจะพยายามทำต่อไปจนกว่าไม่มีใครอยากให้ผมทำ ส่วนงานเบื้องหลังก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากประสบการณ์ที่เราสะสมมากพอ คุณวุฒิมากพอที่เราจะทำ แต่งานเบื้องหน้าที่ผมอยากทำอยู่มันคือเรื่องของชื่อเสียงที่ผมอยากรักษามันไว้ ไม่ใช่ว่าผมอยากดังอยากให้คนกรี๊ด แต่ผมอยากรักษาไว้เพื่อว่าเสียงของผมยังใหญ่อยู่ พอผมเป็นคนสาธารณะผมสามารถใช้ชื่อเสียงทำอะไรเพื่อคนอื่นได้เยอะ ไปช่วยคนที่เดือดร้อน"


คติประจำใจของพอลคืออะไร

พอล - "จริงๆ มีเยอะมาก แล้วแต่ว่าวันนั้นเจออะไรแล้วจะหยิบอันนั้นมาใช้ ส่วนใหญ่จะเป็นทำวันนี้ให้ดีที่สุด ทำทุกวันให้เหมือนเป็นวันสุดท้ายของชีวิต พอเรานึกแบบนี้ปุ๊บเราทำอะไรก็จะทำได้เต็มที่ ตายไปก็ไม่เสียดาย"

และผลที่ตามมาคือทุกๆ งานที่ทำล้วนประสบความสำเร็จแทบทั้งสิ้น

"พอล"มาตรฐานสูง-รอ"แต่ง"กับคนที่ใช่

คบกับสาวคนไหนก็ไม่ฮือฮาเท่ากับสาวสวยหนู "ซาร่า มาลากุล เลน" ที่หลายคนลงความเห็นว่าสมกันกับหนุ่ม "พอล-ภัทรพล"แต่แล้วรักก็เกิดสะดุด ไม่ลงเอยอย่างหวัง ด้วยเหตุผลของคนสองคน แต่ข่าวที่ออกมานี่สิ ทำเอาทั้งสองเกือบมองหน้ากันไม่ติด

ย้อนถามถึงสาเหตุที่ทำให้รักพัง เท็จจริงเป็นอย่างไรแน่?

หนุ่มพอลปฏิเสธที่จะสาธยาย "จริงๆ ผมไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ เพราะมันนานมากแล้ว ส่วนในเรื่องของซาร่าบอกได้เลยว่าเหมือนเดิม เรายังมีแต่ความหวังดีอยากเห็นเค้ามีความสุข มีสุขภาพที่ดี ไม่ใช่เฉพาะตัวเค้า ทั้งครอบครัวเลย เรามีแต่ความรู้สึกดีๆ แล้วก็จะเก็บความรู้สึกดีๆ ที่เกิดขึ้นด้วยกันในช่วงที่คบกัน เราจะจำแต่ตรงนั้น แล้วสิ่งไม่ดีหรืออะไรก็แล้วแต่เราจะไม่พูดถึงมัน นี่คงเป็นสิ่งเดียวที่ผมตอบได้"


หลังเลิกกับ "ซาร่า" ดูเหมือนภาพ "พอล" จะเจ้าชู้ กลายเป็นหนุ่มเนื้อหอม มีข่าวกับสาวๆ เยอะมาก

"อันนี้มันเป็นเรื่องปกติของวงการบันเทิง ผมไม่ค่อยห่วงตัวเองเท่าไร แต่ผมเป็นห่วงน้องๆ เพื่อนๆ พี่ๆ ผู้หญิงต่างหากที่เค้าต้องมาเสียชื่อ โดยที่มันไม่มีมูลความจริง ก็มีหลายคนไม่ว่าจะน้องศรีริต้า น้องหยาดทิพย์ หรือใครก็แล้วแต่ ซึ่งก็พิสูจน์แล้วว่ามันไม่จริง บอกได้เลยว่าด้วยสภาพจิตใจตอนนี้ยังไม่พร้อมที่จะเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่กับใคร เราแค่พยายามทำงานของเราให้ดีที่สุด เราต้องการที่จะโฟกัสตรงนี้ไปก่อน"

แล้ววางแผนชีวิตคู่ไว้บ้างหรือเปล่า ว่าจะเป็นเมื่อไหร่

"บอกเลยว่าเรื่องชีวิตคู่เรื่องการแต่งงานในสมองตอนนี้ไม่มีเลย คือผมอาจจะเป็นคนแปลกและอาจจะคิดไม่เหมือนชาวบ้าน ผมคิดว่าการแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญมาก แล้วคนที่จะมาอยู่เป็นคู่ชีวิตก็ต้องเป็นคนสำคัญมากๆ ถ้าผมไม่เจอคนคนนั้นผมก็จะไม่แต่ง หลายคนจะเชื่อเรื่องพรหมลิขิต ผมก็เชื่อนะ แต่ผมว่ามันก็ไม่ได้มีสำหรับทุกคน บางคนอาจะตั้งมาตรฐานของผู้หญิงในฝันผู้ชายในฝันไว้ร้อยทั้งนั้น พออายุเริ่มมากขึ้นมาตรฐานก็เริ่มลดลง แต่ผมไม่ ถ้าผมไม่เจอคนที่ใช่จริงๆ ผมก็จะไม่แต่ง"

