หยุดฝันก็ไปไม่ถึง อุดมคติของนัท วี 1

ขึ้นทำเนียบเป็นหนุ่มฮอตในห้วงเวลานี้ไปแล้ว

สำหรับ ณัฐศักดาทร หรือนัทวี 1 หนุ่มนักเรียนนอก ผู้คว้ารางวัลสุดยอดนักล่าฝัน ประจำเวที "ทรู อะคาเดมี แฟนเทเชีย ซีซั่น 4" ที่มาพร้อมกับข่าวลือมากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่มีแม่เป็นเจ้าบุญทุ่มยอมสูญเงินถึง 25 ล้านบาท เพื่อทุ่มโหวตให้ลูกชายได้รับตำแหน่งแชมป์หรือแม้แต่เรื่องความสัมพันธ์ที่น่าสงสัยกับหนุ่มนักล่าฝันรุ่นน้องอย่าง ต้อลวี 9 หรือ วันธงชัย อินทรวัตร เรื่องราวเหล่านี้จะเป็นอย่างไร"บันเทิงคม ชัด ลึก" ไม่รอช้า คว้าตัวมาเปิดเผยทุกเรื่องราวที่ข้องใจ

ก่อนถึงฝัน


ฝันจะเป็น"นักร้อง" มาตั้งแต่เมื่อไร

ตั้งแต่ครั้งแรกที่มีโอกาสได้ดูคอนเสิร์ตจำไม่ได้ว่า ชื่อคอนเสิร์ตอะไร แต่จำได้ว่ามี ทาทา ยัง เจสัน ยัง และ "อ้อม" สุนิสา สุขบุญสังข์ ตอนนั้นอายุประมาณ 11-12 ปี จริงๆ ก็ไม่ได้ตั้งใจไปดู พี่สาวของนัทไปดู นัทกับคุณแม่ไปรับพี่สาว แล้วเผอิญเป็นคอนเสิร์ตที่จัดในที่โล่ง เลยได้เห็น ทำให้จุดประกายอะไรบางอย่างในใจให้อยากเป็นคนคนนั้น คนที่ทำให้ทุกคนมีความสุข หัวเราะ สนุกสนาน

หลังจากนั้นล่ะ
 

วันแรกกลับบ้านไปนัทก็ไปร้องเพลงเสียงดังโหวกเหวกที่บ้าน จนพี่สาวรำคาญ ไปซื้อซีดีมาฝึกร้องเพลงเอง จนไปเรียนต่อที่อเมริกา ตอนนั้นอายุ 14 ปี ไปเรียนไฮสคูล ด้วยความสนใจส่วนตัว ประกอบกับโรงเรียนที่นั่นเขาสนับสนุนให้นักเรียนทำกิจกรรม นัทเลยได้เรียนร้องเพลงประสานเสียงที่นั่น



แล้วทำไมถึงตัดสินใจมาสมัครเอเอฟ
 

นัทอยากทำฝันให้เป็นจริงจริงๆ กลับมาเมืองไทย ตั้งแต่ช่วงเอเอฟ 3 แล้ว แต่ตอนนั้นไปบวชพอดี และยังมีหลายอย่างที่ต้องทำ พอมาถึงเอเอฟ 4 เพื่อนก็ยุ รวมถึงนัทเห็นว่าเวทีนี้จะทำให้เราได้เรียนรู้อะไรมากมายจากเทรนเนอร์ ได้ขึ้นเวทีแสดงความสามารถทุกสัปดาห์ ที่สำคัญคนตามดูเราได้ 24 ชั่วโมง ซึ่งจะทำให้เห็นตัวตนเราจริงๆ
 

แต่ว่าก่อนหน้านี้ก็เคยทำงานในวงการมาแล้ว
 

อ้อช่วงหลังจากบวช นัทได้ไปเรียนเปียโน แล้วครูที่สอนเขาก็รู้จักกับพี่แจ็ค (วีรภัทร์ อึ้งอัมพร) ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์ และเห็นว่านัทชอบแต่งเพลง เลยแนะนำให้รู้จัก ทำให้มีโอกาสได้ไปร้องคอรัสให้เพลง "ขอบคุณยังน้อยไป" ของกอล์ฟ-ไมค์ และช่วยแต่งทำนองเพลง ทดแทนกันไม่ได้ ของแคล (แคลอรีน นีมะโยธิน)



