“น้ำฝน” ไม่ใช่แม่พระ แต่รักอย่างเข้าใจ - ดาวต่างมุม

“น้ำฝน” ไม่ใช่แม่พระ แต่รักอย่างเข้าใจ - ดาวต่างมุม

เป็นนางเอกที่วางตัวดีและไม่เคยมีข่าวฉาวเลยตลอด 9 ปีในวงการ สำหรับสาว น้ำฝน-พัชรินทร์ จัดกระบวนพล แต่แล้วในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเธอกลับถูกจับตามองเรื่องความรักกับพระเอกหนุ่ม อาร์ต-พศุตม์ บานแย้ม มากเป็นพิเศษ หลังจากมีข่าวเรื่องมือที่สาม วันนี้ “ดาวต่างมุม” เลยขอมาเปิดใจพูดคุยทุกเรื่องกับสาวน้ำฝน กับคำถามที่หลาย ๆ คนคงอยากรู้

อัพเดทผลงาน?

“ตอนนี้มีละครเรื่อง “สะใภ้ซ่าส์แม่ย่าเฮี้ยน” ที่กำลังออกอากาศอยู่ทางช่อง 3 แล้วกำลังถ่ายละครเรื่อง “รักข้ามเส้น” อยู่อีกเรื่องหนึ่งค่ะ ฟีดแบ็กก็ดีนะคะ ฝนได้ไปทำงานต่างจังหวัด คนต่างจังหวัดก็จะแซวตลอดว่าแม่ย่าตายไปหรือยัง โดนหลอกกลัวมากไหม พอเขาแซวแบบนี้ เราก็จะรู้ว่าเขาดูจริง ๆ แหละ”

ฝนไม่ค่อยรับบทดราม่าหนัก ๆ?
“อาจเพราะละครตอนเย็นอาจจะไม่เหมาะกับเนื้อหาที่มันหนักมาก ๆ ฝนเองยังไงก็ได้ ในเมื่อผู้ใหญ่เห็นว่าเราเหมาะสมตรงไหนก็ทำตรงนั้นให้ดีที่สุดก่อน จริง ๆ ฝนเคยเล่น “พฤกษาสวาท” มาแล้ว รู้สึกว่ามันเครียดมาก (ลากเสียง) เครียดตามไปถึงบ้านเลย และมันยากที่จะสลัดให้หลุด”

เจอทุกครั้งคนก็จะถามเรื่องฉายาเจ้าแม่ละครเย็น?

“ยินดีอย่างมาก ๆ เลย (ยิ้ม) ไม่ว่าจะเป็นละครตอนไหนก็แล้วแต่ ขอให้เรามีหน้าที่เป็นนักแสดง มีคนดูเยอะ ๆ เท่านั้นแหละฝนสบายใจแล้ว ไม่ได้ซีเรียสจริง ๆ”

วางแผนกับอนาคตในวงการยังไง?

“ฝนอยากทำงานตรงนี้ให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ เพราะฝนเริ่มรู้สึกว่ามันคืออาชีพที่เรารัก เราผูกพัน ฝนทำงานมาตั้งแต่อายุ 18 ปี ตอนนี้อายุ 27 ปี มันก็ 9 ปีแล้ว ก่อนหน้านี้ที่เข้ามาในวงการมันเป็นเพราะโอกาส พอมีโอกาสเราก็ทำ แต่ตอนนี้มันคืออาชีพ เราไม่มีทางที่จะหยุดนิ่งได้ เราก็ต้องรู้จักพัฒนาตัวเอง ดูแลตัวเอง ตัวอย่างที่ฝนดูไว้เลยคือ พี่แหม่ม-จินตหรา สุขพัฒน์ มี้-พิศมัย วิไลศักดิ์ คือฉันอายุเยอะก็สามารถเล่นเป็นแม่ได้ เป็นยายได้”

ช่วงนี้หลายคนทักว่าสวยขึ้น?

“เมื่อก่อนฝนทั้งทำงานและเรียนไปด้วย เลยไม่มีเวลาดูแลตัวเอง พอเราโตขึ้นก็คิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราต้องไปออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพ ก็มีคนมาถามเหมือนกัน ใครถามฝนก็จะบอกเลยว่าฝนทำอะไรมาบ้าง ส่วนถามว่าฝนแอนตี้เรื่องศัลยกรรมไหม ฝนไม่แอนตี้เลย เพราะเพื่อนฝนทำกันทุกคน รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปกติ ขอแค่ทำออกมาแล้วสวยและรู้จักพอ อย่างฝนเองก็ยอมรับว่ามีโบท็อกซ์ ทำหน้าเรียวบ้าง มันเป็นการดูแลตัวเอง เป็นสิ่งหนึ่งที่อาชีพเราต้องทำ ฝนคิดไว้เลยว่าต่อไป อายุ 40 ฝนก็อาจจะต้องร้อยไหม ด้วยอาชีพเราเราก็ต้องทำให้มันดูดีขึ้น แค่นั้นเอง แต่คือสวยแล้วต้องหยุด”

ความรักตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?