คนที่ใช่สำหรับพอล ต้องเป็นอย่างไร

 "ไม่มีอะไรมากเลย แค่เป็นคนดี มีทัศนคติที่ดี นิสัยเข้ากับเราได้ แล้วก็รักเราเท่านั้นเอง ผมอยากจะเป็นคนที่เวลาเรามีความสุขเราก็จะไปหาคนนี้ หรือเวลาเรามีความทุกข์ก็จะไปหาคนนี้เช่นกัน ถ้าเค้ามีความทุกข์ก็อยากมาปรึกษาเรา เวลามีความสุขก็มาแบ่งปันกับเรา ผมว่านี่แหละคือความรัก ผมก็ไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะเจอหรือเปล่า แล้วผมเองเป็นคนที่ไม่อยากมีลูกด้วย คือคิดว่ายังไงก็จะเลี้ยงลูกคนอื่น นี่เป็นความคิด ณ ตอนนี้นะ เพราะรู้สึกว่าโลกใบนี้ประชากรล้น เด็กที่เกิดมาแล้วโดนทอดทิ้งมีเยอะ ผมไม่รู้ว่าผมจะผลิตเพิ่มไปอีกทำไม ผมคิดและตั้งใจไว้ว่าถ้าเป็นไปได้ชีวิตนี้ผมอยากรวยมากๆ แล้วเอาเงินมาช่วยเด็กที่เค้าขาดโอกาส"

นอกจากจะเป็นพระเอกในจอทีวีแล้ว ยังเป็นพ่อพระนอกจอด้วย


ชิ้นโบแดง

ผ่านงานในวงการมาหลากหลาย สำหรับหนุ่ม "พอล"ภัทรพล ศิลปาจารย์ แต่ถ้าให้เลือกว่างานชิ้นไหนเป็นชิ้นโบแดง พอลกล่าวว่า

"อันดับแรกเป็นรายการ "วีไอพี"

เพราะมันสร้างผมให้เป็นพิธีกรที่มีคนเชื่อถือและเคารพ แล้วก็ได้เรียนรู้มากมายจากที่ผมได้ทำงานตรงนี้ บอกไว้เลยว่าในชีวิตนี้จะไม่ลืมการได้เป็นพิธีกร วีไอพี เลย"

ส่วนอีกงานชิ้นหนึ่งนั้น พอลกล่าวว่า

"คงต้องบอกว่าเป็นละครเรื่อง "ปริศนา" ซึ่งเป็นละครเรื่องแรกของผม มันเป็นจุดเริ่มต้นทุกอย่างของผม จากเดิมไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นนักแสดง เคยคิดว่าตัวเองเล่นละครไม่ได้เรื่อง เพราะเคยเล่นมิวสิควีดีโอแล้วรู้สึกว่าตัวเองเล่นห่วยมาก คงไม่มีพรสวรรคด้านนี้ จนมาเรื่องปริศนา ได้ไปเรียนจนทำได้ดีขึ้น ทุกวันนี้คนยังพูดถึงเรื่องปริศนาอยู่เลย อย่างผมไปอเมริกาคนไทยที่เค้าชอบเช่าวิดีโอมาดู เค้าก็เรียกผมว่าประวิช บางคนเค้าไม่รู้ด้วยว่าผมชื่อพอล-ภัทรพล คือถ้าไม่มีประวิช ก็คงไม่มีบทต่างๆ ที่ผมได้เล่นต่อมาจนถึงทุกวันนี้"

ชื่อเล่น : พอล
ชื่อ-นามสกุล : ภัทรพล ศิลปาจารย์
วัน เดือน ปีเกิด : 9 พฤษภาคม 2521
สถานที่เกิด : ภูเก็ต
บิดามารดา : ผจญ-สินีนาฏ ศิลปาจารย์
พี่น้อง : 4 คน มีพี่สาว แพท เพิร์ล และพิมพ์
การศึกษา : ร.ร.ดาราสมุทร ภูเก็ต, เรียนที่ภูเก็ตวิทยาลัยถึงม.4 แล้วสอบชิงทุนไปเรียนต่อที่ร.ร.Northern Potter High School ที่รัฐแพนซีเวเนียจนจบ High School ,อุดมศึกษา (ปี 1-2)มหาวิทยาลัยโยนก ลำปาง (ปี 3-4) มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ,ปริญญาโทมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์