ดูเหมือนจะมุ่งตรงมาด้านดนตรีแล้วทำไมไปเรียนเศรษฐศาสตร์
 

เศรษฐศาสตร์เป็นเรื่องที่สนใจอยู่แล้วรวมถึงตอนที่จะเข้ามหาวิทยาลัย นัทยังไม่ได้วางแผนชีวิตแน่นอน จริงๆอยากเรียนธุรกิจ แต่ที่ฮาร์วาร์ดไม่มี เลยเลือกเรียนด้านนี้ เพราะเศรษฐศาสตร์เป็นเรื่องหลักของเหตุและผล สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในหลายๆ เรื่อง แล้วระหว่างนั้น นัทก็จะเลือกวิชาเลือกเป็นดนตรี พอจบก็เรียนการแต่งเพลงที่เบิร์กลีย์ คอลเลจ ออฟ มิวสิคด้วย
 

วันคว้าฝัน
 

คิดไหมว่าจะได้เข้ารอบลึกๆ ของเอเอฟ

ตอนแรกไม่หวังเลยเพราะนัทเชื่อกระแสข่าวลือ ว่าเวทีนี้มีการล็อกคนเข้ารอบ 12 คนไว้หมดแล้ว ยังรู้สึกเสียดายเลย แต่ก็คิดว่าลองไปหาประสบการณ์ แอบหวังไว้เหมือนกัน ว่าถ้าหากเข้าไปถึงรอบลึกๆ ก็จะพยายามแสดงความสามารถให้ทีมงานเปลี่ยนใจให้เลิกล็อกให้ได้ พอได้มาเป็น 1 ใน 12 ก็เหมือนช่วยเพิ่มความตั้งใจให้ตัวเอง นัทอยากใช้โอกาสที่ได้มาให้เต็มที่ ทุกสัปดาห์เวลา อาต้อย (เศรษฐา ศิระฉายา) ออกมาประกาศชื่อนักล่าฝันที่จะต้องออกจากบ้าน นัทจะท่องชื่อตัวเองในใจตลอด เพราะคิดว่า ถ้าอาต้อยพูดชื่อเรา จะได้ไม่ตกใจ



คิดว่าอะไรที่ทำให้เราได้ตำแหน่งสุดยอดนักล่าฝัน
 

นัทไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นตัวเก็งเรื่องความสามารถนัทก็ไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนเก่งที่สุด รวมถึงเรื่องการโหวตเป็นอะไรที่เดายาก บางคนโหวตเพราะชอบ บางคนโหวตเพราะหน้าตา เพราะรอยยิ้ม หรือเพราะดูแล้วสบายใจ สำหรับตัวนัทที่หลายคนโหวตให้ อาจเพราะเขาเห็นความจริงใจของนัท นัทเองก็พยายามเป็นตัวของตัวเอง เดินล่าฝัน ทำทุกอย่างที่ครูสอน นัทคิดเหมือนเพลงที่นัทร้อง คือ ต้องดีกว่าเก่า ไม่เคยคิดจะแข่งกับใคร แต่จะแข่งกับตัวเอง
 

มีบางกระแสมองว่านัท ยังไม่เหมาะสมกับตำแหน่งแชมป์ รู้สึกอย่างไร

นัทไม่สามารถห้ามมุมมองใครได้และไม่ได้คิดว่าใครผิด มันแล้วแต่คนจะให้ความหมายคำว่า เดอะ วินเนอร์ ไว้ยังไง ถ้ามองว่าต้องเป็นคนที่ร้องเพลงเก่งที่สุด นัทก็ไม่ใช่ นัทไม่ใช่คนที่เก่งกว่าใคร แต่ในเมื่อรายการนี้มาจากการโหวต เวลาคนโหวตก็มีหลายปัจจัย อย่างที่บอกไปตอนแรก นัทเองก็ไม่เคยคิด ว่าตัวเองได้มาอยู่บันไดขั้นสูงสุด แต่มองว่าทุกคนที่ผ่านเข้ามาล้วนเป็น เดอะ วินเนอร์ เพราะถือว่าทุกคนชนะใจตัวเองแล้ว อีกทั้งยังมีบันไดอีกมากมายที่รออยู่ และให้ก้าวไปพิสูจน์ตัวเองข้างหน้า