“ตอนนี้ดีแล้วค่ะ (หัวเราะ) ปกติดี”

กว่าจะผ่านมาได้ยากไหม?

“ฝนว่าของฝนง่ายกว่าคนอื่น คนอื่นถ้าเจอแบบนี้ อาจจะเป็นหนักกว่านี้หรือเปล่า แต่ของฝนหนักอยู่ไม่กี่วัน แล้วมันก็ผ่านไป ที่ฝนเงียบไปสักพักหนึ่งก็ใช้เวลาตัดสินใจ ใช้เวลาหาข้อมูลว่าอันไหนข้อมูลจริงไม่จริง แต่ตอนแรกเรารับข้อมูลมาก็คิดว่ามันจริงทุกอย่าง ด้วยความที่เราไม่มีสติ รับอะไรมาก็คิดว่า โห...ทำขนาดนี้เลยเหรอ แต่พอเวลาผ่านไป ทุกอย่างมันเริ่มกระจ่างขึ้น รู้ตอนแรกโกรธเลย คือฝนไม่รู้หรอกว่าเขาเป็นใคร คือเราโกรธพี่อาร์ตคนเดียว ที่ซ่า คึกคะนอง ไปแอบคุยหรืออะไร ฝนบอกเขาเสมอว่าฝนไม่เคยโกรธคนอื่นเลย ฝนโกรธพี่อาร์ตคนเดียว ที่พี่อาร์ตทำอะไรแล้วไม่บอกฝน พอฝนถามก็ไม่พูดความจริง เขาก็คงกลัวแหละ แต่พอเขามาพูดความจริง และเราก็หาข้อมูลไปเรื่อย ๆ ก็รู้ว่าเขาไม่ได้ทำเท่าที่คนกล่าวหา ฝนไม่ได้ใจดีนะคะ (หัวเราะ) ก็จะมีคนบอกว่า โอ้โห...เป็นแม่พระ แต่จริง ๆไม่ใช่ค่ะ คือถ้าเขาได้มารับรู้สารที่ฝนรู้ ว่าคนของเราไม่ได้ทำในจุดไหนบ้าง ไม่ได้ฟังจากข่าวอย่างเดียว คือฝนไม่ใช่แม่พระหรอก แต่ถ้าทำแค่นี้เรารับได้ ถ้าทำมากกว่านี้เรารับไม่ได้”

พอเปิดตัวว่าเป็นแฟนกันไม่นานมาก ก็มีเรื่องมือที่สาม?
“ฝนพยายามมองให้มันเป็นเรื่องธรรมดาของการใช้ชีวิตคู่ หรือการคบกันเป็นแฟนมันต้องมีบ้างแหละ ที่มันจะมีปัญหามีอุปสรรค มันต้องมีปัญหาในชีวิตผ่านเข้ามา ทำให้เรารู้ว่าเราต้องแก้ไขปัญหายังไง จริง ๆทุกปัญหาในโลก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรัก เรื่องงานมันทำให้เราโตขึ้น ถ้าเรามองในแง่บวก”

ถือเป็นการให้โอกาสอาร์ตอีกครั้ง?

“เรื่องอื่นฝนไม่เคยว่าเลย เขาจะทำอะไรก็ได้ ฝนให้สิทธิเขาเต็มที่ จะไปเที่ยวกับเพื่อน เพราะเวลาฝนไปเที่ยวกับเพื่อนฝนก็จะต้องส่วนตัวเหมือนกัน เราให้อิสระในการคบกัน เป็นตัวของตัวเอง แต่เรื่องเดียวที่ยอมไม่ได้คือเรื่องนี้ แต่เขาไม่ได้ทำผิด หรือข้ามเส้นไปขนาดที่เรารับไม่ได้”

ถูกจับตามองเรื่องนี้เยอะกดดันไหม?

“มากค่ะ เพราะว่าอยู่วงการมาตั้งนาน เราไม่เคยมีข่าวเสีย ๆ แบบนี้เลย แต่พูดจริง ๆ มันเป็นเรื่องของพี่อาร์ตที่จะต้องไปแก้ไขในส่วนของเขา ฝนแค่อยู่ในส่วนของฝน แต่มันอาจจะทุกข์ใจบ้างในช่วงแรก ๆ แต่ก็กลับมามีความสุขเหมือนเดิม”

มีร้องไห้บ้างไหม?

“คงต้องมีบ้างค่ะ เพราะเราก็เป็นผู้หญิง เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง พอเสียใจมันก็ต้องมีร้องไห้บ้างอยู่แล้ว”

คุณแม่ว่ายังไงบ้าง?

