บุ๋ม แจ้งจับกะเทย18มงกุฎ แอบอ้างชื่อเรี่ยไรเงินบริจาค

วันที่ 11 มี.ค. ที่กองปราบปราม น.ส.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี หรือ “บุ๋ม-ปนัดดา” อดีตนางสาวไทย พร้อมพวกรวม 6 คน เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รรท.ผบก.ป. พ.ต.อ.ประเสริฐ พัฒนาดี รอง ผบก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นายดากานดา สอนประเสริฐ สาวประเภทสอง ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน โดยมีการแอบอ้างชื่อของ บุ๋ม-ปนัดดา ไปขอรับเงินบริจาค เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยในโครงการ “เรามีเรา เพื่อผู้ป่วยมะเร็งยากไร้” สถาบันมะเร็งแห่งชาติ               

บุ๋ม-ปนัดดา กล่าวว่า ตนได้เคยประกาศไปแล้วว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าว ที่แอบอ้างชื่อของตนเองมาเป็นเวลากว่า 2 ปีแล้ว มีการหลอกลวงดารา และผู้มีชื่อเสียงมาช่วยประชาสัมพันธ์โครงการ เพื่อเรี่ยไรเงินบริจาค ที่ผ่านมาก็ยังไม่ได้ดำเนินการอะไรทางกฎหมาย แต่ปรากฎว่าเขากลับไม่หยุด โดยยังไปออกรายการทีวี แล้วพูดถึงเรื่องบัญชีธนาคารที่รับบริจาคว่ามีบัญชีเดียว ซึ่งจากการตรวจสอบที่จริงแล้วเขามีหลายบัญชี

บุ๋ม-ปนัดดา กล่าวต่อว่า หลักฐานต่างๆ ที่พบ ทำให้รู้ว่า เขายังไม่หยุดพฤติกรรมแบบนี้ ถ้าหากมาขอโทษแล้วนำเงินที่ได้มาไปมอบให้กับสถาบันมะเร็งแห่งชาติจริง ก็อาจจะพิจารณายอมความ แต่ปราฏว่าไม่หยุด แถมยังแจ้งความดำเนินคดีตน เพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย 10 ล้านบาท ก็อยากถามว่าเป็นค่าอะไร แต่มันก็ไม่ใช่สาระสำคัญ และยังแสดงให้เห็นว่านายดากานดา ต้องมีเงินเป็นค่าธรรมเนียม วางศาล  2 แสนบาท ทั้งที่เคยบอกว่ามีเงินอยู่เพียง 2 หมื่นบาท ที่เป็นเงินบริจาคเท่านั้น

 บุ๋ม ปนัดดา กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้ยังมีการฟ้องร้องพิธีกร และผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งด้วย ทั้งที่สื่อมวลชนหลายแขนงก็รายงานข่าวนี้ แต่ทำไมจึงเลือกที่จะฟ้องร้องเป็นบางคน ก็คิดว่าคงต้องการให้เป็นข่าว และโทรศัพท์ไปขู่คนนั้นคนนี้ พวกเราจึงต้องรวมตัวกันมา เพราะที่ผ่านมา ผู้เสียหายแต่ละคนต่างไปแจ้งความในคดีของตัวเอง แต่ในวันนี้พวกเราหลายคน เห็นว่าจำเป็นที่จะต้องมาร่วมกันแจ้งความ เพื่อดำเนินคดี โดยปล่อยให้ไประรานกับใครต่อใครอีกคงไม่ได้ เพื่อให้เขาหยุดพฤติกรรมเสียที เพราะไม่รู้ว่าจากนี้ไปจะไปหลอกใครอีก อย่างน้อยก็เป็นการประกาศในตอนนี้ว่าทนไม่ไหวแล้ว ต่อจากนี้คงต้องขอต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจกองปราบ

 ด้าน พ.ต.อ.ประเสริฐ กล่าวว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบหลักฐาน พบว่ากรณีนี้น่าจะเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อย่างไรก็ดี หากการสอบสวนยังพบว่าไปเกี่ยวข้องกับความผิดตามข้อกฎหมายอื่น ก็จะพิจารณาดำเนินการต่อไป