คิดว่าตัวเองได้อะไรบ้างตลอด13 สัปดาห์
 

ได้อะไรเยอะมากจนบอกไม่ถูก ทุกอย่างทำให้นัทได้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นมุมมอง ทัศนคติ การอยู่ร่วมกับผู้อื่น ส่วนในเรื่องความสามารถ นัทได้รับการฝึกฝน และถือเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดีที่สุดก็ว่าได้ เพราะการที่ได้เข้าไปอยู่ในบ้าน ไม่ได้รับรู้ข่าวสารจากภายนอก ทำให้ได้อยู่กับสิ่งที่เราอยากทำเต็มที่ ถือเป็นเส้นทางการเรียนรู้ที่ดี ที่สำคัญได้เพื่อนที่น่ารักมากถึง 19 คน เพราะก่อนหน้านี้นัทมีเพื่อนในเมืองไทยน้อยมาก
 

เป้าหมายในอนาคตวางไว้อย่างไร
 

เป้าหมายคือ การเป็นนักร้อง ส่วนงานด้านอื่นๆ ก็สนใจ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ละคร เพลง เพราะคิดว่า ถ้าเราได้ลองทำทุกอย่างมันสร้างเสริมซึ่งกันและกัน สามารถนำไปใช้ร่วมกับด้านอื่นๆ ได้ นัทเป็นคนชอบลองอะไรใหม่ๆ ด้วย ส่วนเรื่องเรียนต่อคงพักไว้ก่อน ขอลองทำตรงนี้ ดูศักยภาพตัวเองว่าจะไปได้แค่ไหน แล้วค่อยหาสาขาวิชาที่จะเรียนต่อเพื่อนำไปใช้ในอนาคต
 

ฝากอะไรสำหรับคนมีฝัน

คติประจำใจของนัทก็คือหยุดฝันก็ไปไม่ถึง อยากให้ทุกคนอย่าเพิ่งหยุดฝัน ตั้งเป้าหมายดีๆ ถามตัวเองดีๆ ว่าต้องการทำจริงหรือเปล่า ถ้าใช่ก็ก้าวเดินออกไป ถ้าไม่ก้าวมันก็ไม่มีวันได้ อย่าไปหวาดหวั่นกับคนรอบข้าง



เมื่อข่าวลือสะพัด
 

ช่วงที่อยู่ในบ้านรู้ไหมว่ามีข่าวลือออกมามากมาย โดยเฉพาะเรื่องความรวย

ตอนที่อยู่ในบ้านไม่รู้เลยนัทพยายามทำตัวให้ดี กลัวคนอื่นมองว่าทำตัวไฮโซ จบเมืองนอก เรื่องมาก เพราะตัวนัทเองก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว เลยไม่คิดว่า คนจะเอาจุดนี้มาเป็นประเด็น
 

ข่าวเรื่องแม่ทุ่ม25 ล้านโหวตจนนัทได้แชมป์ มารู้ตอนไหน
 

รู้วันที่ได้เลยมีพี่ๆ นักข่าวมาถาม ซึ่งวันนั้นนัทก็ตอบไป ว่านัทไม่คิดว่าบ้านนัทจะมีสตางค์มากพอที่จะทำแบบนั้น หรือสมมติว่า มีสตางค์ ครอบครัวนัทก็รู้ดี ว่านัทจะไม่ภูมิใจเลย ถ้ารู้ว่าพวกเขาทำแบบนั้น
 

พอมีข่าวแบบนี้รู้สึกอย่างไร
 

เป็นข่าวที่กระทบกระเทือนใจนัทที่สุดแล้วข่าวอื่นๆ ออกมาเป็นการพาดพิงนัทคนเดียว แต่ข่าวนี้ไปกระทบกระเทือนถึงคุณพ่อคุณแม่ ตอนนัทมาสมัครก็เพราะนัทอยากมาล่าฝันคนเดียว ไม่ต้องการให้คนอื่นมาได้รับผลกระทบด้วย แต่ก็เข้าใจ ว่ามายืนตรงนี้ต้องแลก เลยไม่ได้จิตตก ไม่พยายามเอาเรื่องไม่ดีมาใส่ใจ

ได้คุยกับคุณแม่(ศิริพรรณ ศักดาทร) เรื่องนี้หรือยัง
 

คุยแล้วออกมานัทก็ถามคุณแม่เลย ว่าโอเคหรือเปล่า เพราะทราบว่ามีนักข่าวไปสัมภาษณ์คุณแม่ ซึ่งคุณแม่ก็เข้มแข็ง นัทเองก็ไม่ได้ซักไซ้อะไร นัทเชื่อใจครอบครัว คือนัทมองว่าขนาดเราไม่ได้คุยกันยังตอบคำถามนักข่าวได้ตรงกันเลย
 