“ต้องบอกว่าฝนไม่เคยร้องไห้ให้คุณแม่เห็น ฝนรู้ว่าแม่เป็นห่วงอยู่แล้ว แต่ไม่อยากให้เขาเป็นห่วงมาก เพราะเรารู้ว่าคนเป็นแม่เวลาเขาเสียใจ เขาจะเสียใจมากกว่าเรา เวลาเราเป็นทุกข์ เขาก็ทุกข์มากกว่าเรา เพราะฉะนั้นฝนไม่เคยจะทำให้ท่านเห็นเลยว่าเราเศร้า แต่พอเรื่องเริ่มคลี่คลายก็อธิบายให้ท่านฟังว่าเป็นอย่างนี้นะ พี่อาร์ตเองเขามาคุยให้คุณแม่ฟัง ขอโทษที่มันเป็นข่าว แต่ในส่วนที่เขาไม่ได้ทำเนี่ย เราก็ให้อภัยกัน”

เขาง้อยังไงบ้าง?

“ตอนแรก ๆ ที่ฝนโกรธฝนไม่รับโทรศัพท์เขาเลย เพราะอารมณ์มันยังไม่เย็น เขาก็โทรฯไปหาเพื่อน โทรฯไปหาพี่นักข่าวทุกคนที่สามารถคุยกับฝนได้ พอวันสุดท้ายที่ฝนอารมณ์เย็นแล้ว เขาก็เอาพวงมาลัยมาไหว้ มาขอโทษคุณแม่ เราก็รู้สึกดีที่เขามาขอโทษผู้ใหญ่ก่อน แต่เขาไม่ซื้อดอกไม้มาให้ฝนนะ ซื้อตุ๊กตาคิตตี้มาให้แทน (หัวเราะ) แล้วก็มีจดหมายเสียบไว้ในตุ๊กตา เขียนว่า ขอโทษในสิ่งที่เขาซ่า คึกคะนองไป ขอบคุณที่ฝนเข้าใจเขา และเขาจะไม่ทำให้ฝนเสียใจอีก”

กลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำอีกไหม?

“ตอนแรกกลัวค่ะ แต่ตอนนี้เราไม่กลัวแล้วแหละ เราก็อยู่กับปัจจุบัน ส่วนในอนาคตจะเป็นยังไงเนี่ย ถ้ามีอีกเขาก็บอกแล้วว่าเขาจะพิจารณาตัวเอง (ยิ้ม) แค่นั้นเองค่ะ อย่าไปคิดถึงอดีต อดีตมันผ่านมาแล้ว เราแก้ไขอะไรไม่ได้ เราก็แค่อยู่กับปัจจุบันให้มีความสุข”

ตอนนี้ฝนกับอาร์ตมีวิธีประคับประคองความรักยังไงบ้าง?

“ฝนว่าเราต้องใส่ใจดูแลกัน พยายามเข้าใจกันให้มากที่สุด เราเกิดมา 2 ครอบครัว การเลี้ยงดูแตกต่างกัน มันไม่มีทางที่เราจะคิดเหมือนกันทุกอย่าง มันต้องมีการปรับตัวเข้าหากันถึงจะประคับประคองกันไปได้นาน ๆ ฝนเคยดูทีวีที่เขาไปสัมภาษณ์ตายายคู่หนึ่ง อายุ 90 ปีกว่าแล้ว ว่ามีเคล็ดลับอะไรที่อยู่ด้วยกันนานขนาดนี้ เขาจะบอกว่าเขามีกฎอยู่ข้อหนึ่ง คือจะบอกรักกันทุกวัน ก่อนนอนก็จะบอกว่าฝันดี ไม่ว่าจะทะเลาะอะไรกันก็แล้วแต่ คือทุกวันนี้ฝนก็ทำ เขาก็ทำ คุยโทรศัพท์ก็จะบอกกันตลอด คือมันเป็นคำพูดง่าย ๆ แต่พอได้ยินคำนี้ก็มีความสุข”

มองแพลนอนาคตร่วมกันหรือยัง?

“ยังไม่ได้คิดว่าจะแต่งงานปีไหน ยังไงนะคะ แต่พอมีคนถามเยอะ ๆ ก็เอ๊ะ...หรือว่าเราต้องเริ่มคิดแล้ว แต่พอมานั่งคิดก็รู้ว่าเราไม่ควรจะไปกะเกณฑ์อะไรมัน คุณพ่อคุณแม่ทั้งสองฝ่ายก็ปล่อยให้เราตัดสินใจเอง ตอนนี้ก็ให้พี่อาร์ตทำงานเต็มที่ เก็บเงินไปเรื่อย ๆ ส่วนฝนก็ทำงานเก็บเงินเลี้ยงดูครอบครัวไปก่อน ซึ่งเราสองคนเหมือนกันคือเลี้ยงดูครอบครัว คือนี่แหละมันเป็นอะไรที่เราคุยแล้วเราเข้าใจเลย”

            เรียกว่าการได้คุยกับสาวน้ำฝนครั้งนี้ ทำให้เราได้เห็นแง่คิดดี ๆทั้งในการใช้ชีวิตและความรักของเธอ...