แต่แม่ดูเป็น"เจ๊ดัน" มากๆ
 

ตอนแรกไม่มีใครผลักดันนัทไปสมัครเองเลย ไม่ได้บอกให้ใครเชียร์ด้วย พอติดเข้ารอบทุกคนก็เลยต้องสนับสนุนเต็มที่ เพราะที่ผ่านมาคุณพ่อคุณแม่ก็จะเชื่อใจในการตัดสินใจของนัท ด้วยความที่นัทมีความเป็นผู้ใหญ่ในตัวอยู่แล้ว การสนับสนุนมันเริ่มมากขึ้นตอนเขาได้ดูนัทในบ้าน เขาเห็นว่ามีความสุขจริงๆ พอออกมาคุณแม่ยังบอกเลย ว่าการที่นัทได้มาทำตรงนี้ทำให้ที่บ้านเข้าใจนัท เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันมากขึ้น วันที่แม่พูด นัทแทบจะร้องไห้ แม่บอกว่า นัททำให้ญาติทุกคนมารวมตัวกัน

ทำไมไม่เคยเห็นคุณพ่อมาเชียร์เลย
 

คุณพ่อยุ่งมากมีงานทุกวัน ท่านยุ่งมานานแล้ว แต่ก็จะคอยเชียร์อยู่ที่บ้าน รอบสุดท้ายคุณพ่อตั้งใจจะมา แต่ก็ไม่สบายเสียก่อน



เรื่องหัวใจ
 

ข่าวลือเรื่องกุ๊กกิ๊กกับต้อลวี 9 รู้ตอนไหน
 

ข่าวกับต้อลจริงๆ เราก็เดากันอยู่แล้ว เพราะอยู่ในบ้านก็โดนเพื่อนแซวแบบขำๆ เราเลยคุยกัน ว่าออกมาข้างนอกต้องโดนถามเรื่องนี้แน่ๆ แล้วก็โดนจริงๆ (หัวเราะ) แต่นัทกับต้อล เราเป็นแค่พี่น้องที่สนิทกัน อาจด้วยความที่เราเป็นคนเชียงใหม่ ที่ผ่านเข้ามาในรอบนี้แค่สองคน เลยทำให้ผูกพัน เหมือนเป็นคนบ้านเดียวกัน คุยเรื่องเดียวกัน
 

พอรู้ว่ามีข่าวแบบนี้ ลำบากใจไหม
 

ไม่ลำบากใจแล้วก็ไม่เคยเครียดกับข่าวนี้เลย เราสองคนบริสุทธิ์ใจ หลายๆ คนก็น่าจะรู้ ต้อลเป็นคนดีคนหนึ่ง นัทดีใจมากที่ได้มาเจอ ได้มารู้จัก นานๆ จะได้เจอคนที่ผูกพันกันแบบนี้ คงไม่ปล่อยให้ข่าวมาทำลายมิตรภาพที่ดี
 

เห็นคลิปรูปที่ต้อลนอนกอดนัทหรือยัง
 

รูปนั้นออกมาตั้งนานแล้วนี่พอเห็นก็งงๆ นั่งนึก ว่าอ้าว เราเคยเป็นแบบนี้ด้วยหรือ แต่ไม่มีอะไรก็แค่อารมณ์คนนอนเบียดกัน นัทก็คิดว่าไม่ได้มีแค่เราหรอก คนอื่นๆ ในบ้านก็อาจจะนอนแบบนั้น เพียงแต่มันไม่ได้มีประเด็น
 

แล้วตอนนี้มีคนรู้ใจตัวจริงหรือเปล่า
 

ไม่มีครับอยากจะมีเหมือนกัน แต่งานยุ่ง เพื่อนก็น้อย คงยังไม่มีโอกาสได้เจอใคร

นี่เป็นแค่"บททดสอบ" เบื้องต้น ที่หนุ่มนักล่าฝันผู้นี้ได้เจอ ยังมีเรื่องราวอีกหลายหลาก ที่เขาจะต้องพบเจอ จะก้าวผ่านไปได้หรือไม่...ล้วนอยู่ที่ตัวของเขาเอง
 

ชื่อจริง ณัฐ ศักดาทร

ชื่อเล่น นัท

วันเกิด 24 มกราคม 2526

ส่วนสูง/น้ำหนัก 170 ซม./ 57 กก.

การศึกษา ปริญญาตรีคณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา

งานอดิเรก แต่งเพลงเล่นฟิตเนส เที่ยว



เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์